sodaisy95

🧸🎈💙 · @sodaisy95

16th Jun 2019 from TwitLonger

(os) ideal of relationship #ดซชานแบค






ideal of relationship
chanyeol x baekhyun
#ดซชานแบค






การเลิกกันในแบบอุดมคติ มันมีอยู่จริงไหมนะ?

ทักทายเมื่อเจอกันอีกครั้ง ยิ้มให้กันอย่างที่เคยเป็นมา มองเข้าไปในดวงตาแล้วรู้สึกลงไปถึงในหัวใจ แม้เส้นความสัมพันธ์ที่ถูกขีดขึ้นใหม่นั้น…ทำให้เราไม่ใช่คนรักกันอีกต่อไป

วันนั้นเขาเดินผิวปากขึ้นไปยังตึกมัธยมปลายปีสาม ชายเสื้อที่หลุดลุ่ยนั้นไม่ได้ถูกให้ความสนใจนัก ต่อให้มีใครสักคนที่มีตำแหน่งอยู่ในโรงเรียนนี้เดินผ่านมา เขาก็คงจะไม่ถูกกล่าวว่าอะไรทั้งนั้น เพราะเนกไทที่หลุดลุ่ยไม่ต่างจากชายเสื้อ บ่งบอกให้รู้ว่านี่เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ยืนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ในฐานะ ‘นักเรียน’ คนหนึ่ง เช่นเดียวกับผู้คนที่หัวเราะอยู่ข้างล่าง ถือช่อดอกไม้ พูดคุยกันในฐานะของเพื่อนที่จะได้อยู่โรงเรียนเดียวกันเป็นวันสุดท้าย

ผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บริเวณขอบระเบียงชั้นสี่ สายตามองตรงไปข้างหน้าที่มีท้องฟ้าสีกระจ่างตาเป็นฉากหลัง มีต้นไม้เขียวชอุ่มประกอบฉาก ภาพที่เขาเห็นมานับไม่ถ้วนตั้งแต่ได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ ถึงแม้บางครั้งฟ้าจะหม่น ทอแสงเป็นประกาย หรือมืดมิดจนดาวส่องแสง สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักครั้ง คือความรู้สึกที่เขาได้มานั่งอยู่ตรงนี้ กับคนคนนี้ที่หันมาส่งยิ้มให้เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเข้าไปใกล้

คนที่ถัดตัวลงมาจากระเบียง รอให้เขาเท้าแขนลงบนราวกั้นเพื่อที่จะได้ซ้อนตัวเข้ามาด้านหลัง เข้าแนบชิดจนหลังของเขากับช่วงบนของเจ้าตัวนั้นสัมผัสกันผ่านเสื้อนักเรียน วางมือลงบนมือของเขา รวมถึงปลายคางที่เขารู้สึกได้ว่ามันแนบลงมาที่ข้างขมับ

‘แบคฮยอน’

‘…’

‘เรา—’

‘เลิกกันเถอะ’

ในช่วงเวลานี้ มันไม่มีอยู่จริงหรอก

แต่เขาก็หวังว่าสักวัน…มันจะเป็นความจริงขึ้นมาได้บ้าง

เพียงแค่เศษเสี้ยวของความรู้สึกที่เขามี

เท่านั้นก็พอ





To : PCY1992@sodaisymail.com
From : Baekhyunee@sodaisymail.com
Subject : คิมจงอิน

ขอโทษที่ไม่ได้ตอบอีเมลของนายนะ ฉันไม่อยากตอบมันเท่าไหร่ ก็เลยปล่อยมันทิ้งไว้แบบนั้น แล้วก็ขอโทษอีกครั้งที่ฉันยังไม่ได้อ่านด้วย ที่ฉันส่งอีเมลมาหานายวันนี้ ฉันก็แค่อยากจะบอกเล่าให้นายได้รู้เอาไว้ คิดซะว่าเล่าสู่กันฟังก็แล้วกัน นายไม่จำเป็นต้องอ่านหรือว่าตอบฉัน (ฉันไม่อยากให้นายตอบ) ก็แค่ให้ฉันได้ส่งก็พอ

คิมจงอิน เป็นคนที่ฉันรู้จักในวันรับน้องเข้ามหาวิทยาลัย สิ่งที่สะดุดตาอย่างแรกคือผิวสีแทน รอยยิ้มที่ดูน่ารักเป็นกันเอง เขาเป็นฝ่ายเข้ามาทักฉันก่อนเพราะว่ารหัสของเราต่อกัน และแน่นอนว่าเรากลายเป็นเพื่อนใหม่ของกันและกันไปโดยปริยาย ตลอดระยะเวลาของการรับน้องใหม่ เราสองคนตัวติดกันเหมือนตังเมสองชิ้นที่บังเอิญอยู่ใกล้กันในวันที่แดดร้อนจัด จนหลอมละลายกลายเป็นชิ้นเดียวกัน ไม่น่าเชื่อว่าเราสนิทกันได้รวดเร็วเหมือนลมที่พัดมาในฤดูใบไม้ร่วง เพียงแต่จงอินเรียนศิลปะการเต้น ส่วนฉันก็อย่างที่นายรู้นั่นแหละนะ ถึงคณะเรียนจะต่างกันแต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องห่างกัน หลังจากจบกิจกรรมรับน้อง มันน่าเหลือเชื่อดีนะที่เบอร์โทรศัพท์ที่ฉันแลกกับเขาไว้นั้นถูกโทรเข้ามาทุกวัน แล้วฉันก็รับมันทุกครั้งที่ขึ้นว่าเป็นเบอร์ของใคร ฉันคุยกับเขาข้ามวันข้ามคืน หัวเราะไปกับอะไรตลก ๆ ที่ได้รับรู้ ฉันเล่นมุกของตัวเองกลับไปแล้วเขาก็หัวเราะใหญ่ อย่างน้อยฉันก็รู้ว่านี่มันไม่ใช่ความสัมพันธ์ของคนเป็นเพื่อนกัน ฉันเคยทำแบบนี้กับนาย และนั่นทำให้ฉันรู้ว่าคิมจงอินคงจะไม่ใช่เพื่อนของฉันอย่างแน่นอน

ฉันรู้ว่านายรู้ว่าคนเราเวลาจีบกันน่ะเป็นอย่างไร ดังนั้นฉันจะไม่สาธยายอะไรมากกับสิ่งที่ฉันและจงอินเป็น แต่ฉันจะบอกเล่าถึงสิ่งที่ทำให้มันพัฒนาไปมากกว่าเดิม วันหนึ่งที่อากาศดีมาก เหมือนว่ามันจะเป็นใจ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน จงอินชวนฉันไปเดินเล่นแทนที่จะปล่อยฉันกลับบ้านเหมือนทุกวันที่เคยทำ จนกระทั่งตอนที่เรากำลังเดินผ่านต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง…เขาจูบฉัน

แล้วฉันก็ตอบตกลงรับคำขอเป็นแฟนจากเขา ดังนั้น คิมจงอินคือชื่อแฟนคนที่สองของฉันเอง

ถึงฉันจะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องดนตรีเท่าไหร่ แต่นายรู้ไหมว่าจงอินพาฉันเข้าสู่โลกที่เรียกว่าท่วงทำนอง เขาชอบให้ฉันเลือกเพลงที่เขาจะใช้สอบ หรือเพลงที่เขาจะฝึกเต้น ฉันมีความสุขมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้ชายคนนี้ เขาสอนฉันเต้นรำด้วยล่ะ ฉันเองก็เต้นได้แต่ วัน ทู ชะชะช่า แหละนะ แต่ทุกวันที่ได้อยู่กับเขา ได้อยู่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน เต้นด้วยกัน มันเป็นวันที่ดีมากเลยล่ะ

จนวันที่คลาสเรียนบัลเล่ต์เกิดขึ้น มันทำให้ฉันเสียเขาไป

เธอเป็นผู้หญิงที่เรียนคลาสเดียวกับจงอิน และพวกเขาเต้นคู่กัน แต่รู้อะไรไหม วันที่เขาสารภาพความจริงทั้งหมดว่าเขาคิดเกินเลยกับใครคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน มันกลับ…ฉันจะบอกว่าตัวเองเจ็บรึเปล่า ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นหัวใจล่ะก็ มันชาหนึบขึ้นมาจนเต้นช้าลงราวกับใกล้จะตาย ฉันไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้ร้องไห้ ฉันบอกเขาว่า…ไม่เป็นไร

มันใช้เวลาแค่สิบเดือนเอง ในการเริ่มต้นแล้วจบลง แต่ฉันก็ยังเป็นเพื่อนกับเขาได้นะ ทุกวันนี้ฉันเองก็สนิทกับแฟนของเขาไปด้วยแล้ว เราชอบไปกินข้าวด้วยกันสามคนในคืนวันศุกร์ แต่ตอนที่ฉันกำลังพิมพ์อีเมลฉบับนี้ ฉันไปกินข้าวกับจงอินทุกวันศุกร์ และเจอกับเธอคนนั้นทุกวันจันทร์ เพราะว่าพวกเขาเลิกกันแล้วล่ะ ฉันเองก็ไม่ได้ถามอะไร แต่ทั้งคู่เล่าตรงกันว่านิสัยไปด้วยกันไม่ได้

ฉันเอง…ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าตัวเองรู้สึกแบบไหน

ถ้าเกิดว่าคนที่ดีกว่านายมันหาได้ง่ายเหมือนที่นายบอกกับฉันวันนั้น นายว่าฉันจะมีความสุขมากกว่านี้ไหม?






To : PCY1992@sodaisymail.com
From : Baekhyunee@sodaisymail.com
Subject : โดคยองซู

ไม่ใช่หรอก เพื่อนสนิทคนใหม่น่ะ

ที่ฉันส่งมาในวันนี้ ฉันก็แค่อยากจะเล่าให้นายฟังถึงเพื่อนคนใหม่ที่ฉันได้เจอ เราไม่ได้เรียนอยู่ภาคเดียวกัน แต่ที่รู้จักกันได้เพราะว่ามีเรียนวิชาตัวเดียวกันแล้วได้ทำงานด้วยกันก็เลยสนิทกันไปโดยปริยาย ก่อนที่เราจะสนิทกัน เราก็ได้มีโอกาสศึกษากันเบื้องต้นในฐานะเพื่อนแล้วก็พบว่าเราเข้ากันได้ดีมาก ชอบกินอะไรเหมือนกัน ชอบการ์ตูนเรื่องเดียวกันหรือสไตล์อะไรต่าง ๆ เรื่องสำคัญก็คือชอบกินนั่นแหละ เพียงแต่ฉันน่ะ...คิดว่าเราน่าจะเหมาะที่จะเป็นเพื่อนกันมากกว่า อย่างน้อยมันก็ไม่ได้รู้สึกใจเต้นแรงตอนมองหน้ากันล่ะนะ ทุกครั้งที่เจอกันจะรู้สึกสนิทใจ มีอะไรก็อยากจะเล่าให้ฟัง ส่วนเรื่องแบบนั้นน่ะ ไม่มี แล้วฉันก็ยังไม่เจอ...

ฉันอยากจะเจอ เจอคนที่ดีกว่านายให้ได้ แล้วก็ต้องเจอด้วย

นายคงรู้ว่าทำไมฉันถึงส่งมา วันนี้วันอะไรนายก็น่าจะรู้

แต่ถ้านายลืม...มันเป็นวันที่ฉันตกลงตัดสินใจคบกับนาย

ข้อผิดพลาดในชีวิตชัด ๆ เลย ว่าไหม?





To : PCY1992@sodaisymail.com
From : Baekhyunee@sodaisymail.com
Subject : คิมจุนมยอน

รุ่นพี่ที่ได้รู้จักกันเพราะวิชาคณะ เขาเป็นคนดีที่คอยช่วยเหลือฉันทุก ๆ อย่าง วันนั้นฉันเดินไปหารุ่นพี่ที่สนิทกันเพื่อให้เขาช่วยดูเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจให้ ตอนนั้นเองที่เราได้คุยกันครั้งแรกเพราะรุ่นพี่ที่ฉันตั้งใจจะไปหาไม่เข้าใจเรื่องที่ฉันอยากจะรู้ เย็นวันนั้นเราเลยได้ติวหนังสืออยู่ด้วยกัน และฉันก็ได้รู้ว่ารุ่นพี่คนนี้ชื่ออะไร

ฉันไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร ฉันขอสารภาพกับนายตรงนี้ว่าฉันไม่รู้จริง ๆ ในช่วงเวลาที่เราได้พบเจอกันครั้งแรก ฉันไม่ได้คิดถึงอะไรที่จะแสดงออกไปในแง่นั้นได้ เพียงแต่ในช่วงเวลาสองสามอาทิตย์ที่เราได้เจอกันบ่อยอย่างประหลาด ฉันก็เลยได้รู้ว่ารุ่นพี่จุนมยอนอยากจะรู้จักฉันให้มากขึ้น ตอนนั้นเองที่ฉันคิดถึงคำที่นายบอกฉัน นายบอกว่าถ้าฉันเลิกกับนายไป ฉันอาจจะได้เจอใครที่ดีกว่านายก็ได้ ตอนนั้นเองที่ฉันตัดสินใจว่าฉันจะตกลงศึกษาดูใจกับรุ่นพี่คนนี้ เพราะว่าในเทอมที่เราได้รู้จักกัน เวลาในการเรียนของเราค่อนข้างตรงกันเป็นอย่างมาก ในทุก ๆ เช้าเราจะมาเจอกันที่ร้านกาแฟร้านประจำ นั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องการเรียน เรื่องปลีกย่อยในชีวิตอย่างเช่นวันนี้จะกินอะไรกันดี นั่งทบทวนบทเรียนด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียนตามวิชาที่เราลงเอาไว้ คยองซูเพื่อนของฉันเป็นคนมาเรียนตรงเวลา เพื่อนของฉันชื่นชอบรุ่นพี่คนนี้เพราะมันทำให้ฉันขยันเรียนมากขึ้น ฉันหัวเราะในใจตอนที่ได้ยินเหตุผลของเพื่อน ฉันอยากจะบอกว่าแน่นอนว่าฉันจะต้องขยันเรียนอยู่แล้ว เพราะว่าฉันกลัวว่าจะไม่มีอะไรไปคุยกับพี่เขา ฉันถึงจะต้องตั้งใจเรียนให้มาก นายคงจะหัวเราะฉันอยู่สิท่า เพราะการตั้งใจเรียนน่ะเป็นนรกขนาดย่อมสำหรับฉัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดีแต่ว่าฉันทำไม่เคยได้เลย แต่ฉันจะทำอย่างไรได้ล่ะ ฉันดันตกลงศึกษาดูใจกับคนที่เรียนเก่งที่สุดคนหนึ่งในคณะ ฉันทรมานมากที่จะต้องจดเลคเชอร์ทุกตัวอักษรที่ได้ยินเพราะว่ารุ่นพี่เขาจะเอาสิ่งที่ฉันจดไปอ่าน ฉันเกือบจะเป็นบ้า แต่นายอย่าหัวเราะฉันเลยนะ เพราะในใจของฉันมันหัวเราะเยาะตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันเป็นแบบนี้หรอก มันเป็นเพราะนายต่างหาก

หากว่านายคาดเดาได้ ฉันคิดว่านายคงเดาถูก ฉันน่ะ...ตัดสินใจจบความสัมพันธ์ลงทั้งที่เรายังไม่ได้คบกันเสียด้วยซ้ำ ฉันสารภาพกับพี่เขาหมดเปลือกเลยว่าความจริงแล้วฉันเป็นคนอย่างไร ฉันรู้สึกขอบคุณมากจริง ๆ ที่สิ่งที่ฉันได้รับกลับมามันคือรอยยิ้ม รุ่นพี่ยิ้มให้ฉันก่อนจะบอกว่าไม่เป็นไร เขาเองก็พอรู้ว่าเราไม่เข้ากันเลยแต่ก็กำลังพยายาม มันคงจะมาถึงจุดที่พยายามมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันเลยกลายเป็นว่าฉันได้รุ่นพี่ที่สนิทมากที่สุดคนหนึ่งมา เป็นรุ่นพี่แสนดีที่คอยช่วยเหลือฉันในทุกปัญหา ฉันรักเขาในแบบรุ่นพี่มากจริง ๆ มันจะไม่มีวันหายไปจากใจของฉันเลย

ความรู้สึกที่มีให้นายก็เหมือนกัน

ฉันไม่อยากพิมพ์แบบนี้ แต่ว่ามันไม่เคยหายไปสักที ฉันเกลียดนายมากขึ้นทุกวันที่อยู่ตรงนี้ ในวินาทีนี้ฉันก็ยังเกลียดนาย แต่จริง ๆ นะ ชานยอล ฉันเกลียดตัวเองมากที่สุด

ฉันเลิกรักนายไม่ได้สักที

ทำไม่ได้เลย





To : PCY1992@sodaisymail.com
From : Baekhyunee@sodaisymail.com
Subject : คิมจงแด

ชีวิตฉันมีคนเข้ามาเยอะจัง นายแปลกใจไหม ฉันแปลกใจที่สุดเลยล่ะ มันอาจจะเป็นเพราะคำนายก็ได้นะ ที่บอกว่าฉันจะได้เจอคนดี ๆ อีกมาก ชีวิตฉันเลยมีแต่คนเข้ามาไม่หยุด แต่มันก็ขึ้นว่าดีของนายมันหมายความว่าอย่างไร อยากจะบอกนายนะ...ว่าฉันยังไม่เข้าใจมันเลย

ฉันได้ฝึกงานใจกลางเมืองเลยล่ะ คงไม่ต้องสาธยายให้นายฟังมากว่ามันเป็นอย่างไร แน่นอนว่ามันก็ต้องมีคนจากต่างที่และมากหน้าหลายตามาพบเจอกัน ฉันได้ฝึกงานกับเพื่อนคนหนึ่งที่มาจากมหาวิทยาลัยที่ไม่ใกล้กันเลยคนนี้ ฉันสังเกตเห็นได้ว่าวันที่เริ่มฝึกงานวันแรกเขาดูเหมือนไม่มีใจให้มันสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าคนอื่นสังเกตเห็นไหม แต่ที่แน่ ๆ คือฉันมองเห็นมันอย่างชัดเจน ไม่รู้สิ...มันอาจจะเป็นสัญชาตญาณของคนถูกทิ้งก็ได้นะ ฉันตัดสินใจทักเขาตอนที่กินข้าวกลางวันเพราะว่านั่งอยู่ข้างกัน เย็นวันนั้นฉันเลยได้รู้ว่าเขาเพิ่งเลิกกับแฟนมา ในตอนเช้าก่อนที่เริ่มต้นวันฝึกงานนี่เอง เขาพยายามแล้วแต่เก็บมันเอาไว้ไม่ไหว แล้วมันก็กลายเป็นฉันที่คืนนั้นต้องไปนั่งเป็นเพื่อนเขา ฟังเพื่อนที่ไม่สนิทกันคนนี้ร้องไห้ แต่ฉันเข้าใจเต็มอกเลยล่ะ มันทำให้ฉันนึกถึงตัวเองในวันที่เป็นแบบนี้ ไม่ใช่ในวันที่เราเลิกกันแต่เป็นวันที่ฉันเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่นายแสดงออกมาให้เห็น การหลบหน้า ความรู้สึกที่ทำให้ฉันงุ่นง่านใจ การที่นายกอดฉันไว้แต่ก็ดูไม่อบอุ่นเหมือนเคย ฉันนึกถึงวันเหล่านั้นที่นายเคยบอกฉันว่ามันไม่มีอะไร คนคนนี้เล่าให้ฉันฟังเสียหมดเปลือกว่าเรื่องร้าวฉานระหว่าเขากับแฟนของเขานั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร พวกเขาทะเลาะกันเพราะว่าเรื่องที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน มันเจ็บจนแปรเปลี่ยนเป็นความชินชา เพื่อนคนนี้บอกว่าเขาพยายามมากที่จะได้มาฝึกงานที่นี่เพราะมันใกล้บ้านแฟนของเขา แต่สุดท้ายก็เลิกกันด้วยเหตุผลที่ฉันฟังแล้วก็ยังไม่เข้าใจเสียทีเดียว ที่จริงฉันไม่อยากพิมพ์เพราะว่ามันงี่เง่าน่ะ แล้วฉันก็คิดว่ามันไร้สาระมาก เลยตัดสินใจเสนอตัวเองเข้าดามหัวใจเพื่อนคนนี้เพราะใครจะไปเข้าใจความเจ็บปวดของคนที่ถูกทิ้งได้มากกว่าคนที่ถูกทิ้งมาเหมือนกันอีกล่ะ ฉันก็เลยได้คบกับเขา เป็นความสัมพันธ์ที่รวดเร็วดีใช่ไหม

นายคงไม่เชื่อฉัน ไม่เชื่อก็ถูกแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย นายคงรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำคือการตั้งหน้าตั้งตาหาวิธีทำให้เพื่อนคนนี้คืนดีกับแฟนของตัวเองให้ได้ ฉันทุ่มทุนสร้างราวกับว่าแฟนของเพื่อนฉันคือนาย (ฉันเกือบจะร้องไห้แล้วนะ) แต่มันก็เป็นแค่คำว่าราวกับว่านั่นแหละ คนอย่างนายที่ทิ้งฉันไปแล้ว จะกลับมาหาอีกทำไมล่ะ ต่อให้ฉันร้องไห้กอดขาไม่ให้นายไปซึ่งฉันจะไม่มีวันทำ แต่ถึงต่อให้ฉันทำแบบนั้น นายก็ไม่กลับมาหาฉันอยู่ดี ฉันนั่งแท็กซี่ไปบ้านแฟนของเพื่อนจนสนิทไปด้วยแล้ว แปลกใจจังว่าทำไมคนเราถึงเลิกกันทั้งที่ยังรักกันอยู่ มันอาจจะมีเหตุผลร้อยแปดพันเก้าประการแต่ฉันก็จะบอกว่าฉันไม่เข้าใจ เราต้องพยายามกันไปจนสุดทางสิ จนกว่ารักจะสลาย (ในหนังสือเขาว่าอย่างนั้น) หรืออย่าปล่อยให้รักสลายกันนะ แต่ก็นั่นแหละ พวกเขายังรักกันอยู่ คนรักกันและต้องการกันจะหนีไปจากกันอย่างไรให้พ้น วันที่พวกเขาฉลองที่กลับมาคืนดีกัน ฉันยังได้ไปนั่งเป็นเศษเลย น่าสนุกดีใช่ไหมล่ะ

ฉันได้เพื่อนเพิ่มมาสองคน คนคนนี้และแฟนของเขา ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีใคร บางทีคนที่ดีที่สุดที่นายว่าอาจจะเป็นตัวฉันเองก็ได้ ฉันจะใช้ชีวิตอยู่กับตัวเอง เป็นคนที่ดีขึ้นจนอยากจะอิจฉาตัวเอง ฉันจะเป็นแบบนั้นให้นายดู แล้วขอให้รู้ไว้เลยนะ

ฉันน่ะ...เราสองคนน่ะ แม้แต่คำว่ารู้จักกัน คำนั้นน่ะ

ใช้ไม่ได้หรอก





To : PCY1992@sodaisymail.com
From : Baekhyunee@sodaisymail.com
Subject : โอเซฮุน

ฉันเกลียดนาย

ทั้งโกรธทั้งเกลียดนาย

ตอนที่ฉันกำลังพิมพ์อีเมลฉบับนี้ ฉันก็ได้มานึกคิด ว่ากี่ปีกันแล้วที่นายทิ้งฉันไป ฉันรู้ว่ามันยาก ยากที่สุด ที่จะผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นไปได้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะว่าฉันยังผ่านมันไปไม่ได้เลย

หลังจากเข้าทำงานที่ไม่อยากจะทำเลยได้หนึ่งปี ฉันก็ได้เจอกับรุ่นน้องคนหนึ่งที่เหมือนจะเรียนเร็วกว่าใครเพื่อน ในตอนนั้นที่ฉันยังไม่รู้จักเขา ดูเหมือนว่าเขาจะเรียนมาจากเมืองนอกเมืองนา อายุที่เด็กกว่าสองปีแบบนั้น แต่ก็ได้เข้าทำงานหลังจากฉันแค่หนึ่งปี ฟังดูแล้วเป็นคนที่วิเศษไปเลย ตอนแรกฉันไม่รู้จักเขาหรอก แต่ว่าเราได้รู้จักกันเพราะว่างานในแผนกที่ฉันทำและแผนกที่เขาทำมันไม่ใช่ความผิดของฉันเลยนะ แต่ไม่รู้สิมันอาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้นะ อย่างที่นายเคยบอกฉันว่าที่เราได้มาเจอกันหรือที่เราได้มีความรู้สึกที่ดีให้กันมันเป็นเพราะโชคชะตาของเรามาบรรจบกันก็ได้ เขาหยิบเอกสารผิดไป เอกสารที่เขามีมันควรจะเป็นของฉันแต่ว่าสิ่งที่ฉันมีคือเอกสารที่เขาควรจะมี เพราะแบบนั้น เราจึงได้เจอกัน น่าแปลกนะ เขาเป็น...ไม่รู้สิ ฉันก็ยังคงไม่รู้อยู่ดีว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แต่เขาอาจจะเป็นคนเดียวที่เข้าใกล้คำว่าชอบที่สุดในใจของฉัน ตอนที่ได้สบตากันมันทำให้ใจของฉันเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ฉันอยู่แล้วว่าวันหนึ่งมันต้องมาถึง และเพราะว่ามันเป็นแบบนั้น ฉันรู้ว่านายรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

แต่ฉันก็อยากจะเล่านะ ว่าเราไม่ได้เจอกันเลยนับจากวันนั้นประมาณหนึ่งอาทิตย์ จนวันหนึ่งที่เขาเดินเข้ามาถามหาฉันในแผนกที่ฉันอยู่ตอนสิบเอ็ดโมงห้าสิบนาที ถามว่าฉันจะไปกินข้าวเที่ยงกับเขาได้ไหม ตอนนั้นเองที่ฉันรู้ว่าใจเราตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นใครที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตฉันหลังจากนาย ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้ คืนนั้นเราเดินกลับบ้านด้วยกัน เหลือเชื่อเลยที่เขาจับมือฉัน...ถึงฉันจะแก่กว่าแต่ก็ไม่อยากให้เขาเรียกฉันว่าพี่ มันฟังดู...สำหรับฉันมันไม่โรแมนติกเท่าไหร่ เขาบอกว่าเขาตกหลุมรักฉัน พยายามมากแล้วที่จะห้ามใจตัวเอง แต่เขาห้ามมันเอาไว้ไม่ไหวแล้ว และเรา...ฉันมีความสุขมากเลย

ฉันมีความสุขมากจริง ๆ นะ มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงจากหัวใจของฉันเอง

มันเหมือนฉันเก็บกู้เศษซากของหัวใจได้อีกครั้ง ฉันเป็นตัวของตัวเองอย่างที่ฉันเป็น และฉันดีใจมากที่เขารักฉันในแบบนั้น เขารักฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกนั้นทุกครั้งไม่ว่าเราจะใกล้หรือไกลกันก็ตาม มันเป็นเหมือนดอกไม้ไฟในคืนที่มืดมิด จุดประกายหัวใจของฉันให้กลับมาเต้นอีกครั้ง เสียงหัวเราะในยามเช้าเวลาที่ฉันแย่งกาแฟเขากิน แล้วเขาก็แก้แค้นด้วยการแย่งแซนด์วิชของฉัน เราแอบจูบกันในห้องน้ำก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำงาน เขามารับฉันที่แผนกไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน กลับบ้านด้วยกันในช่วงเย็น ไปเที่ยวด้วยกันหรือนอนอยู่บนเตียงใครสักคน ใช้ชีวิตในห้องของกันและกัน มันเป็นความรักที่ฉันฝันหา เป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่ฉันรู้สึกได้ว่ามันทำให้ฉันมีความสุข ฉันรักตัวเองเวลาที่มีเขาอยู่ข้าง ๆ ฉันชอบตัวเองมากจริง ๆ

ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายให้นายเข้าใจได้อย่างไรถึงความสุขที่ฉันได้พบ ความรู้สึกมันบรรยายออกมาเป็นตัวอักษรไม่ได้ นายและฉันรู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร ไม่สิ นายอาจจะไม่รู้ก็ได้ แต่ฉันไม่ถือสาอะไรหรอกนะ ฉันจำได้แค่คนเดียวฉันก็ดีใจแล้ว นายจำได้ไหม...วันนั้นที่เราอยู่ในผ้าห่ม ไม่ประสีประสาอะไรทั้งนั้นแต่ก็อยากจะทำเพราะว่า...ฉันอยากพิมพ์ว่าเรารักกัน แต่ฉันไม่มั่นใจเลยในวินาทีนี้ ฉันเลยจะพิมพ์ว่า...เพราะว่าฉันรักนาย แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นระหว่างฉันกับเขา แต่เราไม่ได้อยู่ในผ้าห่มหรอกนะ ฉันไม่รู้ว่าจะเรียกว่ามันเกิดขึ้นได้ไหม ไม่สิ มันเรียกไม่ได้หรอก เพราะตอนที่เรากำลังจะก้าวข้ามไปถึงการกระทำเหล่านั้น ฉัน...ทำมันไม่ได้

ฉันร้องไห้ จากน้ำตาหยดเล็ก ๆ เป็นอาการที่เจียนตาย เขาไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่างแต่ก็กอดฉันเอาไว้ ไม่พูดอะไรสักคำ เขาทำแค่ปลอบฉัน ฉันอยากจะพูดนะว่าเพราะอะไร ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ แต่ฉันก็ได้แต่พูดกับตัวเองในใจว่าฉันเป็นของใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากนาย ฉันไม่เคยเก็บเศษซากหัวใจของตัวเองได้ ฉันทำไม่ได้เพราะมันอยู่ที่นาย ทั้งใจของฉัน นายเป็นคนที่ได้มันไปหมดแล้ว เขาเป็นดอกไม้ไฟของฉัน แต่นาย...นายเป็นพระอาทิตย์ในชีวิตของฉัน เพียงแค่ดวงเดียวในโลกของฉัน ฉันรักเขา ฉันรักเขามากนะ แต่ฉันรักนายมากที่สุด ฉันทำไม่ได้ แล้วก็รู้ว่าจะไม่มีวันทำได้อีกแล้ว

เขาเป็นคนเดียวที่ฉันตัดสินใจเล่าทุกความเจ็บปวดให้ฟัง ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่ความสุขของฉันจบลง เรื่องของเรา ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น นายรู้ไหม เขาบอกกับฉันว่าเขารู้...รู้ว่าในใจของฉันมีคนที่ทำให้เขาเข้าไปไม่ได้ ทั้งที่ฉันรู้ว่าฉันพยายามไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่ฉันก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปเลยตอนที่เขาจับมือฉัน บอกว่าเรามาพยายามกันอีกสักครั้งนะ พยายามที่จะทลายกำแพงในใจฉันไปด้วยกัน ตอนนั้นฉันร้องไห้ทั้งที่ไม่มีน้ำตาอีกแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้เพราะอะไรกันแน่ เพราะเขา...หรือว่าเพราะนาย
มันคงจะดีนะ ถ้าฉันกับเขาจบกันไปตั้งแต่วันนั้น ฉันขอโทษเขาเป็นพันครั้งสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลาต่อมาที่เขาพยายามไม่ไหวแล้ว และฉันที่ยอมรับตัวเองอย่างเต็มหัวใจว่าคงจะรักใครไม่ได้อีก เขาร้องไห้ ฉันก็ร้องไห้ ฉันไม่รู้ว่าเขาร้องไห้เพราะอะไร ฉันไม่กล้าที่จะคิดอะไรทั้งนั้น แต่ฉันรู้ว่าตัวเองร้องไห้เพราะรู้สึกขอโทษ ฉันทำให้เขาต้องเจ็บปวด มันเจ็บแค่ไหนฉันรู้ดี ฉันได้แต่ภาวนาให้เขาลืมฉันได้เร็ว ๆ ยิ่งเร็วได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพราะการลืมไม่ได้มันทรมานยิ่งกว่าความเจ็บในใจเสียอีก ฉันบอกเขาว่าฉันจะไปเอง ถ้ามันจะเป็นแค่เพียงหนึ่งสิ่งที่ฉันทำให้เขาได้ ฉันก็จะทำ ฉันเป็นคนที่เดินออกมาจากความสัมพันธ์นั้น ภาวนาให้เขามีความสุข เพราะคนที่ไม่มีวันพบเจอมันอีกแล้วเหมือนฉัน จะแบกรับความเจ็บปวดนั้นเอาไว้เอง

มันนานมากแล้วนะที่ฉันไม่ได้ส่งอีเมลไปหานาย ลึก ๆ แล้วข้างในใจ ฉันโทษตัวเองและรู้สึกว่าคงจะทำอะไรไม่ได้ถ้าเกิดว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้ แต่ที่ฉันตัดสินใจเขียนเรื่องของผู้ชายคนนี้ เพราะว่าฉันได้รับข้อความจากเขาเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปี มันเขียนว่าเราควรจะได้มาเจอกันหน่อย เพราะว่าเขาอยากแนะนำแฟนของเขาให้ฉันได้รู้จัก มันเหมือนข้อความปลดล็อกความทุกข์ในใจของฉันเลยนะ มันคงถึงเวลาแล้วที่ฉันจะได้ใช้ชีวิตไปกับความรู้สึกในใจที่นายทิ้งเอาไว้สักที

อีเมล์ฉบับเป็นฉบับสุดท้ายแล้วที่ฉันจะส่งให้นาย ฉันรู้แล้วว่าความรักในอุดมคติมันไม่มีจริงหรอก ความรักที่ไม่เคยทำให้เสียใจ ทำให้เจ็บปวดหรือทุกข์ทรมาน เรื่องแบบนั้นมันก็แค่คำเพ้อฝันเท่านั้นแหละ ฉันที่รักนายมาก ในวินาทีนี้ก็ยังรัก คนที่ดีกว่านายมันจะไปสำคัญอะไรถ้าเขาไม่ใช่นาย เพียงแต่ว่าวันหนึ่งเราต้องจากกัน ฉันเข้าใจนะ แต่ฉันก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี หรือว่าการเลิกกัน...ในแบบที่นายคาดคิด อุดมคติของนาย ฉันก็ยังทำให้นายไม่ได้ ต่อให้หายไปจากโลกใบนี้ ฉันก็ไม่มีวันทำได้ เพราะว่าฉันรักนาย รักมากที่สุด จากหัวใจของฉัน มันเป็นของนายนะ

ฉันดีใจนะ ที่เราได้พบกัน

ขอให้เราสองคน...อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย

ลาก่อนนะ ปาร์คชานยอล






ท้องฟ้ากำลังร้อง เสียงดังสนั่นผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของตึกสูงยี่สิบสี่ชั้นทำให้แบคฮยอนรู้ว่าฝนกำลังจะตกในไม่ช้า สีเทามืดครึ้มทำให้เขาคิดในใจว่าจะทำโอทีรอฝนหยุดตกหรือว่าจะขับรถฝ่าฝนไปเลยดีนะ

แต่...กลับไปก็ไปนอนอืดอยู่คนเดียว เขารอฝนหยุดตกดีกว่า รีบกลับไปซักผ้าแล้วรีบตากผ้าก็คงไม่แห้ง เห็บเอาไว้ซักพรุ่งนี้ก็แล้วกัน

“แบคฮยอน นายเอาไฟล์ที่ฉันฝากเข้าเมลนายออกมาให้หน่อย”

“ไฟล์ไหนนะ?” ปากของเขาคาบขนมปังลูกเกด มองคยองซูที่เอาม้วนหนังสือพิมพ์ตีหัวเขาเบา ๆ

“เก่งแต่กิน หูมันก็เลยตึง ฉันฝากไฟล์งานเข้าเมลนายไว้ เอาออกมาให้หน่อย” คยองซูพูดซ้ำอีกนะ “สังหรณ์ใจเอาไว้ไม่ผิด ดีนะฝากเข้าเมลนายทัน”

“นายมาฝากเข้าเมลฉันทำไม” เขาเลื่อนหาอีเมลของเพื่อนในกล่องข้อความขาเข้า “ไม่มีนะ มีแต่อีเมลลูกค้า”

“ก็มันรีบ เมลใครขึ้นก่อนก็ส่งอันนั้นแหละ” คยองซูชะโงกหน้ามาดูหน้าจอคอมของเขา หยิบขนมปังไปหนึ่งก้อน “อันนี้เมลอะไร?”

“บยอนแบคฮยอน”

“ฉันส่งเข้าบยอนนี่ ไม่ใช่อันนี้ เปิดอันใหม่”

“โอ้โห ลืมรหัสแล้วมั้ง ไม่ได้เข้าเป็นชาติแล้ว” เขาหัวเราะทั้งที่กำลังเคี้ยวขนมปัง ออกจากอีเมลบยอนแบคฮยอนเพื่อเข้าอีเมลสมัยเรียนมัธยม

“กู้รหัสกลับมาสิ นึกให้ออก ชีวิตเพื่อนนายอยู่ในนั้น”

“จ้า”

แบคฮยอนมาทำงานอยู่บริษัทเดียวกับคยองซูได้สองปีแล้ว ตอนแรกเขาไม่รู้หรอกว่าเพื่อนทำงานอยู่ที่นี่ พอสัมภาษณ์ผ่าน ได้ เข้ามาเจอแล้วเกือบจะเป็นลมเพราะแข่งกันพูดไม่หยุด หยุดพูดไม่ได้

อย่างน้อยชีวิตมันก็ยังมีเรื่องดี ๆ นั่นแหละนะ

เขาชั่งใจเล็กน้อยในช่องใส่พาสเวิร์ด ก่อนที่จะตัดสินใจพิมพ์รหัสที่บอกเพื่อนว่าลืมไปแล้วแต่จำได้ขึ้นในแบบไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น chanbaek614 นั่นน่ะ ใครจะไปลืมลงได้ เขาไม่มีทางลืมหรอก

หน้าแรกที่ปรากฎเมื่อเข้ามาคือกล่องข้อความขาเข้าที่เขาไม่เคยเปิดเข้ามาอีกเลยตั้งแต่ปีอะไรสักปีสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเพราะเขาสมัครอีเมลใหม่ แต่อีเมลที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอทำให้มือของเขาขยับไม่ได้และคยองซูที่ถลาเข้ามาดูงานนั่นนิ่งไปเหมือนกัน

อีเมลของคยองซูอยู่ข้างบนสุด มันเป็นไฟล์งานเปล่าไม่มีชื่อเรื่อง แต่ถัดลงมาจากอีเมลนั้น มันเป็นอีเมลของคนที่ชื่อปาร์คชานยอล ด้วยชื่อเรื่องว่า...บยอนแบคฮยอน

เป็นสิบ ๆ ไม่สิ เขาเลื่อนเมาส์ลงไปเท่าไหร่มันก็ยังไม่หมด มันมีแต่คำว่าบยอนแบคฮยอนอยู่บนหน้าจอของเขา เป็นร้อย ๆ ฉบับ ที่เป็นชื่อเขา...

“เลื่อนไปดูอันแรกสุดที่ส่งมา—”

“ไม่”

“ไม่บ้าอะไร อันล่าสุดน่ะ เพิ่งเดือนที่แล้วเองนะ แบคฮยอน”

“...”

“แบคฮยอน”

“ฉันทำไม่ได้...”

เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจออะไรแบบนี้ที่นี่ เขาปิดตายอีเมลฉบับนี้มานาน ถึงจะใช้งานในเรื่องของการส่งอีเมลบ้าง แต่เขาก็มักจะใช้ทางลัดมากกว่าจะเข้ามาเปิดอะไรแบบนี้ เขาไม่เคยรู้ ไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งเหล่านี้

มันทำให้เขารู้...ว่าสุดท้ายแล้ว มันก็คงยังอยู่ในหัวใจเสมอ

“แบคฮยอน...” คยองซูถอนหายใจ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงสัมผัสเบา ๆ “ฉันรู้ว่านายโกรธเค้า เกลียดเค้า แต่ฉันถามหน่อยว่านอกจากความต้องการที่นายอยากจะทำแบบนั้น นายมีความสุขไหม?”

“นายไม่เข้าใจ...”

“ใช่ ฉันไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่ฉันรู้เรื่องหนึ่ง...ถ้าเกิดว่านายจะยอมรับไม่ได้ นายจะไม่มีวันมีความสุข”

“ฉัน...ไม่ได้อยากมีความสุข”

“...”

“ฉันก็แค่...อยากจะลืมมันไปให้หมด”

“แล้วนายทำได้ไหม?”

ทำไม่ได้...ไม่มีวัน

ฝนตก...แต่มันทำให้เขาคิดถึงเราในยามเย็นวันนั้น

เมื่อหลับตาลงนึกถึงครั้งใด ภาพความทรงจำก็ฉายชัดซ้ำอีกครั้งราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา ภาพที่เขาอ่านข้อความจากคนที่เป็นแฟนคนแรกในชีวิต เดินขึ้นตึกเรียนไปตามคำนัดหมายด้วยหัวใจที่เต้นช้าลง และช้าลง เขารู้...ทั้งที่รู้มาตลอดว่ามันจะเกิดขึ้น ทุกคำพูด ทุกการกระทำของผู้ชายคนนั้น ทุกอย่างมันบอกกับเขาที่ปาดน้ำตาที่ไหลลงมา ก่อนจะเดินตรงไปจบทุกอย่างด้วยคำพูดของตัวเอง

เขาไม่เคยโกรธที่ชานยอลเลือกอนาคตของตัวเอง เรื่องนั้นมันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งแม้แต่เสี้ยวเดียวในความรู้สึกของเขาเสียด้วยซ้ำ แต่เขา...เกลียดที่ได้ยินคำพูดนั้นออกมาจากปากของคนที่เคยบอกว่ารักเขามากที่สุด

‘แล้วนายจะเจอคนที่ดีกว่าฉัน เชื่อฉันสิ’

เขาไม่เคยเจอ...แบคฮยอนไม่เคยเจอใครทั้งนั้น

คนที่จะทำให้เขาทีความสุขมากกว่าเวลาที่อยู่กับชานยอล เพียงแค่หนึ่งในสิบของความรู้สึกที่เขามี มันยังไม่เคยเกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว

ชานยอลเลือกที่จะทิ้งเขา มากกว่าที่จะขอให้เรา...ต่อสู้กับสิ่งที่เรียกว่าระยะทางและเวลาไปด้วยกัน
นั่นบาดลึกลงในใจ อย่างไม่มีวันรักษาให้หายได้

เขาเคยตั้งคำถาม...ว่าที่ผ่านมาระหว่างเรา มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า ที่เราเคยอยู่ด้วยกัน มันเป็นความจริงใช่รึเปล่านะ

นายรักฉันรึเปล่านะชานยอล...

ความรักในอุดมคติของฉัน

ถ้าเกิดว่ามันมีจริงแล้วล่ะก็นะ

...มันก็คงเป็นอุดมคติที่ชื่อว่าปาร์คชานยอล

เป็นความรักของแบคฮยอนคนนี้...

เท่านั้นเอง





To : Baekhyunee@sodaisymail.com
From : PCY1992@sodaisymail.com
Subject : บยอนแบคฮยอน

วันนี้ฝนตกล่ะ ตั้งแต่เช้าเลย

แต่เราอยู่ในหน้าฝน ฉันก็เลยรู้สึกเฉยชามากกว่าจะรู้สึกแย่อะไร แต่ก็ใช่ว่ามันจะมีเรื่องทำให้ฉันรู้สึกดีได้ทั้งวันหรอกนะ เริ่มจากที่กาแฟในห้องของฉันหมด ทั้งที่เตือนตัวเองว่าอย่าลืมซื้อแล้วแต่ฉันก็ยังลืมเหมือนเดิม สุดท้ายเลยต้องออกไปซื้อกาแฟเอาข้างนอก ที่จริงมันก็คงไม่ใช่ปัญหาหนักหนาอะไรนัก ฉันก็แค่ขี้เกียจหาที่จอดรถ ขี้เกียจลงไปข้างล่าง แต่ถ้าไม่ดื่มฉันจะทำงานไม่ได้เลย ทุกครั้งที่ดื่มกาแฟ...ฉันคิดถึงนายตลอดว่าจะดื่มได้รึยังนะ หรือว่าจะยังร้องว่ามันขมเหมือนเดิม นายตอนนั้นที่ได้ดื่มกาแฟครั้งแรก สีหน้าดูไม่จืดเลย วิดีโอที่ฉันถ่ายไว้ ฉันกลับมาดูมันอีกครั้งในวันนี้ มันนานมาแล้วนะ ที่เราได้อยู่ด้วยกัน

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วฉันผ่านห้องสมุดที่เราเคยไปนั่งอ่านหนังสือด้วยกัน มันปรับปรุงใหม่จนเกือบจะจำไม่ได้แล้ว ฉันเองก็ไม่ได้ผ่านมาบ่อย ๆ เอาเข้าจริงก็เพิ่งผ่านครั้งแรกตั้งแต่กลับมา พอเห็นมันแล้วฉันยิ้มอยู่เป็นนาที เพราะว่าฉัน...ฉันยังจำได้ที่เราเล่นกันเสียงดังจนถูกไล่ออกมาทั้งคู่ แต่นายก็ยังกระโดดขึ้นหลังฉัน พากันไปเล่นที่สวนสาธารณะข้าง ๆ

เอาเข้าจริง...ฉันอยากเล่าให้นายฟังนะว่าชีวิตฉันมันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ว่ามันไม่มีเลย มันเหมือนเดิมและฉันก็เคยพิมพ์มันไปแล้ว องค์ประกอบปลีกย่อยมันอาจจะต่างไปบ้างอย่างเช่นผลไม้ติดห้องของฉันตอนนี้คือแอปเปิ้ลไม่ใช่ส้มเหมือนเมื่อเดือนก่อน แต่ถึงนายจะเกลียดฉันไปแล้ว ฉันอยากให้นายรู้ว่าฉันเองก็เกลียดตัวเองที่ตัดสินใจทำแบบนั้น ฉันมันโง่เง่าที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ มันน่าสมเพชที่ฉันเอาแต่มานั่งคิดถึงเรื่องเก่า ๆ ของเราทั้งที่ฉันเป็นคนจบมันลงไปเอง มันคงเป็นผลจากการที่ฉันมันไม่ได้เรื่องและทำให้นายเสียใจ ฉันเองก็เสียใจมากจริง ๆ

ฉันไม่เคยรู้ว่านายได้อ่านหรือไม่ได้อ่านมัน แต่ฉันอยากจะบอกนายอีกครั้ง...หรือทุกครั้งเพราะว่าฉบับถัดไปต่อจากนี้มันก็ยังคงจะมีเรื่องนี้อยู่ คนดี ๆ ที่ฉันอยากให้นายไปเจอ ฉันหวังแบบนั้นจริง ๆ ในตอนที่พูด แต่ในขณะเดียวกัน ฉันบอกกับนายในใจว่าฉันรักนายเป็นพัน ๆ ครั้ง ฉันไม่อยากให้นายมาเสี่ยงหรือต้องอดทนในเวลาที่ฉันอยู่ข้างนายไม่ได้ แต่ฉัน...ก็ไม่อยากให้ใครมาแทนที่ฉันเหมือนกัน ฉันเหมือนคนเห็นแก่ตัวแต่มันก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอะไร ฉันอยากรั้งนายเอาไว้แทบตาย แต่ถ้านายจะเจ็บ...ฉันก็อยากจะให้เราจากกันไปด้วยดี
มันไม่เคยดีเลย ใช่ไหม ฉันเองก็เหมือนกัน

ถึงจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่ฉันไม่เคยโทษนายเลยสักครั้ง เรื่องที่ติดต่อไม่ได้สักทางหรือที่หายตัวไป ไม่เคยตอบอีเมลแม้แต่ฉบับเดียว มันเป็นความผิดของฉันที่ทำแบบนั้นกับนาย ถึงแม้ว่าฉันจะคิดได้ตั้งแต่เดือนแรกที่เราเลิกกันว่าฉันไม่มีความสุขเลยแม้แต่วินาทีเดียว แต่มันก็สายไปแล้วใช่ไหม...มันสายไปตั้งแต่ฉันตัดสินใจทำแบบนั้นกับนายแล้ว

ฉันจะไม่บอกว่าฉันเข้าใจ แต่ฉันจะบอกว่าฉันรู้ว่าฉันมันผิดตั้งแต่ทำให้นายรู้สึกได้ถึงใจของฉันที่มันเปลี่ยนไป ตั้งแต่ก่อนที่เราจะเลิกกันจนถึงในวันนี้ ฉันเองก็กำลังชดใช้ความผิดด้วยการไม่มีความสุขและคิดถึงนายตลอดเวลา ถึงนายจะไม่อยากรู้หรือไม่อยากฟังมันแล้ว แต่ว่าฉัน...รักนายมากเลยนะ แบคฮยอน

ฝนหยุดตกแล้วล่ะ อากาศชื้นดีนะ

ตอนที่ส่งอีเมลหานายมาก ๆ เข้า ฉันก็นึกถึงเรื่องที่เราเคยอ่านด้วยกัน ที่ผู้ชายคนหนึ่งขับรถชนคู่รักคู่หนึ่งเพราะอาการมึนเมา สุดท้ายผู้ชายก็เสียแต่ผู้หญิงยังอยู่รอด ทุกครั้งที่คนเมาแล้วขับนั่นส่งจดหมายมาให้ผู้หญิงจากในคุก มันยังคงเป็นการตอกย้ำว่าผู้ชายคนนั้น คนที่ทำให้คนรักของเธอต้องตาย ยังคงมีชีวิต มีความรู้สึก ยังคงได้อยู่กับคนที่รัก สักวันก็จะได้กลับออกมาใช้ชีวิต ในขณะที่เธอนั้นตายทั้งเป็น แต่ฉันไม่อยากให้นายคิดแบบนั้นนะ ที่ฉันทำทุกวันนี้ มันเป็นเพราะฉันคิดถึงนามากจนไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถทำอะไรได้แล้ว นายอยู่ที่ไหนฉันยังไม่รู้เลย ฉันก็แค่ส่งมาเพราะฉันพิมพ์มันด้วยความรู้สึกที่ฉันมี ฉันน่ะ...รักนายมากกว่าเมื่อวานอีกนะ

ฉันฝันว่าเราได้กอดกัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ความฝัน แต่ว่าฉัน...มีความสุขมาก

ถึงนายจะขอให้เราอย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย แต่ว่าฉันน่ะ มันอาจจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของฉันที่ไม่อยากให้คำขอของนายเป็นเรื่องจริง

ขอให้เราได้เจอกัน ขอแค่เพียงสักครั้ง

ให้ฉันได้บอกว่าขอโทษ และรักนายมากแค่ไหน

ฉันรักนายนะ บยอนแบคฮยอน





Reply · Report Post