General Education# #ดซชานแบค


@sodaisy95



General Education# (GenEd)
♡ chanbaek
♡ #ดซชานแบค
♡ HNY 2019







แบคฮยอนบอกตัวเองว่าไม่ได้เฝ้ารอสายจากคนที่เรียนวิทย์คอมนั่นสักนิด

คนที่ชื่อชานยอล ปาร์คชานยอลนั่นน่ะ

เขาก็แค่ตื่นมาแล้วเช็คสายที่ไม่ได้รับ ช่วงสายของวันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ตอนเที่ยงก็หยิบโทรศัพท์ก่อนแล้วค่อยกินข้าว ตอนบ่ายก็นั่งดูทีวีสลับกับเล่นโทรศัพท์ไป ตอนเย็นก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างจานข้าว ตอนกลางคืนก็เล่นเกมไปมองโทรศัพท์ไป ก่อนนอนก็เช็คอีกที เปิดเสียงให้ดังที่สุด เช็คซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่ได้ปิดแจ้งเตือนเอาไว้ใช่ไหม ทำไมโทรศัพท์มันถึงไม่ดัง ทำไมถึงไม่มีใครโทรเข้ามา!

แต่ไม่ได้รอหรอก เขาไม่ได้รอเลย ใครรอ ไม่ใช่บยอนแบคฮยอนหรอก!

โอเค...ยอมรับว่าเขาจดจ่อกับเรื่องนี้เกินสมควร แต่มันก็เป็นเพราะความรู้สึกของเขาที่อัดแน่นอยู่ข้างในใจ ตลอดระยะเวลาหนึ่งเทอมที่เขาได้ใช้มันไปกับการคิดอะไรเรื่อยเปื่อย คิดแต่เรื่องของคนที่เรียนข้างกัน คนที่เขาบ้าบิ่นซื้อหมวกแก๊ปราคาน้ำตาเล็ดให้ คนที่ให้พวงกุญแจนำโชคที่เขาเอามันผูกไว้ที่โคมไฟข้างเตียง คนที่ขอเบอร์เขาไปแล้วบอกว่าจะโทรมาแต่ก็ไม่โทร!

มันน่านัก มันน่าโมโหนัก!

‘แบคฮยอน มาคุยกับพ่อหน่อย’ วันหนึ่งที่เขานั่งดูวิชาเรียนในเทอมหน้าอยู่ พ่อก็มาเรียกให้ไปคุย
‘อะไรอ่ะพ่อ?’
‘แม่บอกว่าตั้งแต่ปิดเทอมมาเราเอาแต่หน้าบึ้ง หรือว่าเราโกรธพ่อที่ไม่พาไปเที่ยวปีใหม่’
‘แบคจะโกรธทำไมล่ะ พ่อบอกว่าค่อยไปหลังปีใหม่นี่’ เขาไม่เข้าใจพ่อเลย แล้วเขาก็ไม่ได้หน้าบึ้งด้วย
‘งั้นเราเป็นอะไร ทำข้อสอบไม่ได้?’
‘แบคทำได้ ก็แค่แบบ...’ เขาทรุดตัวลงนั่งตรงโซฟาข้างๆพ่อ เก็บกลั้นความผิดหวังในใจเอาไว้ไม่อยู่เลย ‘แบครออะไรอยู่ แต่ว่ามันไม่มา’
‘เราสั่งของออนไลน์รึไง ไปรษณีย์เค้าหยุดนี่...’

เขาคิดอะไรเต็มหัวไปหมด มันเป็นเรื่องของคนคนเดียวที่แตกสาขาออกมาเป็นสิบเรื่อง สารพัดเหตุผลรองรับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก เพื่อนก็เอาแต่ส่งรูปมาอวดว่าไปเที่ยวภูเขา ไปต่างประเทศ ไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ ไอ้เรื่องเที่ยวก็ไม่ได้เจ็บอะไรนักหรอกเพราะจะไปทีหลัง แต่ว่าเขา...
ก็ได้รู้กันไปว่าเด็กวิทย์คอมเป็นคนไม่รักษาสัญญา!

จนถึงวันที่เขานั่งกินพิซซ่าต้นหอมที่แม่ทำให้จนมือมันเยิ้มไปหมด เสียงข้อความที่ดังขึ้นมาทำให้เขาหันไปมองด้วยความหงุดหงิดใจเพราะรู้ว่าเพื่อนคงส่งรูปมาอีกแล้ว แต่ชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอนั้นทำให้เขาโยนพิซซ่าทิ้ง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยไม่สนว่าจะทำให้โทรศัพท์มันเยิ้มเหมือนมือไปด้วย

- ไง -
- ขอโทษที่ช้า ฉันไม่กล้าโทรน่ะ ขอส่งข้อความแทนนะ –

แล้วเจ้าวิทย์คอมก็ขี้ขลาด...ทำไมต้องปล่อยให้รอนานขนาดนี้ด้วย!

เขาอ่านสถานที่นัดหมายในวันพรุ่งนี้ไปแล้วยิ้มไป ถึงในใจจะคิดว่า โอ้โห พาไปกินบุฟเฟต์นานาชาติที่โรงแรมเลยนะ จะราคาเท่าไหร่กันเนี่ย ทำแบบนี้เกรงใจแย่ จะกินลงได้ยังไง แต่อีกใจก็คิดว่าให้ตาย ได้กินบุฟเฟต์กับคนที่...คนที่ชอบ!

‘แม่ รีดเสื้อให้ยัง!’
‘เสื้อไหน?’
‘เสื้อสีดำอ่ะ!’

ไม่เชื่อตัวเองก็ต้องเชื่อว่าพิถีพิถันในเรื่องการแต่งตัวมากแค่ไหน ปกติแล้วคว้าอะไรได้ก็ใส่ หยิบอะไรได้ก็เอาอันนั้นแหละ แต่วันนี้ที่กำลังจะได้ไปกินบุพเฟต์กับคนที่ชอบมาหนึ่งเทอม! (อยากจะกรีดร้องแต่ทำไม่ได้) เสื้อก็ต้องเป็นเสื้อตัวเก่งที่ใส่แล้วรู้สึกเรานี่มันหน้าตาดีระเบิดระเบ้อ กางเกงก็ต้องเป็นกางเกงที่ใส่แล้วดูดีเข้าที (และเป็นยางยืดเพราะต้องยัดของอร่อยลงท้องได้มากที่สุด) รองเท้าแตะรัดส้นดูดีหนึ่งคู่ และกระเป๋าใบเก่งที่เขาเอาติดตัวไปด้วยทุกวันในการใช้ชีวิต เอาของใส่กระเป๋าด้วยใจเป็นสุข เดินลงบันไดบ้านมาด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าทำให้พ่อหันมาถามเขาว่าวันนี้มันมีอะไรดีนักหรือ

“มันเป็นวันที่ดีที่สุดในปีเลย!”
“แน่ล่ะสิ เพิ่งจะผ่านไปได้สองวัน”

พ่อไม่เข้าใจหรอกว่ามันรู้สึกดีมากแค่ไหน ไม่สิ...พ่ออาจจะเข้าใจในวันที่ได้เจอกับแม่ แต่ความรู้สึกของเขามันเป็นความรู้สึกที่สดใหม่ มันเหมือนความรู้สึกขั้นที่หนึ่งที่เกิดขึ้น ก้าวไปสู่ขั้นที่สองในวันที่เราได้คุยกันครั้งแรก ก้าวไปยังขั้นที่สามในวันที่เขาได้รับของและคำชวนกินข้าวปีใหม่ด้วยกัน และวันนี้มันเป็นขั้นที่สี่ของความรู้สึกของเขาที่จะได้ไปกินข้าวกับเด็กวิทย์คอมคนนี้ เขาล่ะมีความสุขเหลือเกินจะบรรยาย!

สถานที่นัดนั้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านของเขามากนัก จากเส้นทางแล้วเขาก็ไม่ได้เดินทางลำบากอะไร นั่งรถไฟใต้ดินแล้วเปลี่ยนสายไปอีกสาย เดินต่อไปอีกนิดหน่อยก็ถึงแล้ว ตอนแรกเขาก็คิดว่าเราจะไปเจอกันที่หน้าโรงแรม แต่คนชวนส่งข้อความมาว่าจะรอหน้าสถานีรถไฟใต้ดินนะ เขาก็เลยตอบตกลงว่าเจอกันตรงนั้นก็ได้ ในใจคิดไปถึงอังคารแล้วว่าเรากำลังจะได้เดินไปคุยไปเพื่อทำความรู้จักกันในเบื้องต้น อันที่จริงก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะออกมาเป็นยังไงแต่ว่าเขาน่ะมันฝันเก่งอยู่แล้ว ขอแค่ได้ฝันว่าเราจะได้ทำอะไรบ้างเขาก็มีความสุขไปทั้งหัวใจ

โอ๊ย...มีความสุขจัง โอ๊ย...มีความสุขมันเป็นอย่างนี้!

เขายิ้มกับตัวเองอยู่ในรถไฟใต้ดิน สร้างความฝันของตัวเองขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่อง สมมติว่าถ้าวันหนึ่งเขากับเด็กวิทย์คอมอยู่ข้างนอกด้วยกันจนดึกดื่น และต้องกลับรถไฟใต้ดินเที่ยวสุดท้ายด้วยกัน แบบนั้นมันจะโรแมนติกมากขนาดไหนนะ คดแล้วมันก็อยากจะเป็นบ้าตายจริงๆเลย เขานี่มันคนโดนความรักเล่นงานจนหมดสภาพ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เอามาทำให้เป็นบ้าได้ง่ายๆ

หลังจากลงรถไฟใต้ดินเมื่อมาถึงสถานที่นัดตามจุดหมายที่ตกลงกันไว้ เขาเดินไปมองหาเด็กวิทย์คอมไป คิดว่าคงไม่ยากเท่าไหร่เพราะขนาดตัวที่ใหญ่เป็นสองเท่าของเขา ได้ยินมาว่าเจ้าตัวชอบไปออกกำลังกายกับเด็กวิทย์กีฬาที่รู้จักกันในวันรับน้อง(แอบฟังเขาคุยกับเพื่อนมาอีกที)เพื่อนเล่นอะไรก็เล่นตามจนตัวใหญ่บึกแบบนี้ แต่ดูท่าทางแล้วเจ้าตัวก็คงชอบเหมือนกัน ถึงได้ยังออกกำลังกายไม่เลิกสักที

แต่มันก็เรื่องของเขานั่นแหละนะ เพราะบยอนแบคฮยอนคนนี้ถือคติ ถ้าคนที่เราชอบชอบอะไรก็จะชอบด้วย(ในกรณีงานอดิเรกเท่านั้น เป็นคนแบคฮยอนจะไม่ชอบ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตาม!)

“บัญชี!” เขาสะดุ้งสุดตัว เกือบอุทานคำหยาบล้างโลกออกมาแล้วถ้าไม่หันไปเจอหนุ่มวิทย์คอมยืนหัวเราะอยู่ข้างหลัง “หน้าตอนตกใจตลกดีนะเนี่ย”
“พูดมาได้!” เขาตกใจจริงๆนะ “มาจากไหนเนี่ย!?”
“ยืนอยู่ตรงนั้น เห็นนายเดินผ่านพอดีก็เลยเดินตามมา” คนตอบชี้ไปด้านหลังใกล้บริเวณซื้อขายตั๋ว
“ไม่เห็นเลย...”
“เออ ไม่ตั้งใจมองกันอ่ะ มันก็อย่างนี้แหละ”
“เฮ้ย เราเปล่านะ” อยากจะบอกว่ามองทั้งตามองทั้งใจแต่พูดไปแล้วกลัวเค้าหาว่าบ้า “ก็มองหาแล้วอ่ะ แต่ว่าไม่เจอ”
“ล้อเล่นหน่า” เด็กวิทย์คอมยิ้มกว้างกลับมาให้เขา “หิวยัง?”
“หิวๆ ไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น กลัวกินไม่คุ้ม”
“โอ้โห เตรียมตัวมาดีมาก สุดยอดนักกินบุฟเฟต์”
“ใช่แล้ว!” เรื่องกินขอให้บอก ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องมาคุย ไม่ฟัง(ยกเว้นเรื่องเด็กวิทย์คอม คุยได้!)

ยอมรับว่าเขินเหมือนกัน แต่การมายืนบิดสามสิบองศา หน้าม้วนไปกับตัวมันคงไม่ได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นเท่าไหร่ พอคิดแบบนั้นแล้วเขาก็ตั้งใจว่าจะคุยกับอีกฝ่ายให้เหมือนกับเพื่อน(ถึงแม้จะคิดเกินเพื่อนไปเยอะมาก!) ถามมาก็ตอบ ไม่ถามก็จะตอบ จะคุยเหมือนว่าเราสนิทกันในระดับหนึ่ง เอาให้พอได้สบายใจไม่อึดอัดกันไปเปล่าๆ ได้มาหาอะไรกินวันปีใหม่ด้วยกันทั้งที่ก็เต็มที่กันหน่อย

“เอ้อ...สวัสดีปีใหม่นะ” เขาชวนคุยก่อน แก้มแดงแต่ว่าจะคุย! “ขอให้เป็นปีที่ดี”
“สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุข” ชานยอลยิ้มตอบกลับมา “แล้วนี่เป็นไง อยู่บ้าน?”
“ใช่ เอาไว้ไปเที่ยวทีหลัง นายอ่ะ?”
“ตอนแรกว่าจะอยู่บ้านแต่ว่าก็ไปเที่ยวแบบไปกลับน่ะ น้องอยากไป”
“อ๋อ...” เขาพอจะเข้าใจ “แล้วทำไมพามากินนี่อ่ะ มันอร่อยเหรอ?”
“อืม อร่อย เคยมากินกับที่บ้าน พ่อพามากิน อาหารมันเยอะดีด้วย”
“อาหารอะไรเยอะ พูดให้ฟังหน่อย”
“ก็รอไปดูสิ เดี๋ยวก็ถึงแล้วเนี่ย” คนพูดชี้ไปด้านหน้า แต่เขาก็เห็นแต่ทาง เอาเข้าจริงก็ไม่รู้หรอกว่าโรงแรมมันอยู่ตรงไหนจนกว่าจะเห็นป้าย
“ก็พูดไว้ก่อนไง ไปถึงแล้วจะได้ไม่งง จะได้คิดว่าจะไปกินอะไรก่อน”
“อืม...เอาที่ฉันชอบก็เนื้อย่าง ซี่โครงหมูบาร์บีคิว แซลมอน อาหารทะเลก็มีทั้งแบบสดแบบเผาแล้วแต่นายจะกิน แล้วก็มีพวกขนมยาวเป็นแถบเลย จำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้างต้องไปดูเอง”
“...”
“ทำไมทำหน้างั้น ไม่อยากกิน?”
“ราคาเท่าไหร่เนี่ย?” ฟังจากเมนูแล้วราคาไม่น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ “ต้องแพงแน่เลย...”
“สี่หมื่นสองพันวอน”
“ห๊ะ!”

เขาหยุดเดินในแบบที่ถ้าเป็นรถเหยียบเบรกแล้วเสียงคงดังเอี๊ยด มันจะเกินไปแล้วนะ บุฟเฟต์อะไรราคาขนาดนี้ แล้วนี่จะเลี้ยงเขางั้นเหรอ เขาจะปล่อยให้เลี้ยงได้ยังไง ราคามันเกินจะมาเลี้ยงกันแล้วแบบนี้!

“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น เลี้ยงได้ ไม่ต้องพูดเลย หยุด” เขาเม้มปากแน่นเมื่อโดนห้ามไม่ให้พูด “อยากเลี้ยง ให้เลี้ยงเถอะ”
“แต่มันเกินไปนะ...”
“ไม่เป็นไร” เขารู้สึกได้ถึงสัมผัสเบาๆที่หัวของตัวเอง “เลี้ยงเผื่ออนาคต”

อนาคตอะไร! อนาคตที่เราได้เป็นแฟนกันใช่ไหม! ต้องใช่แน่ๆ!

“งั้นเราเลี้ยงอะไรได้บ้าง?” เขาไม่ปิดบังว่าอยากตอบแทนมากแค่ไหน “ทำอะไร—”
“นายก็ซื้อหมวกมาให้ฉันแล้วไง จะเลี้ยงอะไรอีก พอแล้วหน่า”
“แต่ไม่สบายใจนี่หน่า มันเหมือนกันที่ไหน...”
“งั้น...เปิดเทอมเลี้ยงกาแฟฉันเป็นไง หรือว่าจะให้ไปหาที่คณะแล้วไปหาอะไรกินกัน?”

เลี้ยงกาแฟ ไปหาที่คณะ ไปหาอะไรกิน! แม่...แม่ช่วยแบคฮยอนด้วย แบคว่าแบคไม่ไหว หนุ่มวิทย์คอมน่ารักจัง

“ทำ...ทำทุกอย่างเลยได้ไหม?”
“ได้สิ” รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา “เอาไว้ไปด้วยกัน”

มัน-ต้อง-ได้-อย่าง-นี้-สิ!

พอถึงโรงแรมที่เป็นจุดหมายแล้วเขาตัวแข็งกว่าเดิม มันเป็นโรงแรมใจกลางเมืองที่หรูหราเกินกว่าคนอย่างเขาจะมาใช้บริการได้ แต่ก็นะ...ถ้าเรามีคนที่เคยมาอย่างคนที่เดินนำไปขึ้นลิฟต์คนนี้ เขาก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้นแหละ จะเดินตามไปเรื่อยๆ คุยเล่นกันไปแบบนี้ วันที่เราจะได้รู้จักกันมากขึ้นจะได้มาถึงเร็วๆ

เขายืนอยู่ด้านหลัง ปล่อยให้คนพามาจัดการเรื่องต่างๆนานา จนกระทั่งเขาได้ไปนั่งโต๊ะที่อยู่ริมกระจก มองตรงไปเห็นท้องฟ้า ก้มลงไปด้านล่างเห็นถนนที่มีรถวิ่งไม่มากเท่าไหร่นัก และเสียงของคนที่มาด้วยกัน บอกให้เขาไปตักอาหารได้เลย

เราจะกินเยอะๆได้ไหมนะ มันจะดูเหมือนคนตะกละเกินไปรึเปล่า

“ทำไมตักน้อยจัง เอาไปอีกสิ” คนชวนมายืนอยู่ข้างๆตอนที่เขากำลังตักซี่โครงหมูมาสองชิ้น “กินเยอะๆเลย”

ปาร์คชานยอลไม่ต้องห่วงนะ บยอนแบคฮยอนคนนี้จะกินให้เต็มคราบเลย!

“นายชอบกินอะไร?”
“เราเหรอ?” เขาเลิกคิ้วกลับไป “เรากินทุกอย่างแหละ ที่มันอร่อยนะ ไม่อร่อยเราไม่กิน”
“ผัก?”
“กินสิ นี่ไง!” เขาชี้ไปยังสลัดจานโต “ผักอร่อย เรารักผัก”

หนุ่มวิทย์คอมเขาก็รัก ล้นเต็มใจ!

“ฉันก็ชอบกินผักเหมือนกัน ช่วงนี้คุมอาหารเยอะเลย ไม่อย่างนั้นกล้ามเนื้อไม่ขึ้น”
“แบบนี้ก็ดีแล้วนะ”
“ไม่ๆ ถ้าไม่ทำไปเรื่อยๆมันจะหาย ก็ต้องทำให้เป็นกิจวัตรอะไรแบบนั้นน่ะ”
“อ๋อ...งั้นที่มาวันนี้กินได้เหรอ พิซซ่าอย่างงี้...”
“ของอันตรายเลย ไม่ได้”
“งั้นเรากินให้นะ เป็นของโปรด!” เขาดึงจานพิซซ่ามาหาตัว แค่คิดว่าจะได้กินตัวก็จะลอยขึ้นไปบนฟ้า
“กินเลย ก็ตักมาให้นั่นแหละ” คนไม่กินพิซซ่าหัวเราะ “เคยเห็น...นั่งดูคลิปทำพิซซ่าในไอจี”
“...”
“ไม่ได้ตั้งใจนะ คือฉัน—”
“เราก็เคยเห็นนายดูคลิปพุดเดิ้ลเหมือนกัน ไม่เป็นไรนะ แอบดูเหมือนกันเลย คุยกันได้”

ช่วงวินาทีที่เราสบตากันก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมานั้นมันสุขเต็มใจ เขามีความสุขมากที่ได้รู้ว่าอีกคนก็ไม่ได้นั่งเรียนอยู่เฉยๆ อย่างน้อยก็แอบมองเขาเหมือนกัน รู้ด้วยว่าเขาชอบกินพิซซ่า แหม...ทำไมถึงได้น่ารักแบบนี้นะ

เขาได้ตักเองแค่ซี่โครงหมูชิ้นโตที่ยาวเต็มจาน กับสลัดผัดอะไรสักอย่างที่เขาคิดว่ามันดูน่าอร่อยดี ส่วนอย่างอื่นนั้นพอเขากลับมาก็เต็มโต๊ะ คนที่เดินมานั่งพร้อมกับสลัดมันฝรั่งและเนื้อย่างจานใหญ่นั้นบอกเขาว่ากินได้เลย ตักมาให้กินด้วยกัน ได้ยินแบบนั้นแล้วมันก็ตื้นตันใจ สัญญาว่าจะกินให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ เริ่มจากการกินซี่โครงหมูชิ้นยิ่งใหญ่ในจานของตัวเองก่อน ล้างปากด้วยแซลมอน ตามต่อด้วยเนื้อย่าง สลัดบ้างเพื่อให้ชีวิตมีสีเขียว พาสต้าที่หนักท้องแต่ถ้าเป็นแบคฮยอนแล้วจะเรียกว่าของว่าง เอาซุปเห็ดใส่ชีสเยอะๆมากินด้วย ตามด้วยพิซซ่าสามชิ้นที่อร่อยเหลือเกิน พักยกกินแตงโมสองชิ้นแล้วไปต่อซี่โครงหมูอีกรอบ หนุ่มวิทย์คอมตักเนื้อย่างกับแซลมอนมาอีกเขาก็กินอีก กินเข้าไปจนสุดท้ายก็รู้สึกว่าเนื้อชิ้นนี้คือชิ้นสุดท้ายแล้วล่ะ

แบคฮยอนพอใจแล้ว พอใจมาก

“เราอิ่มแล้วล่ะ” เขาบอกคนที่นั่งมองเข้ากินอยู่นานแล้ว “นายอิ่มรึยัง?”
“เรียบร้อย นั่งมองนายกินจนอิ่ม”
“ล้อกันรึเปล่าเนี่ย ถ้ามากินบุฟเฟต์มันก็ต้องกินแบบเราเนี่ยแหละ”
“ใช่ คุ้มที่สุด ไม่เสียดายเงินเลย”

เขาพยายามมากแล้วที่จะช่วยจ่ายเงิน หยิบเงินสดเท่าที่มีออกมาแต่ชานยอลก็ไม่สนใจ ไม่รับ ทำเป็นไม่เห็น ปล่อยให้เขายื่นเงินเก้อแล้วยืนขำว่าเขาทำอะไร จนเขาอดไม่ได้ต้องกำกำปั้นแล้วทุบลงไปที่ต้นแขนใหญ่ๆนั่น แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้สร้างความรู้สึกเจ็บอะไรให้คนโดนกระทำเลย เพราะเอาแต่หัวเราะจนเขาทุบแล้วทุบอีกก็ไม่หยุดสักที

“ชานยอล”
“ครับ?”

อย่ามาตอบว่าครับสิ หัวใจมันสั่นเจ็ดจุดแปดริกเตอร์แล้ว

“หยุดหัวเราะเราเลยนะ เราไม่เห็นจะตลกด้วย เราอยากช่วยจ่าย—”
“ก็บอกว่าเปิดเทอมแล้วค่อยมาคุยกัน หรือจะมาเที่ยวกันใหม่ก็ได้ ก่อนเปิดเรียน?”
“...” ก่อนเปิดเรียน โอ้โห ก่อนเปิดเรียน! “เอางั้นก็ได้...”
“งั้นเดี๋ยวนัด...”
“โทรมานะ” เขาต้องกล้าเพื่อสิ่งที่ต้องการ “แบบ...ตั้งแต่ปิดเทอม...”
“รอเหรอ?”
“อื้อ ก็รอ” เป็นสุดยอดของการรอแล้ว รอเก่งอะไรไม่มีหรอก แสนเศร้า
“โถ่...ขอโทษที” ชานยอลยิ้มเก่งเสมอ ตอนที่เราอยู่หน้าโรงแรม โดนลมหน้าหนาวพัดจนตัวจะปลิวก็ยังยิ้ม “ฉัน...โอเค คือ ฉันก็มีเรื่องที่ไม่กล้าทำเหมือนกัน”
“ขอแล้วไม่กล้าโทร?”
“ดูทำเสียงเข้า งั้นก็โทรมาดิ”
“อ้าว ท้าเหรอ งั้นเดี๋ยวเราโทรไปเอง ไปหาร้านก่อน เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยง!”
“โทรมาคืนนี้เลย”
“...”
“อยากโทรมาไหม?”
“รอรับละกัน สัก...สองสามทุ่มเป็นไง?”
“โอเค”
“โอเค...”

แม่เจ้าโว๊ยยยย! เขินจะตายอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องทำเป็นว่าเราไหว เค้าไม่กล้าเราก็กล้าให้ ถ้าจะไม่โทรหาเพราะเขินเดี๋ยวเราจะโทรเอง เขินเหมือนกันแต่โทรได้ แล้วอะไรอีกนะ เราได้ไปหาที่กินข้าวครั้งหน้าจะได้ไปกินด้วยกันอีก เปิดเทอมก็บอกว่าให้มาเลี้ยงน้ำ ไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน สารพัดสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เขาจะฝันเรียงเรื่องเอาไว้เลย จะต้องได้ทำกันไปทีละอย่าง เป็นสิ่งที่ต้องทำในปี 2019

ไม่รู้จะพูดอะไร น้ำตามันจะไหล...

“แบคฮยอน” เขาหันไปตามเสียงเรียก หันไปยิ้มตอบให้กับคนที่ส่งยิ้มให้กันแบบนี้ “ไปเดินเล่นกัน”

ถึงอากาศจะหนาวแต่ว่าใจของแบคฮยอนนั้นสู้มาก ชานยอลชวนไปเดินเล่นแบคฮยอนก็จะไป อันที่จริงเขาก็รู้ว่าเราต่างคนต่างไม่มีจุดหมายปลายทางในการเดินเล่นครั้งนี้ เราเลือกที่จะเดินเลยสถานีรถไฟใต้ดินไป เดินไปตามทางที่ไม่รู้ว่ามันจะมุ่งหน้าไปที่ไหน แต่เพราะว่าไม่ได้เดินไปคนเดียว แบคฮยอนไม่เป็นอะไรหรอก (เพราะมีหนุ่มวิทย์คอม!)

“ทำไม...ถึงซื้อหมวกมาให้ล่ะ?”
“ไม่ชอบเหรอ?”
“ไม่ชอบอะไร ก็บอกไปแล้วว่าชอบ” หนุ่มวิทย์คอมยกมือขึ้นผลักไหล่เขาเบาๆ “หมายถึงว่า...ทำไม?”

อ๋อ...ทำไมถึงต้องซื้อมาอะไรแบบนั้นสินะ ก็เพราะว่าชอบไง ชอบเท่านี่!

“แล้ว...ทำไมถึงซื้อพวงกุญแจนำโชคมาให้ล่ะ?”
“โดนย้อนแล้วสินะ...” คำบ่นเบาๆของชานยอลทำให้อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ก็เออ...มันนำโชคเรื่องความรักนะ รู้ไหม?”
“...”
“ที่วัดบอกว่า...จะสมหวังในความรัก”
“แล้วนาย...ซื้อมาให้ฉัน?” เขานึกเขินแต่ก็สับสน หมายความว่าอยากให้เขาสมหวังในความรัก แล้วรู้เหรอว่าเขาชอบใคร

หรือว่ารู้! โอ้โห ไม่ไหวแล้วแม่ แบคฮยอนต้องตายแน่แล้ว

“ที่จริงฉันซื้อมาสองอัน” คนพูดก้าวเร็วกว่าเดิม ทำให้เขาต้องรีบเดินตามให้ทัน “มีการเรียนกับความรัก ที่จริงจะให้อันที่นำโชคการเรียนให้นาย เห็นตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือแล้ว...น่ารักดี”
“อื้อ...” เค้าบอกว่าเราน่ารัก เราน่ารัก!
“วันนั้นก็เอามาสองอันแหละ แต่พอได้หมวกมาก็เลยเปลี่ยนใจเอาอันความรักให้แทน เพราะถ้านายสมหวัง...”
“...”
“ฉันก็สมหวังไปด้วย ใช่ไหมล่ะ?”






********

Reply · Report Post