sodaisy95

🧸🎈💙 · @sodaisy95

27th Dec 2018 from TwitLonger

General Education (HNY2019) #ดซชานแบค




General Education (GenEd)
♡ chanbaek
♡ #ดซชานแบค
♡ HNY 2019





มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะแอบชอบใครสักคนที่เข้ามาในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต

อาจจะเป็นตอนที่เราตักทรายอยู่ที่ทะเลแล้วมีเด็กสักคนเข้ามาเล่นด้วย ตอนที่ไกวชิงช้าอยู่ในสนามเด็กเล่นแล้วมีคนทิ้งตัวลงที่ชิงช้าข้างๆกัน เพื่อนใหม่ในวัยประถมที่บอกว่าชอบกันด้วยความรู้สึกใสซื่อภายในใจ หรือในวัยมัธยมที่เรามีความเขินอายขึ้นมาหน่อย ฮอร์โมนความเป็นวัยรุ่นเริ่มทำงาน ตอนนั้นที่เราอาจจะชอบเพื่อนในห้อง รุ่นพี่ที่เป็นนักกีฬา หรือรุ่นพี่ที่บังเอิญต้องตาต้องใจตอนที่กำลังต่อแถวซื้อข้าว ได้เอาดอกไม้ไปให้วันเรียนจบโดยไม่เสียหาย ไม่ต้องบอกว่าชอบก็ให้ได้เพราะใครๆก็ให้กัน เป็นความสุขเล็กๆในใจจนเราก้าวขึ้นสู่วัยอุดมศึกษา เปลี่ยนจากนักเรียนเป็นนักศึกษา มีเพื่อนใหม่จากทุกพื้นภาคของประเทศที่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัย เลือกเรียนวิชาเสรีตามคำแนะนำของรุ่นพี่ว่าให้เกรดง่าย และไปให้เร็วในครั้งแรกเพราะต้องไปแย่งชิงที่นั่งที่ต้องนั่งไปตลอดเทอม ถ้าไปช้าก็จะเหลือที่สองที่ในแต่ละแถว นั่งกับเพื่อนไม่พอดีแบบนั้นก็คงต้องเหงาอยู่คนเดียว

แล้วคนเรา...มันก็ต้องชอบคนที่มานั่งเรียนวิชาเสรีข้างเราบ้างแหละเออ!

‘ตรงนี้ว่างไหมครับ?’
‘ครับ!’
‘ตรงนี้...’ รอยยิ้มใจดีทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงเหมือนคนที่วิ่งต่อเนื่องมาแล้วสิบแปดกิโลเมตร ‘มีคนนั่งไหมครับ?’
‘เอ่อ...ว่างสองที่ครับ ถัดไปข้างในไม่ว่าง’ เขามานั่งจองที่ให้เพื่อนเพราะว่าอยู่ใกล้ที่สุด มานั่งกันท่าเอาไว้ คอยบอกใครต่อใครที่เข้ามาถามว่าเต็มรึยัง คนนี้เป็นคนที่สามที่เข้ามาถาม แต่เป็นคนเดียวที่เขาจำหน้าได้
‘พวกมึงนั่งข้างหลังเนี่ย เดี๋ยวกูนั่งกับคยองซูข้างหน้า’ ได้ยินเสียงจัดแจงที่นั่ง ฟังจากประโยคที่คุยกันก็พอจะรับรู้ได้ว่ากลุ่มนี้มีสี่คน สองคนนั่งแถวถัดไป อีกสองคนนั่งกับเขาที่ตอนนี้ได้แต่หันไปโบกมือกับเพื่อนที่เดินเข้ามาแล้ว ยิ้มรับคำขอบใจที่มาจองที่ให้ รวมถึงเสียงของคนที่ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ พร้อมกับหันมายิ้มให้อย่างเป็นกันเอง
‘นั่งด้วยคนนะ’

ใครจะบอกว่าไม่ให้นั่ง ใครจะพูดออกไปได้!

ถึงจะเรียนวิชาเสรีข้างกัน แต่ว่ามันก็ไม่ได้มีความจำเป็นใดๆที่เราต้องรู้จักกันเลยสักนิด

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกคนชื่ออะไร เรียนคณะไหน อยู่ปีอะไร นอกจากหน้าหล่อๆ ผมตัดสั้นดูสะอาดสะอ้านและผิวบ่มแดดที่ดูเหมือนผ่านการออกกำลังกายกลางแจ้งมาอย่างดี เขาก็ไม่รู้อะไรอีกเลย...หรือไม่บางทีเขาก็อาจจะรู้เรื่องไร้สาระไม่เป็นเรื่อง อย่างเช่นตอนที่แขนของเราบังเอิญชนกันตอนเรียน เขาสังเกตได้ว่าแขนของอีกฝ่ายใหญ่กว่าเขาเกือบหนึ่งเท่า มีกล่องใส่ปากกาสีขาวขุ่นแบบที่นิยมใช้กันในสมัยนี้ ใช้ปากกาเน้นข้อความสีเทา ตอนเข้าเรียนจะถือน้ำเปล่าเข้ามาด้วยหนึ่งขวด และช่วงพักสิบห้านาทีก็จะถือออกไปทิ้ง กลับเข้ามาพร้อมกับน้ำขวดใหม่ และเลิกคาบเรียนด้วยขวดเปล่าๆเป็นขวดที่สอง คุยกับเพื่อนตั้งแต่เรื่องกีฬาจนถึงเรื่องวันนี้กินอะไร(ไม่ได้แอบฟังนะ มันได้ยินเอง!) นั่งเท้าคางหันมาทางเขาเพราะมันเป็นมุมเดียวกับเวทีหน้าห้อง อ้าปากหาวในบางครั้งเพราะเรื่องที่เรียนมันน่าเบื่อ พอเขาหาวตามเพราะมันอดไม่ได้ อีกฝ่ายก็จะหันมายิ้มให้แล้วก็บอกว่าน่าเบื่อเนอะ เขาเองก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักกลับไป เพราะอีกใจนึงมันบอกว่าน่าเบื่อจริงๆ แต่อีกใจก็บอกว่าเราต้องเห็นด้วยกับเค้านะ

‘มีไส้ดินสอไหม?’ เขาโดนสะกิดตอนที่กำลังเหม่อถึงเค้กส้ม ‘ขอยืมหน่อยสิ ไม่มีใครมีเลย’
‘อะ..อ๋อ มีสิ’ เข้าล้วงเข้าไปในกระเป๋าดินสอหมีพูห์ตรงหน้า หยิบไส้ดินสอส่งให้คนที่ยิ้มรับไปจัดการด้วยตัวเอง ถึงจะเป็นคนตัวใหญ่แต่ท่าทางก็ดูคล่องแคล่ว เขาเคยสังเกตแล้วว่าอีกฝ่ายคงสูงกว่าเขาเกือบสิบเซ็น หรือไม่ก็มากกว่านั้น ไอ้เรื่องความสูงก็ไม่เท่าไหร่ แต่ขนาดตัวเนี่ยแหละ เขารวมกันสองคนอาจจะยังหนาไม่เท่าเลย
‘ขอบใจนะ’ ไส้ดินสอถูกส่งกลับมาให้เขา ‘ชื่อไร?’
‘แบค...แบคฮยอน’
‘โอเค แบคฮยอน’ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจเต้นแรงทุกที ‘อาทิตย์หน้าจะเอามาคืนนะ’

เอามาคืนก็ส่วนเอามาคืน ทำไมถึงไม่บอกชื่อตัวเองกลับมาด้วยเล่า เราชื่ออะไรก็ว่ามาสิ! เขารอฟังอยู่จนตัวแข็ง จะอ้าปากถามก็ไม่กล้าเหมือนกันเพราะว่าปากมันแข็งด้วย สุดท้ายก็ไม่รู้ ได้แต่หันกลับไปซบเพื่อนที่อยู่ข้างๆ หยิบบิสกิตแท่งรสช็อคโกแลตขึ้นมากิน

เขารู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไร รู้สึกแบบไหน เขาเข้าใจมันดีว่ามันเป็นอะไรที่เขาหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ ความรู้สึกที่อยากจะให้วันเรียนวิชาเสรีนี้มาถึงให้เร็วที่สุด พอถึงวันแล้วเขาก็อยากให้เวลาบ่ายโมงตรงมาถึงเร็วๆ ถึงจะไม่ได้สบตาแต่การอยู่ข้างๆก็ช่วยให้เขาได้มีความสุข เพียงแค่สามชั่วโมงในหนึ่งอาทิตย์ก็ดีแล้ว

แต่เขาคิดไม่ออกเลย ว่าการที่สามชั่วโมงนี้จะสิ้นสุดลงในอีกสามเดือนข้างหน้า เขาจะเสียใจมากแค่ไหน

‘แบคฮยอน’
‘อื้อ...’ เขาหันไปหาเสียงเรียกทุ้มๆที่ฟังแล้วรื่นหูอย่างประหลาด พยายามเก็บซ่อนอาการของตัวเองเอาไว้ลึกสุดใจ
‘คืน’ ไส้ดินสอเล็กๆถูกยื่นมาตรงหน้าเขา
‘ไม่ต้องก็ได้...’
‘เถอะหน่า ก็พูดแล้วว่ายืม มันก็ต้องคืนสิ’

เขารับไส้ดินสอมาโดยพยายามไม่ให้นิ้วของเราสัมผัสกัน เอามันใส่ดินสอที่ตอนนี้เขาใช้มันเขียนตามที่อาจารย์พูดอยู่ ไม่รู้ว่าจะจ้องอะไรนักหนา ถ้าจ้องมือเขาจะไม่ว่าหรอกเพราะว่าไม่เห็น แต่ทำไมต้องจ้องหน้าเขาแบบนี้ด้วย ถ้าเกิดมือสั่นขึ้นมาแล้วอีกฝ่ายจะรู้ไหมนะ ถ้าเกิดว่าแก้มเป็นสีแดงจะโดนจับได้ไหม แล้วถ้าเกิดว่า...จะจ้องไปถึงไหน เขาจะทนไม่ไหวแล้วนะ

เป็นเรื่องปกติของการเรียนวิชาเสรีที่มักจะมีรายงานให้ทำเสมอ เขานั่งจดรายละเอียดการทำงานตามที่อาจารย์สั่งเพื่อไม่ให้มีอะไรขาดตกบกพร่อง กลุ่มละสี่ถึงห้าคน เลือกหัวข้ออะไรก็ได้จากบทที่หนึ่งถึงสิบสองในหนังสือเรียน รายงานห้ามเกินสามสิบหน้ารวมบรรณานุกรมที่ถูกต้อง ส่งก่อนอาทิตย์สอบปลายภาคสองอาทิตย์ ส่งรายชื่อสมาชิกกลุ่มและหัวข้อเรื่องที่จะทำท้ายชั่วโมง กลุ่มของเขามีห้าคนพอดี เพื่อนเองก็เขียนรายชื่อส่ง เลือกบทที่เจ็ดเพราะอ่านเนื้อหาแล้วรู้สึกว่ามันง่ายดี เอาไว้ค่อยทำหลังสอบกลางภาค จะได้เรียนก่อนทำด้วย ตรงไหนสำคัญจะได้เลือกทำถูก

‘โทษนะ...รายงานที่อาจารย์บอก...’ คนข้างๆสะกิดเขา ‘รายละเอียด’
‘อ้อ...กลุ่มละห้าคน’
‘สี่ได้ไหม หรือว่าต้องห้าเท่านั้น?’
‘สี่ได้ๆ’ เขาพยักหน้าประกอบ ‘ให้เลือกหัวข้อจากในหนังสือ ทั้งเล่มห้ามเกินสามสิบหน้า ส่งก่อนปลายภาคสองอาทิตย์’
‘โอเค ขอบใจมาก’ คนที่นั่งข้างเขาเป็นคนยิ้มเก่ง เพราะตอนนี้ก็ยิ้มให้เขาอีกแล้ว
‘เอ่อ...ส่งรายชื่อกับเรื่องด้วยนะ ท้ายชั่วโมง’ เขาบอกกับอีกฝ่ายที่พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนของตัวเอง เช่นเดียวกับเขาที่หันไปหาเพื่อนข้างๆ นั่งยิ้มอยู่กับตัวเองจนหมดชั่วโมง

เขาเติบโตบนโลกนี้มาได้ถึงอายุเท่านี้ มันก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่เขาจะเคยหลงชอบใครมาบ้าง แอบชอบใครมาก็หลายคน ชั่ววูบหรือจริงจัง แสนสั้นหรือยาวนาน แต่ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงได้ขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้ใกล้กับคนในใจเพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น ถึงจะใกล้แต่ทำอะไรไม่ได้ ก็คงดีกว่าการที่ไม่ได้ใกล้เลย ถึงจะไม่รู้อะไรไปมากกว่าลักษณะภายนอก แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว

เวลาที่เราชอบใคร ความสุขที่เกิดขึ้นจริงๆคือการที่เราฝันถึงเขา ได้คิดถึงเขาในทุกช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิต จะทำอะไรอยู่นะ วันนี้กินอะไร ตกลงแล้วชื่ออะไรกันแน่ เรียนคณะอะไรกันนะ จะเล่นกีฬาบ้างรึเปล่า จะมีบ้างไหมที่ได้บังเอิญเจอกัน ถ้าเจอกันนอกห้องเรียนจะจำได้ไหม หรือว่าจะลืมหน้ากันไปเลย

ถ้าเกิดว่าเรา...ได้เจอกันในที่ที่ไม่ใช่ห้องเรียน ที่ไหนก็ได้ ถ้าหากว่าไม่ใช่...

‘อ้าว เรียนคณะนี้เหรอ?’

เขาเดินมาซื้อน้ำ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเจอเหตุการณ์ที่อยากจะทำให้โยนขวดน้ำทิ้งแล้ววิ่งหนีไปให้ไกล ถึงจะเคยคิดว่าถ้าเราจะได้เจอกันบ้าง แต่สถานการณ์ที่ตั้งตัวไม่ทันแบบนี้ เขาจะห้ามตัวเองยังไงไม่ให้ทำเป็นตกใจ จะเก็บซ่อนความรู้สึกแล้วทำเป็นว่าไม่ได้คิดอะไร ห้ามอาการร้อนรนไปทั้งตัวแบบนี้...จะห้ามได้ยังไง

‘เปล่าๆ เราเรียนบัญชี แบบ...เพื่อนมานั่งก็เลยตามมา’
‘ก็ว่าอยู่ ไม่เคยเห็นเลย’ เขาได้รับรอยยิ้มเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยแล้ว ‘ไปก่อนนะ มีเรียน’
‘อื้อ...’
‘พรุ่งนี้เจอกัน...แบคฮยอน’

พรุ่งนี้เจอกัน พรุ่งนี้เจอกัน พรุ่งนี้เจอกัน! เมื่อไหร่จะถึงพรุ่งนี้ อีกตั้งกี่ชั่วโมงกว่าจะถึงพรุ่งนี้!

แล้วเค้า...เค้า...เค้าจำชื่อเราได้!

ช่วงก่อนสอบมิดเทอม อาจารย์ไม่พูดอะไรนอกจากออกบทที่หนึ่งถึงบทที่หก รายละเอียดการออกข้อสอบต้องเก็บเอาจากการเรียนในแต่ละครั้ง อาจารย์แต่ละคนที่สอนในแต่ละครั้งจะคอยบอกว่าตรงนี้ออกสอบนะ ตรงนี้ก็ออกสอบ จดตรงนี้ไว้นะ ตรงนี้สำคัญ เขาเองก็ทำได้อยู่สองอย่างในห้องเรียน ไม่คิดถึงคนข้างๆก็ต้องตั้งใจเรียน อ้อนเพื่อนบ้างเป็นครั้งคราวว่าหิว ให้เพื่อนส่งขนมมาให้กิน ประทังความอยากไปได้อีกชั่วโมง

‘แบคฮยอน บัญชี’
‘…’ เสียงทุ้มที่ทำให้ต้องขยับหลังให้ตรงทุกครั้งที่ได้ยิน พร้อมกับการหันหน้าไปหาช้าๆ เหมือนกับว่าเราไม่ได้อยากหันไปนะ แต่ว่าเธอเรียกเราไง เมื่อกี้เธอเรียกเรานะ
‘ขอแนวข้อสอบหน่อยได้ไหม คือ...ไม่มีใครจดไว้เลย’

นอกจากรอยยิ้มของคนที่แอบชอบ เขาได้รอยยิ้มจากคนอีกสามคนที่เป็นเพื่อนของคนที่ชอบ รอยยิ้มราวกับว่าต้องการความช่วยเหลือในเรื่องนี้จริงๆ

‘เรียนวิทยาไม่ใช่รึไง?’ เขาตอบกลับไปยิ้มไป เป็นครั้งแรกที่ได้พูดแบบนี้ เพราะมีเวลาเสี้ยววินาทีการเตรียมตัว
‘ขอโทษครับ เรียนวิทย์คอม’ ครั้งนี้เป็นเสียงหัวเราะร่าที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ‘ช่วยหน่อยหน่า...’

ใครจะไม่ช่วย ต่อให้เป็นใครมาจากไหนก็ต้องช่วย ยิ่งชื่อแบคฮยอนที่เรียนบัญชีแล้วก็ยิ่งต้องช่วย

เขาส่งหนังสือให้ ก่อนจะบอกว่าอาทิตย์หน้าค่อยเอามาคืน โชคดีที่ถามก่อนจะถึงสัปดาห์สอบ เลยบอกว่ามีเรียนแล้วเอามาคืนก็ได้

‘พรุ่งนี้ไปกินข้าวที่คณะเราดิ บ่ายโมง เดี๋ยวเอาไปคืน’
‘…’
‘ขอบใจนะ แบคฮยอน’

ขอบคุณแม่ที่ตั้งชื่อว่าแบคฮยอน ดีใจมากที่ได้ชื่อแบคฮยอน ดีใจมากจริงๆ

เพื่อน...คือสิ่งมีชีวิตที่ทำอะไรตรงข้ามกับที่เราอยากให้ทำ

อยากกินชาเขียวก็ซื้อชานม อยากกินช็อคโกแลตมันก็ซื้อชาเขียวให้ อยากกินขนมมันซื้อไก่ทอด วันไหนอยากกินไก่ทอดมันพาไปซื้อขนม วันไหนที่อยากอยู่คนเดียวมันก็ไม่ยอมให้อยู่ ส่วนวันไหนต้องการเพื่อน...มันก็ให้ไปคนเดียว

‘ไม่ไปหรอก พวกกูไม่อยากเป็นก้างขวางมึงกับหนุ่มวิทย์คอม’

ก็ไม่ได้ให้ไปเป็นก้างไง ให้ไปเป็นเพื่อน!

เหมือนเผชิญปัญหาโลกล่มสลายตามลำพัง เขาไม่คิดเลยว่าเพื่อนมันจะปล่อยให้เขาเดินมาคนเดียวแบบนี้ แถมยังโบกไม้โบกมือขอให้เขาโชคดี ความจริงมันก็ไม่แปลกที่เขาจะไปกินข้าวที่คณะอื่น แต่ให้มาคนเดียวแบบนี้ ท่าทางประดักประเดิดแบบนี้ ไม่รู้จะทำตัวแบบไหน จะต้องทำสีหน้ายังไง ต้องยิ้ม...ยิ้มยังไงดีวะเนี่ย!

พอเดินเข้าไปก็เห็นได้ทันที...เหมือนสายตามีไว้เพื่อคนคนนี้ หรือว่าหนุ่มวิทย์คอมคนนี้เด่นกว่าเพื่อน เรื่องนั้นเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

‘กินข้าวมารึยัง กินด้วยกันก่อนไหม?’
‘กะ..กินแล้ว อิ่มมาถึงนี่ ตรงนี้เลย’ เขาทำท่าเป็นว่าอิ่มมาก ทั้งๆที่เมื่อเช้ามีขนมปังมันฝรั่งตกถึงท้องแค่ชิ้นเดียว ‘หนังสือ...’
‘งั้นเลี้ยงช็อคโกแลตก็แล้วกัน’ อีกฝ่ายลุกขึ้นยืน ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อคุยกัน ‘ขอบใจที่ให้ยืม’
‘ไม่เป็นไร…’
‘ให้เลี้ยงเถอะหน่า คนให้ก็อย่าปฏิเสธดิ’

ครับ พ่อหนุ่มวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ไม่ได้อยากจะปฏิเสธแต่คนมันเขินน่ะ เข้าใจรึเปล่า!

เขาได้ช็อคโกแลตเย็นแก้วใหญ่วิปครีมฟูๆ คำขอบใจ และหนังสือวิชาเสรี ตอนแรกเขาบอกว่าไม่เอาวิปครีม ไม่รู้ว่าเผลอแสดงท่าทางอะไรออกไปรึเปล่า คนที่ซื้อให้ถึงได้ยิ้ม บอกพนักงานว่าเอาวิปครีมพิเศษเลยครับ จะพูดขัดว่าไม่ต้องก็โดนยกมือขึ้นห้าม เลยต้องบอกว่าราดซอสช็อคโกแลตเยอะๆด้วยครับ ถึงจะได้รับรอยยิ้มกลับมา

โถ่...เขินเป็นบ้า จะอ่านหนังสือรู้เรื่องไหมนี่

สองอาทิตย์ที่ห่างหายไปเพราะสอบกลางภาค เขาอ่านหนังสือไป...บางครั้งก็คิดถึงคนที่ไม่ได้เจอกันเลย นึกตลกขึ้นมาว่าทำไมเราถึงได้เป็นแบบนี้นะ นั่งยิ้มอยู่คนเดียว มองท้องฟ้าแล้วก็หัวเราะเหมือนคนบ้า เจ้าวิทย์คอมตัวโตทำอะไรอยู่นะ จะอ่านหนังสือแล้วเอาแต่กินเหมือนเขาไหม จะน้ำหนักขึ้นมาสองโลเหมือนกันบ้างรึเปล่า หรือว่าจะเครียดจนไปออกกำลังกายแล้วตัวใหญ่กว่าเดิม แต่ไม่หรอก...คงจะสบายดี คงจะไม่ได้นั่งยิ้มกับหนังสือวิชาเสรีเหมือนเขา อ่านก็ไม่รู้เรื่องเพราะเอาแต่คิดถึงคนที่นั่งข้างๆกัน เค้าจับหนังสือเล่มเดียวกับเราด้วยนะ จะต้องได้เต็มแล้วนะ เราจะได้มีอะไรไปบอกเขาได้ไง

ก่อนจะสอบหนึ่งอาทิตย์พี่รหัสของเขาให้แนวข้อสอบมา พี่บอกว่าจากหกสิบข้อในนี้ยังไงก็ต้องไปโผล่ในข้อสอบไม่น้อยกว่ายี่สิบแน่ๆ จำให้ได้ว่าข้อไหนตอบอะไร อ่านซ้ำให้เห็นจดจำไว้ในสมอง เห็นในข้อสอบจะได้ตอบได้ วันสอบเลยไม่ได้อ่านหนังสือ มายืนท่องข้อสอบอยู่หน้าห้องที่มีคนประปราย ที่จริงแล้วเขาก็อยากนั่งข้างล่าง อ่านหนังสือที่โต๊ะเหมือนคนอื่นๆ แต่พอมาแล้วที่เต็มหมดเลยชวนกันมายืนข้างบน หาระเบียงเกาะเอาก็ไม่เสียหายอะไร ยืนเรียงกันไปก็ไม่ได้เกะกะขวางทาง

‘อ่านไร?’

สาบานว่าเขาเกือบทำข้อสอบหลุดมือร่วงลงไปชั้นหนึ่ง ถ้าเป็นเสียงเพื่อนเขาคงจะด่าไปแล้วที่ทำให้ตกใจแต่ว่านี่มันไม่ใช่ เขาจำเสียงนี้ได้ดีเพราะมันเป็นเสียงที่อยู่ในใจ เป็นเสียงที่เขาคิดถึงทุกวัน เสียงของคนที่...นั่งเรียนวิชาเสรีข้างกัน

‘ตกใจเหรอ โทษที’ ยิ้มให้เขาอีกแล้ว ใครจะไปโกรธล่ะ ไม่ด่าด้วย ไม่ตกใจ ‘อ่านไร บัญชี’
‘ขะ..ข้อสอบ’
‘หืม ?’ อย่าชะโงกหน้าเข้ามาใกล้สิวิทย์คอม เขิน! ‘เอามาจากไหน?’
‘รุ่นพี่ให้มา...อ่านไหม?’ เพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายคงตอบกลับมาอ่านเถอะ เลยต้องชิงยื่นไปให้ก่อน ‘จำได้แล้ว’
‘จำได้แล้ว? งั้น...ขอบใจนะ’

ใครจะไปมีอารมณ์อ่านหนังสือ มายืนอยู่ข้างๆกันแบบนี้ พอมีคนอื่นเข้ามายืนก็ขยับมาจนแขนชนกัน จะขยับแขนออกก็ไม่กล้าเพราะอีกฝ่ายก็ไม่ได้ขยับเหมือนกัน คือ...ก็สารภาพว่าอยากอยู่แบบนี้เหมือนกัน แต่มันก็เขินแต่ว่ามันก็อยากอยู่แล้วมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร ยกเว้นสายตาของเพื่อนที่เอาแต่มองแล้วล้อเลียนกันนั่นแหละ ถ้าอีกคนจะรู้เอาว่ามันแปลกก็ไม่ใช่เพราะเขาหลุดแต่เป็นเพราะเพื่อนเนี่ยแหละ อย่ามองกันได้ไหมเล่า!

แต่ได้ยืนแขนชิดแบบนี้...ทำข้อสอบไม่รู้เรื่องแน่ๆ ตายแล้ว ทำไม่ได้แน่ๆ

‘บัญชีมีสอบกี่ตัว กลางภาคอ่ะ’
‘เอ่อ...สาม’ เขาตอบแล้วแอบหันไปสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ‘ที่เหลือสอบนอกตาราง’
‘แบบนั้นก็เรียกว่าสอบดิ งั้นสอบทุกตัวเลย?’
‘ก็คงงั้น...มั้ง’ ไม่รอดแล้ววันนี้ สอบตกแล้ว ‘แล้วเพื่อนไปไหน?’
‘มันกินข้าวอยู่คณะกัน ขี้เกียจเดินไป เลยขึ้นมาสอบเลย’ คนตอบให้ความสนใจกับข้อสอบมาก เขาเลยคิดว่าควรจะอยู่เงียบๆเข้าไว้ อย่างน้อยถ้าเขาจะไม่มีสมาธิเข้าห้องสอบ อย่างน้อยเขาก็ขอให้คนข้างๆทำข้อสอบได้ก็แล้วกัน

เขาเอาโทรศัพท์ขึ้นมากด ตอบรับเพื่อนที่ถามว่าจะไปเข้าห้องน้ำไหมว่าไม่ไป คิดในใจว่าจะอยู่ตรงนี้ให้ได้นานที่สุด วิทย์คอมไม่ไปเขาก็ไม่ไป ได้นั่งเรียนเสรีข้างกันแล้ว ได้ยืนข้างกันแล้วแขนชิดนั้นยิ่งกว่า แต่น้อยกว่าที่ฝันไว้เพราะฝันมากกว่านี้ ในฝันคือเราเป็นแฟนกันไปแล้ว พอได้เดินบนพื้นปูนซีเมนต์ถึงเรียกสติตัวเองกลับมาได้

‘แล้วบัญชีทำข้อสอบได้ไหม ที่สอบมา?’
‘ก็ได้นะ พื้นฐานไม่ยากเท่าไหร่’ ชวนคุยอีก ใจจะออกมาเต้นข้างนอกแล้ว ‘วิทย์คอมล่ะ?’
‘ยากว่ะ น่วมเลย เหมือนโดนหมัดฮุค’
‘ขนาดนั้นเลยเหรอ?’
‘ขนาดนั้นแหละ เหมือนสอนให้บวกเลขแล้วออกข้อสอบเป็นหาร’ กระดาษข้อสอบที่วางลงบนหัวของเขาทำให้สะดุ้งนิดหน่อย ก่อนที่มันจะมาพร้อมกับประโยคที่ทำให้เต้นแรงสุดหัวใจ ‘สอบวันนี้ก็สู้ๆล่ะบัญชี ทำให้ได้นะ’

สู้-ตาย-โว้ยยยยยย!

วิชาเสรีหลังสอบกลางภาคเริ่มต้นด้วยบทที่เจ็ดในหนังสือเรียน

แต่คนที่ตั้งหน้าตั้งตาจะมาเจอ ตั้งใจว่าจะต้องได้คุยกัน ได้ยิ้มให้กันก็ยังดีกลับไม่มาเสียอย่างนั้น แค่ไม่ได้เจอกันยังรู้สึกเสียใจเลย มันไม่ได้เป็นความเสียใจแบบไร้เหตุผล แต่ปกติแล้วเขาก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในช่วงสอบนะ ช่วงนี้ทำแบบนี้นะ แต่ครั้งนี้ที่ไม่มาเรียนเขาไม่รู้ จะถามก็ไม่ได้เพราะไม่ใช่เรื่องของเขาเลย เพื่อนๆของวิทย์คอมจะงงด้วยว่าเขาถามทำไม

หงุดหงิดมากเลย หงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งเรียนต่อไปและคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่สบายรึเปล่านะ หรือว่าไปเที่ยว ไปต่างจังหวัด ดรอปไปแล้ว ไม่เอานะ ไม่ดรอปสิ! หรือด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ที่เขามีสิทธิแค่คิดแต่ไม่มีสิทธิจะถามอะไรทั้งนั้น ชื่อยังไม่รู้เลย ตอนนี้มาอยากรู้ว่าเค้าหายไปไหนมันก็ใช่เรื่อง น่าเบื่อจริงๆ

เหมือนอกหักเลยแฮะ แต่ก็แค่เหมือนเท่านั้นแหละ เรามันเคยอกหักที่ไหน มีแต่ห่างกันไปแล้วก็ทำใจได้เอง
น้อยใจตัวเองเหมือนกันนะเนี่ย ทำไมไม่เก่งเอาซะเลย

‘บัญชี กินขนมป่ะ?’
‘...ไม่เป็นไร’ เขาปฏิเสธ ‘กินเถอะ’

สัปดาห์ต่อมาที่อีกฝ่ายมาเรียน เขาล่ะอยากจะตีตัวเองให้หายนิสัยไม่ดี ตีปากตัวเองด้วยข้อหาปฏิเสธขนมนั่น บางทีมันอาจจะทำให้อิ่มทิพย์ไปหนึ่งวันเลยก็ได้ ตอนนั้นเองที่อีกฝ่ายยื่นมาให้อีกครั้ง บอกว่ากินเถอะ เขาถึงได้ล้วงมือลงไป รับรู้ว่ามันอิ่มทิพย์จริงๆ อิ่มที่หัวใจ

‘ทำไม...ไม่มาเรียน?’ ถามไปแล้ว จะแปลกใจไหม จะคิดว่าถามทำไมรึเปล่า จะคิดอะไรแบบนั้นไหม
‘เมื่ออาทิตย์ที่แล้วน่ะเหรอ ไปเที่ยวมา’ คนที่แบ่งขนมให้เขากินยิ้ม ‘หยุดทั้งสัปดาห์นั่นแหละ ไปไต้หวัน’
‘ชานมไข่มุกอร่อยไหม?’
‘มาก กินทุกวัน วันละสองแก้ว อ้วนขึ้นเลยเนี่ย’ นี่เรียกว่าอ้วนเหรอ แล้วอย่างเราเรียกว่าอะไร ‘อันนี้รูปที่ไปมา เป็นไง?’
‘สวยดี ดูคนเยอะดีเนอะ ไฟก็สวย’ หล่อ หล่อมาก! ‘ไปกับ...ที่บ้านเหรอ?’
‘ใช่ ไปทั้งตระกูลเลย’

รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ไม่บอกว่าไปกับแฟน ไม่อย่างนั้นเขาคงน้ำตาตกใน แล้วก็ตกข้างนอกด้วย
ที่จริงเขาอยากดูรูปที่มีเด็กวิทย์คอมทุกรูป แต่ความรู้สึกของเขาต้องมีขอบเขต ชื่อเขายังไม่รู้เลย จะมาทำเป็นอยากรู้เหมือนเพื่อนคนอื่น เขาคงทำไม่ได้

ได้กินขนมก็อิ่มใจแล้ว พอใจมากแล้วล่ะ

ครึ่งเทอมหลังนั้น เด็กวิทย์คอมใช้วิธีใหม่ด้วยการถามเขาหลังเลิกเรียนว่าขอถ่ายรูปสิ่งที่จดในวันนี้ได้ไหม แน่นอนว่าคนอย่างเขาไม่เคยปฏิเสธถ้าคนคนนี้เป็นคนขอ เขาเต็มใจให้ถ่ายแถมยังตั้งใจเรียนตั้งใจจดเป็นพิเศษ เขียนด้วยลายมือเรียบร้อย อาจารย์รีบพูดแค่ไหนเขาจะไม่รีบเขียน เดี๋ยวคนข้างๆจะอ่านไม่ออก

เหมือนเข้ามานั่งเรียนเพื่อไม่ให้ขาด บางครั้งก็เอาอะไรก็ไม่รู้ขึ้นมาทำ(เขาอ่านไม่ออกว่ามันคืออะไร) แต่เขาก็ไม่ได้อะไรหรอก ปกติก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะว่าเขิน เริ่มเทอมหลังมาเหมือนเราสนิทกันมากขึ้น เขาอาจจะคิดไปเองแต่ก็ขอคิดหน่อยก็แล้วกัน เวลาเขาหลุดหาวก็จะโดนแซวว่าง่วงแล้วเหรอ ตั้งใจเรียนหน่อย ต้องแกล้งทำเป็นหน้าตึงทั้งที่ในใจยิ้มแทบตาย ได้คุยกันบ้างสองสามประโยคในแต่ละครั้ง แต่เขาก็แสนจะมีความสุข มันเหมือนเป็นความสุขเล็กๆที่เข้ามา ก่อนที่วันนึงมันจะหายไป

‘ทำรายงานเสร็จยัง?’
‘เสร็จแล้วๆ’ เขาทำเสร็จแล้วเพราะว่าเดดไลน์คือสัปดาห์หน้าและเพื่อนก็รีบแสนรีบ ‘ยี่สิบแปดหน้าพอดี รวมปกแล้ว’
‘ขอดูได้ไหม อยากดูแบบว่าทำยังไง สะดวกรึเปล่า?’
‘สะดวกๆ ให้ส่งทางไหน?’
‘เมลเพื่อน...คยองซู มึงเขียนเมลมึงให้บัญชีหน่อย’

เข้าใจว่าที่ให้เมลเพื่อนคงเป็นเพราะว่าไม่ได้เป็นคนที่ทำงานเอง ไม่แปลกที่ไม่ใช่คนที่เป็นหัวหน้านำทำงาน ดูท่าแล้วผู้นำในงานนี้คงจะเป็นคนที่เขียนอีเมลของตัวเองให้เขา บอกกับเขาว่าขอบใจนะ ก่อนที่เราจะต่างคนต่างหันหน้าไปฟังอาจารย์ต่อ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ให้อีเมลเขามาก็ไม่ค่อยได้เรียนเหมือนกัน ส่วนมากที่เห็นก็ชอบฟุบหลับ แต่ก็ดูเป็นคนเอาการเอางาน ไม่ได้ดูไม่เอาอะไรขนาดนั้น

แล้วนี่...ก็เอาแต่เรียกเขาว่าบัญชี ลืมชื่อกันไปแล้วรึไง แต่ก็นะ ไม่โกรธหรอก ดีใจด้วยซ้ำ จำได้ก็ดีใจแล้ว

รายงานวิชานี้เขาเป็นคนรวบรวม ก่อนจะเป็นคนจัดปริ้นท์ด้วยตัวเอง เพราะว่าเพื่อนทำสไลด์พรีเซนต์งานตัวอื่น เราเลยแบ่งกันรับผิดชอบเป็นวิชาไป เขาเลือกกระดาษสีฟ้าที่มีกลิ่นหอมเป็นปก เอามาส่งด้วยความรู้สึกในใจว่าเอแน่ๆ ชีวิตนี้ไม่มีชวดเอ แต่ตอนที่ได้เข้ามานั่งในห้อง เขาก็รับรู้ได้ว่า...อาทิตย์หน้าจะได้เรียนเป็นอาทิตย์สุดท้ายแล้ว

จะไม่ได้เจอกันแล้วแน่ๆ จะทำยังไงดีนะ การที่เราเจอกันนันสอบปลายภาคมันคงเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะถ้าหากว่าวันนั้นเขามีที่นั่งอยู่ข้างล่าง เขาคงจะขึ้นห้องสอบตอนที่เริ่มสอบไปแล้วห้านาที ออกจากห้องมาแล้วก็ตัวใครตัวมัน เราจะไปเจอกันได้ยังไง

จะปล่อย...ให้มันผ่านไปแบบนี้...ใช่ไหม

ปล่อยไปเหมือนทุกครั้งที่ทำมาตลอด

‘ขอโทษนะ ยืมไฮไลท์หน่อยได้ไหม?’
‘ดะ...ได้ๆ’ เขาส่งปากกาเน้นข้อความสีเหลืองให้หนุ่มวิทย์คอมที่ยิ้มพร้อมกับยักคิ้วมาให้
‘เครียดสอบปลายภาค? ไม่ยากหรอกมั้ง วิชานี้’

เครียดเรื่องนายนั่นแหละ เรื่องสอบปลายภาคมันเรื่องเล็ก!

‘อืม...นิดหน่อย’
‘ตั้งใจเรียนขนาดนี้ กลัวอะไร...’

ที่ตั้งใจเรียน...ก็เพราะนายไง เจ้าวิทย์คอม! น่าโมโห(ตัวเอง)ที่สุดเลย

‘เออ เรื่องรายงานขอบใจนะ อยากจะใส่ชื่อเพิ่มให้ ช่วยได้เยอะเลย’
‘ไม่เป็นไรๆ’

เขาอยากพูดแทบขาดใจว่าดีใจที่ได้ช่วยนะ แต่เขา...ก็ไม่เก่งพอที่จะพูดมันออกไปเลย

กลายเป็นว่าเขาเครียดกับเรื่องที่อ่านหนังสือสอบปลายภาคไม่ทัน และเรื่องที่เขาพอจะทำอะไรได้บ้างกับความรู้สึกของตัวเองในครั้งนี้ ถ้าบอกว่าชอบ...ตัดทิ้ง ให้เอาหัวจุ่มบ่อน้ำยังง่ายกว่า เรื่องสารภาพเป็นอะไรที่เขาทำไม่ได้ แต่จะปล่อยให้มันผ่านไปเขาก็เสียใจมากกว่าทุกครั้งที่เคยรู้สึก ทุกครั้งที่ผ่านมา เขาได้แต่ปล่อยของความรู้สึกของตัวเองให้เป็นไป สาเหตุหลักอาจจะมาจากการที่เขาไม่เคยได้เข้าใกล้คนที่ตัวเองมีความรู้สึกด้วย ไม่แม้แต่จะเป็นที่รู้จัก พูดคุยสักประโยคเขาก็ไม่เคยกล้า แต่ความสัมพันธ์ครั้งนี้มาไกลกว่าทุกครั้ง เขาจะปล่อย...ให้มันผ่านไปอีกแล้วหรือ

หรือเขาจะทำแบบที่ถนัดมาตลอด...แต่ครั้งนี้ เขาจะไม่วิ่งหนีไปตัวเปล่าอีกแล้ว

เวลาในการอ่านหนังสือสอบปลายภาคถูกสละให้กับการมาเดินหาอะไรสักอย่างที่ไม่รู้ว่าคืออะไร เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะซื้ออะไรดี กับผู้ชายคนนั้น...บ้าแล้ว นี่เราถึงขนาดมาซื้อของให้เค้าแล้วหรอ เรากำลังจะเสียเงินให้ผู้ชายแล้วนะ จะเสียน้อยๆก็ไม่ได้กลัวเค้าจะไม่ชอบ ใครๆก็ชอบของดี(เขาด้วย)

แต่...มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ เต็มที่เพื่อความรู้สึกของตัวเองหน่อยก็แล้วกัน

เขาเลือกหมวกแก๊ปเท่ๆมาหนึ่งใบ เป็นยี่ห้อที่เขารู้ว่ายังไงผู้ชายก็ต้องมี(เขาเองก็มีแต่เป็นเสื้อ) ตอนที่ตัดสินใจซื้อก็กลั้นใจแทบตาย ยื่นบัตรเดบิตไปแล้วน้ำตาก็ไหลอยู่ข้างใน ได้แต่บอกตัวเองว่าทำไปเถอะ มันอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว...ไม่มีอีกแล้ว

แต่พอได้มาไว้มือ ได้ถือของขวัญที่ตั้งใจว่าจะให้ หัวใจของเขาก็บอกว่ามันคุ้มค่าแล้วล่ะ

เขาเดินหาการ์ดใบเล็กในร้านกระดาษ เพราะว่าเขาชอบสีฟ้าของท้องฟ้าและสีเหลืองของแสงแดดในตอนกลางวัน เขาจึงเลือกอะไรที่ทำให้รู้สึกตลกด้วยการเลือกกระดาษบ้ากระดาษบอที่มีสองสีผสมกัน แต่มันคงไม่บ้านักหรอกเพราะถ้าเค้าทำออกมาขาย มันก็คงมีคนซื้อนั่นแหละ

เรื่องที่ยากกว่าการทำใจให้ซื้อของ คือการมานั่งมองการ์ดใบเล็กๆ คิดว่าจะเขียนอะไรลงไปดี จะร่ายความรู้สึกของตัวเองตั้งแต่วันแรกที่เปิดเทอมจนถึงวันนี้มันคงยาวสิบหน้ากระดาษ เขียนอะไรไปก็ไม่ได้ ถือปากกาไว้เฉยๆเป็นชั่วโมง ผละไปอ่านหนังสือก่อนก็แล้ว กินขนมไปซอง บะหมี่ไปซอง ก็ยังคิดไม่ออกว่าควรจะเขียนอะไร

ไม่รู้สิ...ความรู้สึกที่เขาได้รู้จริงๆ คือความคิดที่ว่าดีแค่ไหนที่เขาได้เจอคนคนนี้

คำว่า..ยินดีที่ได้รู้จักนะ ♡...จึงถูกเขียนลงไปในการ์ดเล็กๆใบนั้น เขียนหัวใจลงไปด้วย จะลบก็ลบไม่ทันแล้ว เขาเลยได้แต่พับมันลงซองจดหมายเล็กๆ ทำเป็นลืมว่าเขียนหัวใจลงไป มองไม่เห็นไปเลยก็แล้วกัน

การเรียนในสัปดาห์สุดท้ายเป็นไปด้วยความเครียด ที่จริงเขาอาจจะเครียดไปเองคนเดียวแต่เขาก็ทำตัวให้สบายไม่ได้ เขากระวนกระวายต่อความรู้สึกในใจที่เหมือนคลื่นทะเลวันที่เกิดพายุ ได้แต่บอกตัวเองว่าบ้าไปแล้ว ทำอะไรอยู่ อย่าให้เลย ถือมาแล้วก็ถือกลับได้ ไม่ต้องให้ก็ได้ มันรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เรียนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องอาศัยชะโงกไปดูในหนังสือเพื่อนแล้วก็จดตาม

ทำอะไรอยู่บยอนแบคฮยอน อย่าทำเลย

แต่...ถ้าเราไม่ได้เจอกันแล้ว มันไม่มีโอกาสแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วในชีวิตนี้

มันไม่ทีทางที่เขาจะได้พบเจอคนที่ตรงกับใจในวิชาเสรีที่ไม่อยากจะเรียนนี่อีกแล้ว

ไหนๆก็ไหนๆ...เราคงจะไม่ได้เจอกันอีก ถึงจะไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะวิทย์มันก็มีโอกาสไม่ถึงหนึ่งในสิบที่เราจะได้เจอกัน ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเขาจะพะว้าพะวงอะไร เดินหน้ามาถึงขนาดนี้แล้ว...เอ่อ...มันอาจจะไม่ถึงไหนเพราะว่ามันไม่มีอะไรเลย แต่...เขาชอบคนคนนี้มาก ชอบมากที่สุดเท่าที่เคยชอบใครมา

แล้วเขาก็มีทุกอย่างอยู่ในมือ เขาจะทำมันพังไม่ได้ เราจะต้อง...ชนแล้วหนีให้สำเร็จ!

มันเป็นคาบเรียนสุดท้ายที่เราไม่ได้พูดคุยกันเลย อาจเป็นเพราะว่าเราต่างคนต่างตั้งใจเรียน นั่งฟังสิ่งที่อาจารย์บอกว่ามันคือข้อสอบ เขาที่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้สังเกตได้ว่าวันนี้อีกฝ่ายตั้งใจเรียนมากแค่ไหน และ...ตัดผมใหม่ สั้นกว่าเดิมในวันแรกที่ได้เจอกัน ตัวยังใหญ่เหมือนเดิม ใช้ปากกาเน้นข้อความสีเทาเหมือนเดิม ถือน้ำดื่มยี่ห้อเดิม ยิ้มได้...ตราตรึงหัวใจเหมือนเดิม

จะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว...พระเจ้า!

เอาวะ!

‘วิทย์คอม!’

เขาไม่รู้อะไรอีกแล้วหลังจากนี้ เขารู้แค่ว่าเขาวางถุงที่เตรียมมาลงบนโต๊ะตรงหน้าเด็กวิทย์คอม ก่อนจะสะพายกระเป๋าวิ่งหน้าตั้งเข้าไปหลบในห้องน้ำ นั่งตื่นเต้นอยู่กับตัวเองอยู่นานสองนาน ขังตัวเองเอาไว้ในนั้นพร้อมกับความรู้สึกที่ว่าทำอะไรลงไป บ้าจริงๆ บ้าไปแล้ว นั่งตอบข้อความเพื่อนอยู่บนฝาชักโครก ข้อความที่ส่งมาว่าเค้างงล่ะ เค้าหันมามองหน้าพวกกูด้วย พวกกูเลยบอกว่ามึงให้เค้า เค้าก็เลยเดินถือของที่มึงให้ออกไป แล้วนี่มึงอยู่ไหน งจะกลับบ้านไหม มึงหายไปจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะ วิ่งหนีไปแบบนี้ดีรึไง

มันก็ต้องดีกว่าอยู่อยู่แล้วล่ะ จะให้เขาทำใจมากกว่านี้เขาทำไม่ได้ มันยากเกินไป เขาไม่มีวันทำได้

แค่ได้ให้...ได้ยินดีกับสิ่งที่เป็น

มันดีมากแล้ว ดีมากแล้วล่ะ

สอบปลายภาคเขาอยู่แต่บ้าน เพราะต้องอ่านหนังสือ ไม่เที่ยวเล่น ไม่ไปไหน หาความบันเทิงใส่ตัวบ้างแต่ก็เป็นแค่การนอนและดูละครกับแม่ ออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ เอาหนังสือไปอ่านบ้างถือว่าเปลี่ยนสถานที่ มีบ้างที่เอาแต่คิดถึงเรื่องเด็กวิทย์คอมจนเป็นกังวล แต่เขาก็ได้แต่ปัดมันออกไปให้พ้นจากความคิด บอกตัวเองว่าตอนนี้ควรตั้งใจอ่านหนังสือก่อนนะ เอาไว้สอบเสร็จแล้วจะคิดถึงจนวันที่เราได้อยู่ด้วยกันก็ไม่มีใครว่า แต่ตอนนี้ต้องอ่านหนังสือก่อน

วิชาเสรีมักสอบในวันแรกๆ สอบก่อนวิชาคณะเพราะมันเป็นวิชารวม และมันก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากการสอบกลางภาคเลยด้วยซ้ำ มันไม่มีที่นั่งเหมือนเดิม ต้องมายืนเกาะราวบันไดเหมือนเดิม อ่านข้อสอบเหมือนเดิม แต่ไม่เครียดเรื่องข้อสอบเลย เครียดเรื่อง...

“บัญชี”

หูฝาดแล้วหูฝาด หรือหูแว่ว ไม่จริงหรอก เราไม่ได้ยิน

“แบคฮยอน” มือที่ยื่นมาโบกตรงหน้าทำให้เขาเลี่ยงมันไม่ได้ ทำเป็นไม่เห็นก็ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้นอกจากหันไปมองคนที่เข้ามายืนข้างๆ พิงราวระเบียงเหมือนกัน
“เป็นไงบ้าง อ่านหนังสือเป็นยังไง?” ปกติเข้าไว้ สถานการณ์โอเค “แล้วนี่—”
“ขอบใจเรื่องหมว—”
“แล้วนี่มีสอบกี่ตัว สอบไปแล้วกี่ตัว แล้ว—”
“แบคฮยอน” เสียงหัวเราะสบายๆดังให้เขาได้ยิน “ไม่เป็นไร”
“...”
“ขอบใจเรื่องหมวกนะ ฉันชอบมาก มัน...แปลกใจที่นายรู้ว่ามันเป็นสไตล์ฉันเลย” รอยยิ้มแบบนี้...ชอบที่สุด “แล้วก็เรื่องการ์ด ฉันเอง...ยินดีที่ได้รู้จักนายเหมือนกัน”
“...ฉันมีข้อสอบให้อ่าน...”
“แบคฮยอน บัญชี ใจเย็นๆ”

คนที่บอกให้เขาใจเย็นขยับมายืนตรงหน้า หลังของเขาชิดกับราวระเบียงมากกว่าเดิม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาออกห่างจากผู้ชายคนนี้ได้เลย ได้แต่คิดว่าทำอะไรลงไป ทำอะไรลงไปบยอนแบคฮยอน แล้วทำไมต้องมายืนตรงนี้ ต่อหน้าเขาแบบนี้ ยืนข้างๆเขาก็หัวใจจะวายแล้ว มายืนตรงหน้ากันทำไม!

“ฉัน...ไม่ควรให้ของนายใช่ไหม?”
“มันไม่ใช่แบบนั้น แต่...ฉันเกรงใจน่ะ ที่จริงแค่การ์ดก็พอแล้ว”
“นั่นสินะ ฉันไม่น่าทำแบบนั้นเลย เดี๋ยวไปเข้าห้อง—”
“หยุดเลยๆ ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ” เขาขยับไปไหนไม่ได้ เพราะแค่ได้ยินคำว่าหยุดเขาก็หยุดแล้ว “ถึงจะเกรงใจ แต่ดีใจมากที่ได้ ขอบใจนะ ฉันชอบมาก”
“อื้อ...” จะทำยังไงดี จะระเบิดอยู่แล้ว
“ที่จริง...ถ้านายไม่วิ่งออกไปก่อน วันที่เรียนวันสุดท้ายน่ะ...” เขามองเห็นสิ่งที่เด็กวิทย์คอมเอามันออกมาจากกระเป๋า ถุงกระดาษสีครีมที่เขาไม่รู้ว่าข้างในมืออะไร แต่ใจเขาเต้นแรงมากจริงๆ “...ฉันคงไม่ต้องมาดักรอตั้งแต่ชั่วโมงก่อน เพราะกลัวจะไม่ได้เจอกัน”
“...”
“เทียบกับหมวกแล้วราคามัน...คือฉันซื้อมาตั้งแต่ตอนไปไต้หวันแต่ไม่กล้าให้...”
“ไม่เป็นไรเลย ชอบมาก แบบว่าชอบมาก ชอบเท่านี่ แบบคือชอบจริงๆ มันแบบ—”
“รู้เหรอว่าคืออะไร?”
“...” แบคฮยอน นายมันไม่ปกติแล้ว “ไม่รู้...”

เขาหัวเราะตามคนตรงหน้า ข้อสอบในมือหรือวิชาเสรีในวันนี้เป็นอันดับสองที่ต้องสนใจรองจากเรื่องของคนคนนี้

“หลังสอบเสร็จ ฉันมีนัดติวหนังสือต่อน่ะ...คือ...”
“...”
“ขอเบอร์ได้ไหม?”

ได้สิ! ได้อยู่แล้ว! ใครจะบอกว่าไม่ได้! เอาไปเลย!

“เอ่อ...อื้ม เอาไว้...สอบเสร็จค่อยคุยกัน”

เขาเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแลกเบอร์กับคนตรงหน้า บอกเบอร์ตัวเองกับอีกฝ่ายแล้วรอให้เค้าโทรเข้ามา

“ปีใหม่ไปไหนไหม?”
“ไม่ได้ไปเลย ที่บ้านไม่ชอบคนเยอะน่ะ รอให้หมดช่วงเทศกาลก่อน”
“งั้นก็ว่าง...ใช่ไหม?”
“ก็...คงงั้น”
“เอาไว้จะไปพาไปกินบุฟเฟต์ให้แพงกว่าค่าหมวก แลกกัน”
“ที่ไหน?”
“ก็รอฉันโทรไปหาก็แล้วกัน” ผมของเขาถูกยีจนยุ่งด้วยฝีมือของผู้ชายที่ทำให้หัวใจเต้นแรง เอาแต่คิดว่าเราโดนยีผม เขาจับผมเรา ไม่สระผมหนึ่งอาทิตย์ได้ไหม “สู้ๆนะแบคฮยอน ตั้งใจทำข้อสอบล่ะ”

เอแน่ๆวิชานี้ ถ้าเด็กวิทย์คอมบอกให้สู้ ก็จะสู้จนตัวตาย!

“เอ่อ...เดี๋ยว!”
“...”
“ชื่ออะไรเหรอ?”
“ฉันไม่เคยบอกเลยเหรอ ฮะๆ...โทษทีนะ”
“...”
“ฉันชื่อชานยอล ปาร์คชานยอล”

สุดยอดวิชาเสรีที่ดีที่สุดในชีวิต จะไม่มีวันลืมเลย...
ปีใหม่นี้มีคนพาไปกินบุฟเฟต์แล้ว!










สวัสดีปีใหม่ 2019 (ล่วงหน้าค่ะ)
ขอให้ทุกคนพบเจอแต่ความสุขในปีนี้
ถ้าเจออะไรที่ทำให้เสียใจก็ขอให้ผ่านไปได้ค่ะ
+ อาจจะมาอีก แต่...ไม่แน่ใจค่ะ แต่ถ้ามาก็จะเป็นสวัสดีปีใหม่ย้อนหลัง
ขอบคุณมากค่ะ ♡







Reply · Report Post