🧸🎈💙 · @sodaisy95
13th Mar 2018 from TwitLonger
Question #ดซชานแบค
Question
:: chanbaek
แบคฮยอนกำลังยืนมองแสงแดดประจำฤดูร้อนที่ส่องสว่างให้ความอบอุ่นแก่ทุกคนบนโลกใบนี้ หลังมือเล็กถูกยกขึ้นมาซับเหงื่อที่กำลังไหลลงมาตามหน้าผาก ขณะที่แขนอีกข้างถูกยกขึ้นมาเพื่อดูเวลาที่กำลังเดินไปเรื่อยๆ
สงสัยคงลืมแล้วมั้ง...
ไม่เป็นไรหรอก ปกติก็กลับเองอยู่แล้ว
แบคฮยอนก้าวเท้าออกไปจากตึกข้างคณะของตัวเอง พลางคิดไปด้วยว่าจะแวะซื้อชาเขียวกับข้าวกล่องไปกินที่หอของตัวเอง จะได้นอนอ่านหนังสือยาวๆไม่ต้องลงมาหาอะไรกินอีก
แบบนี้แหละ....ดีแล้ว
.
.
.
.
ชานยอลมองแสงแดดของฤดูร้อนที่ส่องประกายพาดผ่านท้องฟ้าสีฟ้าสดใสในยามบ่ายพลางสวมหมวกกันน็อคใบใหญ่ ในใจพลางคิดถึงอีกคนที่ตอนนี้คงยืนรออยู่ที่เดิมข้างตึกคณะ
“ ชานยอล !!! “
เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นพี่ผู้หญิงในคณะคนหนึ่งวิ่งมาพร้อมกับแฟ้มเอกสารสองสามแฟ้ม
“ ว่าไงพี่ “
“ กำลังจะกลับใช่มั้ย ไปส่งพี่ที่สภาหน่อย ขอร้องเถอะ....พี่รีบจริงๆ “
รุ่นพี่ผู้หญิงที่สนิทกันดูเหนื่อยมากจริงๆ อีกอย่างสภานิสิตมันไม่ได้ไกลแล้วชานยอลก็ไม่ใช่คนแล้งน้ำใจขนาดนั้น
“ ขึ้นมาเร็วพี่ ผมรีบเหมือนกัน “
หวังว่าจะยืนรออยู่นะ อย่าเพิ่งหนีกลับไปก่อนล่ะ
.
.
.
.
.
‘ ทำไมกลับไปก่อน ? ‘
สายตาของแบคฮยอนจดจ้องกับข้อความที่ถูกส่งเข้ามาตอนสามทุ่ม ร่างเล็กยันตัวเองขึ้นจากเตียงก่อนจะนั่งขัดสมาธิพลางรัวนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์
‘ คิดว่าลืม ‘
ก่อนจะปิดเครื่องแล้วโยนมันลงไปบนเตียงอีกฟากโดยไม่สนว่ามันจะกระเด็นตกพื้นไปรึเปล่า
แบคฮยอนเกลียดช่วงเวลาแบบนี้ เกลียดความรู้สึกแบบนี้ เกลียดอะไรที่มันค้างคาจนไม่รู้ว่าจะตอบตัวเองว่ายังไงดี
สามเดือนที่ผ่านมา กิจวัตรประจำวันของบยอนแบคฮยอนเปลี่ยนไปเพราะเพื่อนร่วมภาคร่วมคณะอย่างปาร์คชานยอล
เพื่อนคนละกลุ่ม เพื่อนที่ไม่เคยคุยกัน เพื่อนที่ไม่เคยยิ้มให้กันเลยแม้แต่ครั้งเดียวกลับทักไลน์ส่วนตัวมาด้วยสติ้กเกอร์กวางแบมบี้ และแบคฮยอนก็ตอบกลับไปด้วยสติ้กเกอร์ทิงเกอร์เบลล์
ช่วงเวลาสามเดือนนั้นเราคุยกันผ่านตัวอักษรเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องจิปาถะทั่วไป เรื่องหนังหรือเรื่องมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ๆที่แบคฮยอนเคยเห็นเจ้าตัวขับก็ยังนำมาคุยกันได้
จนวันหนึ่งที่อีกคนส่งข้อความเข้ามาระหว่างที่กำลังเรียนวิชาสุดท้ายของวันว่า ‘ รอข้างตึกคณะนะ เดี๋ยวไปรับ ‘
ชานยอลมารับที่ข้างตึกจริงๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นก็มีแค่การมาส่งที่หน้าหอก่อนจะพยักหน้ารับคำขอบคุณของแบคฮยอนแล้วขี่รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่นั่นออกไป
แต่ก็มีครั้งหนึ่ง ที่ชานยอลปล่อยให้แบคฮยอนรออยู่หนึ่งชั่วโมง รอจนรับรู้ได้ว่าอีกคนคงลืมว่าตัวเองส่งข้อความมาบอกว่า ‘ ที่เดิมนะ ‘
หลังจากวันนั้นมาแบคฮยอนก็เลิกคาดหวังว่ามันจะมีอะไรไปมากกว่านี้ พอนึกย้อนดูดีๆเราก็ไม่รู้จักกัน ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยสักนิด
ถึงมันจะเป็นแค่ครั้งเดียวที่ชานยอลลืม
แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าแบคฮยอนจะจำมันไม่ได้สักหน่อย
ข้อความในวันเสาร์ที่ส่งมาชวนไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน แบคฮยอนก็ไป และมันก็เป็นแค่การทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารตามสั่งก่อนต่างคนจะต่างแยกย้ายกันกลับราวกับว่าแค่มาหาเพื่อนทานข้าวเฉยๆ
แต่เราก็ยังส่งข้อความคุยกันมาจนถึงวันนี้........วันที่แบคฮยอนตัดสินใจโยนโทรศัพท์ทิ้งไป
‘ ปังๆ ! ‘
เสียงเคาะประตูอย่างรุนแรงทำให้แบคฮยอนที่ทิ้งตัวนอนลงไปอีกครั้งทะลึ่งพรวดขึ้นจากเตียงพลางวิ่งไปเปิดประตูให้เร็วที่สุดเพราะกลัวว่าอาจจะมีเหตุด่วนเหตุร้ายเกิดขึ้นในหอแล้วมีคนมาบอกก็เป็นได้
แต่มันกลับเป็นปาร์คชานยอลที่ยืนอยู่หน้าประตูแทน
“ ....นายขึ้นมาได้ไง “ เจ้าของห้องเลือกที่จะเดินออกมานอกห้องแทนที่จะให้อีกฝ่ายเข้ามา กลิ่นบุหรี่อ่อนที่ติดตัวของอีกฝ่ายลอยมากระทบกับจมูกของแบคฮยอน
“ ปิดเครื่องทำไม....” ชานยอลไม่สนใจคำถามของแบคฮยอน
“ ฉันเปล่านะ....”
“ ฉันโทรมา “
“ แบตมันหมด “ ถึงมันจะฟังดูรู้ว่าเป็นคำโกหกแต่แบคฮยอนก็ตอบมันไปแล้ว
ชานยอลเอามือเสยผมขึ้นเพื่อขจัดความหงุดหงิดให้พ้นไป
“ นายโกรธอะไร “
“ ฉันจะโกรธอะไรล่ะ....”
“ นายไม่พอใจ “
“ แล้วฉันจะไม่พอใจอะไร “ แบคฮยอนกอดอกก่อนจะพิงหลังกับประตูห้องตัวเอง “ นายยังไม่รู้เลยแล้วฉันจะโกรธทำไม จะไม่พอใจอะไร...”
“ พี่ยูจีนให้ฉันไปส่งที่สภานิสิต พอวนกลับมาหานายนายก็ไม่อยู่ “
“ ฉันคิดว่านายลืมจริงๆ ฉันไม่อยากยืนรอเป็นชั่วโมง “
“ แล้วทำไมไม่โทรมาล่ะ....”
“ แล้วฉันจะโทรไปทำไม....เอาจริงๆนี่มันเรื่องอะไรฉันยังไม่รู้เลย “ แบคฮยอนถอนหายใจออกมา “ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะโทรไปหานายเพื่ออะไร “
“ ... “
“ บอกตามตรงนะชานยอล ฉันว่าเราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ “
“ ... “
“ ข้อความพวกนั้นมันไม่ได้ช่วยให้เรารู้จักกันดีขึ้นหรอกนะ จะตอนนี้หรือเมื่อปีก่อนหรือว่าจะตอนไหน เราก็ไม่รู้จักกันอยู่ดี “
ชานยอลเองก็พิงตัวเองเข้ากับผนังกำแพงฝั่งตรงข้ามพลางผ่อนลมหายใจออกมาเช่นเดียวกัน
“ เลิกทำแบบนี้เถอะ ต่างคนต่างอยู่ไปดีกว่า ยังไงเราก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว....”
“ ดีเหรอ ? “ ชานยอลมองหน้าแบคฮยอน “ ทึกทักเอาเองแบบนั้น ถามฉันสักคำรึยังว่ามันดีรึเปล่า “
“ .... “
“ คิดว่าฉันเมาแล้วส่งสติ้กเกอร์โง่ๆนั่นไปรึไง นายไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง “
“ ... “
“ สุดท้ายแล้วก็มีแต่นายสินะที่ไม่รู้จักฉัน ทั้งที่ฉันรู้ทุกเรื่องในชีวิตนาย... “
“ นายพูดเรื่องอะไร...ปาร์คชานยอลนายจะ....ปาร์คชานยอล !!! “ แบคฮยอนตะโกนลั่นทางเดินของหอพัก “ หยุดนะ !!! “
แบคฮยอนหยุดชานยอลที่กำลังจะเดินไปด้วยคำพูดของตัวเองที่ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลรึเปล่า
“ นายจะไปไหน “
“ แล้วจะยุ่งอะไร “ ชานยอลแค่นหัวเราะ “ จะต่างคนต่างอยู่แล้วจะยุ่งกันทำไมวะ “
“ นายอย่ามางี่เง่านะ ถามว่าจะไปไหนก็ตอบมา “
“ แดกเหล้า “
“ นายยังคุยกับฉันไม่รู้เรื่องเลยนะ “
“ แล้วจะคุยทำไม คุยเพื่ออะไรวะ ไม่รู้จักกันแล้วจะคุยทำไม “
แบคฮยอนรู้ว่าชานยอลเริ่มงี่เง่า แต่ก็รู้ว่าที่อีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีมันก็เพราะคำพูดของเค้าทั้งนั้น
“ ถ้านายจะไปกิน ฉันจะไปด้วย “ แบคฮยอนพูด “ หรือจะเข้าห้องไปคุยกัน “
“ ... “
“ นายบอกว่านายรู้ทุกเรื่องในชีวิตของฉัน ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยได้มั้ย ? “
ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจของอีกคน สถานการณ์ระหว่างเราเงียบเสียจนคนที่ยืนอยู่นึกกลัว
“ เข้าห้องไปเปิดโทรศัพท์ แล้วไม่ต้องออกมา..”
“ อะไร....”
“ ฉันไม่ไปกินเหล้าหรอก จะนั่งอยู่หน้าห้องเนี่ยแหละ เข้าไปเปิดเครื่องซะ “
“ แล้วทำไมนายไม่เข้าไปในห้องล่ะ “
“ อย่าเพิ่งถามได้ไหม “ ชานยอลมองหน้าแบคฮยอน “ ขอร้อง “
คนตัวเล็กที่เป็นเจ้าของห้องพยักหน้าเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีจริงจังว่าต้องการจะอยู่นอกห้องจริงๆ แบคฮยอนเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเองโดยเปิดประตูทิ้งไว้เล็กน้อยแล้วเข้าไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนเตียงมาเปิดเครื่อง
อะไรกันนะ นี่มันเรื่องอะไรกัน.....
‘ ครืด ‘
โทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในมือทำให้แบคฮยอนก้มลงไปดูและพบว่าชานยอลส่งข้อความเข้ามา
‘ ฉันอยากรู้จักนายนะ แต่ไม่กล้าว่ะ ไม่รู้จะเข้าไปคุยยังไงเลยได้แต่มอง ‘
‘ มองจนรู้ว่านายชอบกินชาเขียว เวลาเรียนชอบขมวดคิ้ว ชอบจดลงกระดาษเป็นรายวันไปมากกว่าจะมีสมุดทุกวิชา เวลาพักไม่ชอบออกไปไหน เล่นโทรศัพท์ทีไรจะเข้าอินสตราแกรมเป็นอย่างแรก ชอบเดินตามหลังมากกว่าจะเดินนำหน้า ชอบนั่งริมเวลากินข้าว ชอบเดินกลับหอมากกว่าจะนั่งรถ ‘
‘ มากที่สุดที่จะทำได้คือส่งสติ้กเกอร์กวางบ้านั่นไปมั้ง ‘
‘ นายคงอึดอัด ขอโทษที่คุยไม่เก่งนะ ‘
‘ แต่ก็ขอบคุณที่ตอบข้อความกัน ‘
แบคฮยอนอ่านข้อความทั้งหมดที่ชานยอลส่งมา อ่านมันวนซ้ำๆสองสามรอบ อ่านมันอยู่แบบนั้นจนคิดว่าทุกตัวอักษรมันซึมซับลงไปในใจหมดแล้ว
ร่างเล็กเปิดประตูห้องออกกว้างๆก่อนจะเจอกับคนที่บอกว่าจะไม่ไปกินเหล้าแล้วนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้น
“ งั้นที่ไม่ชวนคุยเลยนี่คือไม่กล้าหรอ ? “ แบคฮยอนเปิดบทสนทนา “ นายคุยไม่เก่งขนาดนั้นเลยรึไง “
“ ก็เออแหละ “ ชานยอลไม่ยอมมองหน้าแบคฮยอน “ ก็บอกว่าอย่าออกมา...”
“ จะไม่ออกมาได้ไง นายนี่มันน่าตีให้ตายจริงๆ “
แบคฮยอนทรุดตัวลงนั่งข้างชานยอลที่ยังไงก็ไม่ยอมมองหน้ากันสักที
“ .......ฉันนึกว่านายเป็นบ้า ชวนไปกินข้าวก็ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว “
“ แล้วจะให้พูดอะไร...”
“ ก็พูดเหมือนที่พิมพ์มานั่งแหละ ในข้อความยังพิมพ์ได้เลยว่าไปไหน ทำอะไรอยู่ อ่านหนังสือถึงไหนแล้ว มันก็คุยเหมือนกันนั่นแหละ “
“ งั้น.......คุยกันต่อนะ “ ชานยอลหมุนโทรศัพท์ในมือ “ ไม่ต่างคนต่างอยู่... “
“ นายต้องมองหน้าฉันก่อนนะ นายบอกโทรศัพท์ตัวเองรึไง “
“ อย่าแกล้งดิ..”
แบคฮยอนหัวเราะออกมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเง้างอดของอีกคน
“ มองหน้ากันก่อน “ แบคฮยอนเอื้อมมือไปเขย่าขาชานยอล “ เร็วๆ “
“ บอกว่าอย่าแกล้งไง...”
“ ไม่งั้นจะเข้าห้องแล้วนะ จะไม่ตอบข้อความด้วย “
“ โถ่.......แบคฮยอน “
ชานยอลเอื้อมมือคว้าแขนของอีกคนที่เหมือนจะหนีเข้าห้องไปจริงๆพลางเงยหน้าไปมองหน้าของแบคฮยอนที่มีรอยยิ้มบางๆอยู่บนนั้น
“ ว่าไง คุณชานยอล “
“ ... “
“ เข้าห้องแล้ว...”
“ ......คุยกันต่อนะ คุยกันก่อน “ ชานยอลพูดไปด้วยมองหน้าแบคฮยอนไปด้วย “ มองแล้วเนี่ย....”
“ แล้วไงอีก ? “
“ ... “
“ ถ้านายจะเงียบตลอดแบบนี้ฉันจะไม่คุยด้วยแล้วนะ “
แบคฮยอนรู้ตัวว่ากำลังแกล้งอีกคนอยู่ แต่ว่ามันก็น่าแกล้งจริงๆนี่
“ แบคฮยอน... “
“ อะไร ? “
“ ........พรุ่งนี้ไปเรียนพร้อมกันนะ เดี๋ยวมารับ “
“ จะลืมอีกรึเปล่าเนี่ย “
“ ....ครั้งนั้นไม่ได้ลืมนะ โดนพี่เรียกแล้วโทรศัพท์ก็แบตหมดอีก กว่าจะปลีกตัวออกมาได้ ไปหานายก็ไม่อยู่ “ ชานยอลมีเหตุผล “ จะส่งข้อความไปก็กลัวจะโกรธ....”
“ แล้ววันนี้ทำไมส่งมาตั้งสามทุ่ม เราเลิกเรียนตอนสองโมงไม่ใช่รึไง ? “
“ ......” มือของชานยอลเลื่อนลงมาจับมือแบคฮยอนแทน “ ก็ไม่แน่ใจว่าไม่ได้รอหรือว่ารอแล้วแต่กลับไปก่อนก็เลยช้าไปหน่อย...”
“ อ๋อ...คิดอยู่ว่างั้นเถอะ “
“ ก็ใช่.........ไม่เคยลืมนะ ไม่ลืมอยู่แล้ว “ ชานยอลพูด “ แล้วตกลงเมื่อบ่ายรอรึเปล่า...”
“ ก็รอแหละ แต่คิดว่าลืมจริงๆนะ “
“ ไม่ลืม.......”
รอยยิ้มถูกระบายออกมาผ่านใบหน้าของแบคฮยอนเพราะว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนตัวโตที่ชอบนั่งเงียบๆอยู่หลังห้องแล้ว แต่เป็นคนที่กำลังทำเสียงอ้อนๆเหมือนเด็กไม่มีผิด
“ งั้นพรุ่งนี้เก้าโมงนะ “ แบคฮยอนบอกชานยอล
“ ครับ “
“ กลับห้องไปนอนได้แล้วไป ห้ามไปกินเหล้านะ “ แบคฮยอนกำชับ
“ ครับ จะลงไปซื้อนมกินแทนครับ “
“ เดี๋ยวเถอะ “ แบคฮยอนตีไหล่ของคนตัวสูงเบาๆ “ ให้ลงไปส่ง....”
“ ไม่ต้อง ไม่อยากให้เดินขึ้นมาคนเดียว “ ชานยอลปฏิเสธก่อนจะทำอ้อยอิ่งไม่ยอมปล่อยมืออยู่นานแค่สุดท้ายก็ต้องปล่อย
“ ไปได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอกัน “
“ .......ถ้าถึงห้องแล้วจะโทรมาหานะ “
“ ถ้าโทรมาเงียบจะตัดสายทิ้งเลยนะ “
“ ชวนคุยดิ เดี๋ยวตอบทุกเรื่องเลย “ คนคุยไม่เก่งมีข้อต่อรอง
“ ซะงั้น “ แบคฮยอนหัวเราะ “ เออ เดี๋ยวชวนคุยถึงตีห้าเลย “
“ โอเค.......” ชานยอลยิ้มกว้างต่างจากขามาที่เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ “ ไปนะ “
“ อื้อ “ แบคฮยอนพยักหน้า “ ขับรถดีๆนะ ระวังด้วย “
แบคฮยอนมองตามหลังคนตัวสูงจนหายลับสายตาไปก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องของตัวเองพลางเอื้อมมือมาจับหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
มีคนขี้อายมาชอบนี่ก็ลำบากเนอะ
ถ้าไม่ติดว่าชอบอยู่เหมือนกันนะ ปาร์คชานยอลโดนไล่ลงหอไปแล้ว