🧸🎈💙 · @sodaisy95
11th Mar 2018 from TwitLonger
so sweet #ดซชานแบค
so sweet
- chanbaek
จินตนาการหรือความฝัน
เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่เข้ามา
“เฮ้ ! นายน่ะ..นายที่สะพายกระเป๋าสีดำ หยุดก่อน !”
“...”
“นายทำมันตกไว้”
อีกฝ่ายที่มีรอยยิ้มสดใสและดวงตากลมโตจ้องมองกันก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเจ้าของสมุดเล่มนี้ไม่ยอมรับมันไปสักที
“...”
“ไม่ใช่หรอ ? ฉันว่าไม่น่าผิดคนนะ”
“อะ..เอ่อ..ใช่ครับ ของผมเอง”
มือเล็กๆเอื้อมมือไปรับสมุดไว้ก่อนจะก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ
“จะสุภาพอะไรขนาดนั้นล่ะแบคฮยอน เพื่อนกันนะ”
“...”
“...”
“ครับ ?”
“นายไม่รู้จักฉันหรอ ฉันเรียนกับนายมาสองปีแล้วนะ”
“เอ่อ...”
“ขายหน้าจริงๆเล้ย...” อีกฝ่ายดูเหมือนจะบ่นกับตัวเองก่อนจะหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ฉันชานยอล ปาร์คชานยอล”
“ผม...”
“นายชื่อบยอนแบคฮยอน ชอบนั่งเรียนแถวสามกลางบอร์ดแบบเป๊ะๆแถมยังไม่ยอมคุยกับใครด้วย ทำงานก็ทำคนเดียวงานกลุ่มก็ทำคนเดียว พูดถูกป่ะ ?”
“...ก็ถูก”
“งั้นไปกินกาแฟกัน ฉันเก็บสมุดนายได้นี่นะ เลี้ยงหน่อยก็แล้วกัน”
“ดะ...เดี๋ยวสิ !”
“เพื่อนไงเพื่อนเอง ฉันนั่งอยู่หลังห้องตลอดนายไม่เห็นก็ไม่แปลก”
“...”
“ชานยอลนะชานยอล จำชื่อไว้ให้ดีล่ะ”
คนที่โดดเดียวมาเนิ่นนานอย่างฉัน
ทุกอย่างเป็นสีดำ...จนกระทั่งเธอดึงฉันออกไป
“นั่งด้วยดิ”
ที่นั่งข้างๆที่ว่างมาตลอดแม้จะอยู่ตรงกลางห้องนั้นถูกคนตัวสูงนั่งลงจับจองพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างๆมาให้เมื่อเห็นใบหน้างงๆของแบคฮยอน
“ทำไมล่ะ ?”
“เอ้า นั่งด้วยไม่ได้ ?”
“ไม่ได้บอกว่าไม่ได้ แต่นายตัวใหญ่แบบนี้เพื่อนจะมองไม่เห็น...”
“ยังจะห่วงคนอื่นอีกนะ” ชานยอลพูดพลางมองหน้าแบคฮยอน “งั้นไปนั่งข้างหลังด้วยกันมั้ยล่ะ ?”
“ไม่เอา”
“น่ะ..แล้วยังจะมาพูดมากอีก”
“เราไม่ได้พูดมากนะ !”
“โห ขึ้นเสียงด้วย อ่ะๆ...ซื้อมาฝาก”
แก้วพลาสติกที่มีน้ำสีน้ำตาลอ่อนครีมๆถูกวางลงตรงหน้าแบคฮยอน
“...”
“ ตอนเช้าต้องกินโอวัลติน เป็นเด็กจะได้โตไวๆ ”
“ ปาร์คชานยอล ! ”
“ แหม...เรียกชื่อเต็มซะด้วย ” ชานยอลหัวเราะร่าโดยไม่สนว่าแบคฮยอนจะทำหน้ายังไง “ เลิกเรียนแล้วไปกินข้าวกัน เพื่อนอยากรู้จักนายนะ ”
“ ... ”
“ ไปเถอะหน่า ถ้าไม่ดีวันหลังก็ไม่ต้องไป เพื่อนฉันใจดีทุกคนแหละ ”
“ ... ”
“ หรือว่าอยากจะกินข้าวกันสองคน... ”
“ ปะ..ไปก็ได้ แล้วก็ไม่ได้อยากกินข้าวกับนายด้วย ! ”
“ เสียใจอ่ะ เตรียมจะพูดแล้วนะเนี่ยว่าอยากกินข้าวกับนายสองคนเหมือนกัน ”
แบคฮยอนที่ประมวลผลคำพูดของชานยอลเรียบร้อยแล้วยกแก้วโอวัลตินเย็นที่อีกฝ่ายซื้อมาฝากกันขึ้นดื่มเพื่อแก้อาการเก้อเขินให้หมดไป ส่วนชานยอลที่เป็นคนพูดออกมานั้นดูไม่เดือดร้อนกับอะไรทั้งนั้น
คาบเรียนในช่วงเช้าผ่านไปพร้อมกับความรู้สึกดีๆที่วันนี้มีคนมานั่งเรียนข้างๆ คอยถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจหรือแม้กระทั่งนั่งคุยกันตอนที่อาจารย์ปล่อยเบรก แบคฮยอนได้รับรอยยิ้มจากเพื่อนๆที่เข้ามาชวนชานยอลไปซื้อของ และได้รับความรู้สึกดีๆจากคำพูดที่ว่า ‘ มึงไปเถอะ เดี๋ยวกูอยู่กับแบคฮยอน ’
การกินข้าวกับเพื่อนร่วมภาคก็ไม่ได้แย่อย่างที่แบคฮยอนจินตนาการไว้ เพื่อนของชานยอลทุกคนนั้นเป็นกันเองกับแบคฮยอนทั้งๆที่ไม่เคยคุยกันมาก่อน และแน่นอนว่าแบคฮยอนต้องเจอกับคำถามที่ว่าทำไมถึงไม่คุยกับใครเลยล่ะ ชอบอยู่คนเดียวหรอ ถ้างั้นคุยแบบนี้จะกวนมั้ย ไม่ชอบใจอะไรบอกได้นะ
“ คือเรา...ตอนปีหนึ่งเราไม่ได้เข้ากิจกรรมเลยน่ะ แล้วก็หยุดเรียนไปสองอาทิตย์แรกที่เปิดเทอมก็เลย... ”
“ อ๋อ เข้าใจล่ะ ” เพื่อนๆของชานยอลเข้าใจในสิ่งที่แบคฮยอนต้องการจะบอก “ เข้ามาเพื่อนก็คบกันเป็นกลุ่มไปหมดแล้ว ”
“ อื้ม... ”
“ แล้วนายก็ไม่กล้าคุยกับคนอื่นด้วยใช่มั้ย ? ”
“ ก็ใช่... ”
“ อยู่คนเดียวไม่เหงาหรอ ? ”
“ ก็เหงานะ...แต่มันก็ไม่ได้แย่อะไรเท่าไหร่ ”
“ งั้นตั้งแต่วันนี้ไปไม่เหงาแล้วนะ มาอยู่ด้วยกันก็ได้ ” เพื่อนนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น
“ แต่... ”
“ อย่าสิ ถ้านายบอกว่าไม่อยากอยู่ด้วยกันพวกฉันจะเสียใจนะ ”
แบคอยอนไม่รู้ว่าจะทำให้คนอื่นลำบากรึเปล่า เพื่อนก็สนิทกันมาก่อนแล้วถ้าแบคฮยอนเข้าไป...
“ นี่....”
เสียงของชานยอลที่ข้างหูทำให้แบคฮยอนตื่นขึ้นจากความคิดของตัวเอง
“ อยู่คนเดียวก็อาจจะดี..”
“ ... ”
“ แต่มีเพื่อนน่ะ...มันดีกว่าเยอะเลยนะ ”
แล้วมันก็ดี...แบบที่ชานยอลบอกจริงๆ
ช่วงเวลาในแต่ละวันของฉันถูกเติมเต็ม
ด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากเธอ
“ ชานยอล !!! ”
“ โอ๋ แบคฮยอนจ๋า ”
“ จ๋าอะไรของนาย อย่ามาพูดกับเราแบบนี้นะ !! ”
กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ทุกคนจะได้ยินเสียงของแบคฮยอนตวาดชื่อของชานยอลออกมาในช่วงเวลารออาจารย์เข้าสอนเสมอ
กว่าหนึ่งเดือนมาแล้วที่บยอนแบคฮยอนเปลี่ยนไป
จากคนที่ไม่ค่อยคุยกับใคร ไม่เข้าสังคมอะไรกับเพื่อนก็กลับกลายเป็นคนยิ้มง่าย หัวเราะบ่อยๆ และยังคุยกับเพื่อนด้วยคำพูดคำจาเพราะๆ จากที่เคยโดนกล่าวหาว่าเป็นคนหยิ่งมันก็เปลี่ยนไปเป็นคำว่าแบคฮยอนเป็นคนขี้อายแทน
อาจจะเป็นเพราะมีชานยอลอยู่ข้างๆ แบคฮยอนถึงยิ้มออกมาได้ตลอดเวลาแบบนี้ ถึงจะยิ้มไปโมโหไปก็เถอะ
“ ไปนั่งข้างหลังเลย ”
“ ทำไมไล่กันแบบนี้ล่ะ น้อยใจนะ ”
“ ... ”
“ จะร้องไห้แล้วด้วย ”
“ นายอย่าร้องไห้นะ...ชานยอล !!! ” แบคฮยอนโดนหลอกอีกแล้ว ร้องไห้อะไรกันจะหัวเราะได้เสียงดังขนาดนี้ “ นายมันนิสัยไม่ดี ”
“ เจ็บจัง.. ”
“ ชานยอล !!! ”
“ เรียกชื่อพี่บ่อยขนาดนี้คิดถึงพี่หรอจ๊ะ ? ”
“ มะ..ไม่คุยด้วยแล้ว !!! ”
แบคฮยอนหันหน้าหนีชานยอลที่ยังคงหัวเราะไม่เลิกก่อนจะหยิบสมุดเลคเชอร์ขึ้นมานั่งอ่านสิ่งที่เรียนไปเมื่อคาบที่แล้วเพื่อจะได้ไม่ต้องสนใจชานยอลคนนิสัยไม่ดี
“ ...วันนี้ไปกินเนื้อย่างด้วยกันมั้ย มีร้านมาเปิดใหม่...”
“ ... ”
“ เห้ย...งอนจริงอ่ะ ”
“ ... ”
“ นายงอนฉันจริงดิ ” ชานยอลเขย่าแขนแบคฮยอน “ ไม่เอาดิ ไม่งอนนะ ”
“ ...ทะ..ทำอะไร ! ”
แบคฮยอนที่ตั้งใจจะเงียบจนกว่าจะหมดคาบตกใจที่อยู่ดีๆชานยอลก็จับมือกันแถมยังประสานนิ้วเข้ามาแล้วเอนหัวลงมาซบไหล่กัน
“ ง้อ ” ชานยอลกดหน้าลงกับแขนเสื้อแบคฮยอน “ หายโกรธนะ แกล้งเล่นนิดเดียว ”
“ ... ”
“ เวลานายยิ้มแล้วน่ารักอ่ะ อยากให้ยิ้มบ่อยๆ ”
“ พูดอะไรเนี่ย...”
“ ตอนโมโหก็น่ารักนะ นายเป็นคนน่ารักรู้ตัวบ้างป่ะเนี่ย ? ”
“ นะ...นี่..”
แบคฮยอนทำตัวไม่ถูกเมื่อชานยอลลุกขึ้นนั่งดีๆก่อนจะหันมามองหน้ากัน
“ ขนาดตอนนี้ยังน่ารักเลย ”
“ ... ”
“ เขินเลย ลอยไปชั้นแปดแล้วมั้งเนี่ย ”
“ ชานยอล !!! ”
รอบที่สามของวัน...
“ ว่าไง...เห้ย แบคอยอนไปไหน แบคฮยอนมานี่ก่อน !!! ”
ในคาบเรียนวันนั้นชานยอลต้องเรียนกับกระเป๋าและแฟ้มของแบคฮยอน เพราะคนตัวเล็กที่งอนจริงงอนจังเดินถือสมุดเล็คเชอร์กับกระเป๋าดินสอไปนั่งกับเพื่อนข้างหลัง พอจะตามไปเก้าอี้ก็ไม่มีว่างสักตัว
เอาจริงๆแบคฮยอนก็ไม่ได้งอนไม่ได้โกรธอะไรชานยอลจริงจัง เพียงแต่คำพูดเหล่านั้นมันทำให้ใจของแบคฮยอนเต้นเร็วขึ้นมาอย่างประหลาดก่อนจะช้าลงเมื่อหน้าทะเล้นๆของอีกฝ่ายที่เอ่ยแซวกับด้วยคำว่าเขินและลอยไปชั้นแปดแล้ว
พูดเล่นแบบนี้ตลอดเลย...
หลังจากเลิกเรียนแล้วแบคฮยอนก็เดินกลับไปข้างหน้าเพื่อเก็บข้าวของของตัวเองที่วางทิ้งเอาไว้ ชานยอลที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่นั้นวางมันลงทันทีก่อนจะเอ่ยปากขอให้แบคฮยอนนั่งอยู่ก่อนพร้อมกับตะโกนไปหาเพื่อนที่ยืนออกันอยู่ที่ประตูหลังห้องว่าให้ไปหาอะไรกินก่อนเลย
ระหว่างเราสองคนนั้นไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรจนกระทั่งเพื่อนออกไปจากห้องจนหมด
“ โกรธจริงๆหรอ ? ” ชานยอลถาม
“ ไม่หรอก ไม่โกรธ ” แบคอยอนส่ายหน้ากลับไป “ ขอโทษที่ให้นั่งคนเดียว...ตั้งสองชั่วโมงครึ่ง ”
“ เหงานะ ”
“ ก็นั่นแหละ ขอโทษนะ ” แบคฮยอนพูดกับชานยอล “ แล้วก็...เราขออะไรหน่อยได้มั้ย ”
“ ได้สิ ”
“ คือ...นายชอบพูดกับเราว่าแบบ ทำแบบนี้ใจเต้นแรงนะ คิดถึงหรอ หรือที่บอกว่าเราน่ารักอ่ะ ”
“ ... ”
“ อย่าพูดมันอีกได้มั้ย ? ”
“ ... ”
“ ... ”
“ อึดอัดหรอ ? ”
“ ไม่ใช่แบบนั้น...” แบคฮยอนรีบปฏิเสธ “ แต่เราว่าล้อกันเล่นแบบนี้มันไม่...”
“ แล้วใครบอกว่าล้อเล่นล่ะ ” ใบหูของชานยอลเปลี่ยนเป็นสีแดง “ ก็เพราะนายนั่นแหละ..”
“ เราหรอ ? ”
“ ก็ใช่น่ะสิ พอพูดไปแบบนั้นก็ชอบทำหน้าแปลกๆ ฉันก็เลยต้องล้อเล่นไม่ให้นายอึดอัด..”
แบคฮยอนนิ่งเงียบไปเพราะกำลังทบทวนในสิ่งที่ชานยอลพูดออกมา
“ แล้วเราต้องทำต้องพูดอะไร ”
“ นายต้องยิ้ม ” ชานยอลพูดโดยไม่ยอมมองหน้าแบคฮยอน “ ถ้าฉันถามว่าใจเต้นรึเปล่าก็ต้องตอบว่าใช่ ถามว่าคิดถึงมั้ยก็ต้องตอบว่าคิดถึง พอฉันชมว่าน่ารักนายก็ต้องชมฉันกลับสิ ”
“ ตะ...แต่เรา ”
“ แต่อะไร ? ”
“ เราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ! ”
“ ทำไม ? กลับบ้านไปไม่คิดถึงกันบ้างเลยรึไง ? ”
“ ก็คิดถึง...แต่จะให้เราพูดตอบแบบนั้นมัน..ชานยอลอ่ะ ”
ชานยอลที่ตอนแรกหน้าบึ้งตึงกลับยิ้มกว้างออกมาจนแบคฮยอนทำตัวไม่ถูก
“ ตกลงว่านายคิดถึงฉันใช่มั้ย ? ”
“ ... ”
“ พยักหน้าหรือส่ายหน้าก็ได้ ”
แบคฮยอนพยักหน้าสองสามครั้งให้ชานยอลที่ยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ ที่บอกว่านายน่ารักน่ะ เรื่องจริงนะ ”
“ ... ”
“ นายน่ารักมากเลย ”
และแบคฮยอน...ก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน มันเป็นยิ้มที่กว้างที่สุดในชีวิตเลย
ฉันอดทนอยู่กับช่วงเวลานั้นได้ยังไงกันนะ
ช่วงเวลาที่ไม่มีเธอ
“ สองคนนี้ยังไงกันเนี่ย ? “ เพื่อนในกลุ่มถามขึ้น “ ช่วงนี้ตัวติดกันจัง ”
“ ก็ติดกันมาตั้งนานแล้วป่ะวะ ? ”
“ ไม่ดิ มันแปลกๆอ่ะ ”
“ กูก็คิดงั้นว่ะ ปกติมันก็ติดกันอยู่แล้วแต่นี่มันแปลกๆ ”
“ มะ..มีอะไรแปลกหรอ ? ” แบคฮยอนไม่เข้าใจ
“ จะพูดตรงๆเลยละกันนะ ” เพื่อนคนหนึ่งกระแอมไอก่อนจะพูดต่อ “ เหมือนแฟนกันเลย ”
ตาของแบคฮยอนโตขึ้นเล็กน้อย ต่างจากชานยอลที่ยิ้มราวกับสิ่งที่เพื่อนพูดมันไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจ
“ ...ก็แฟนกันไง ” ชานยอลยิ้มกว้างก่อนจะหันไปหาแบคฮยอนที่นั่งหน้าแดงอยู่ข้างๆ “ เนอะ ? ”
แนะเนอะอะไรกันเล่า เจ้าปาร์คชานยอลนี่ !
“ นั่นไง กูว่าแล้ว !! ”
“ ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ...แบคฮยอน ? ”
“ เอ่อ...อาทิตย์ที่แล้ว ” แบคฮยอนตอบอ้อมแอ้ม “ แปลกหรอ มันแปลกใช่มั้ย ”
“ ไม่ๆ แบคฮยอนใจเย็นๆ พวกมึงอย่าเพิ่งกินช่วยกูอธิบายก่อน !! ” เพื่อนไม่อยากให้แบคฮยอนเข้าใจผิดว่ามันไม่ดี “ คำว่าแปลกในที่นี่หมายถึงความสัมพันธ์ของพวกนายมันเปลี่ยนไปแล้วพวกฉันรู้สึกได้ไง รู้สึกว่าพวกนายสนิทกันมากขึ้นแบบมากๆ มันเป็นเรื่องที่ดีนะแบคฮยอน ”
“ ใช่ๆ คบกันแล้วก็ดี ถ้าไอ้ชานยอลมันแกล้งก็ตบหัวมันเลย บิดให้หูหลุดก็ได้ ”
“ อะ..อื้ม ! ” แบคฮยอนยิ้มออกมาก่อนจะหันไปแกล้งบิดหูชานยอลเล่นตามที่เพื่อนบอก
“ คิดดีแล้วหรอคบกับมันเนี่ย ? ”
“ อ้าว ปากหมาแล้วมึงอ่ะ ” ชานยอลด่าเพื่อน
“ เราคิดดีแล้วนะ ” แบคฮยอนพูดขึ้น “ ชานยอลน่ารักกับเรามากๆเลย ”
ชานยอลโวยวายเสียยกใหญ่เพราะคำพูดของแบคฮยอนเช่นเดียวกับเพื่อนที่หัวเราะและเอ่ยแซวไม่หยุด แบคฮยอนเองก็เอาแต่ยิ้มแล้วก็หัวเราะออกมาเพราะท่าเขินของชานยอลมันน่ารักน้อยซะที่ไหน
ชานยอลน่ะ น่ารักจริงๆนะ
ปกติแล้วแบคฮยอนจะกลับบ้านทันทีที่เลิกเรียน แต่พอมีชานยอลเข้ามา กิจวัตรประจำวันของแบคฮยอนก็เปลี่ยนไป สิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็มีมากมายหลายประการ อย่างโทรปลุกชานยอลในตอนเช้า มากินข้าวเช้าด้วยกันที่มหาลัย ไปซื้อโอวัลตินด้วยกัน ไปไหนมามาไหนด้วยกันเสมอ เดินเล่นด้วยกันตอนเย็นแล้วชานยอลก็จะไปส่งแบคฮยอนที่บ้านพร้อมกับอยู่ทานข้าวเย็นฝีมือแม่ของแบคฮยอนทุกวัน
แบคฮยอนไม่เคยมีชีวิตแบบนี้มาก่อน แล้วก็ดีใจที่ได้มีชานยอลแบบนี้
“ ชานยอล...”
“ อยู่กันสองคนไม่เรียกชานยอลสิ ”
“ ชันชัน ”
“ ไม่ใช่ชื่อนี้ เดี๋ยวตีเลย ”
“ ไม่เอานะ ” แบคฮยอนเอี้ยวตัวหลบฝ่ามือของชานยอล “ ที่รัก ”
“ ครับผม ”
“ ... ”
“ ... ”
“ ขอบคุณนะ..”
“ หืม ? ”
“ สำหรับทุกเรื่องเลย ” แบคฮยอนยิ้มอย่างจริงใจด้วยความรักที่มี “ เราน่ะ..มีความสุขมากเลยนะ ”
“ ... ”
“ ถ้าไม่ใช่ชานยอลที่เก็บสมุดได้แต่เป็นคนอื่น เราก็คงต้องนั่งเรียนเงียบๆต่อไป ไม่ได้มีเพื่อนไม่ได้มีชานยอลแบบนี้... ”
“ ไม่หรอก ”
“ ... ”
“ ไม่มีใครเก็บมันได้นอกจากฉันหรอกนะ..”
“ ... ”
“ ฉันมองนายอยู่ตลอด มองมาตั้งนานแล้ว ”
“ ... ”
“ แต่ถึงจะเก็บไม่ได้ แต่ก็คิดจะเข้าไปทำความรู้จักอยู่แล้วล่ะ ” ชานยอลวางมือของตัวเองลงบนหัวของแบตฮยอน “ ยังไงก็ได้มีชานยอลอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงนะ ”
“ อื้อ ! ” แบคฮยอนยิ้มรับมือของชานยอลที่ยีหัวกันอยู่ตอนนี้ “ ขอบคุณนะชานยอล ขอบคุณ ”
“ ขอบคุณเหมือนกันนะแบคฮยอน ” ชานยอลแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากของแบคฮยอนเบาๆ “ ไม่สิ ”
“ ... ”
“ ต้องบอกว่าขอบคุณนะ แบคฮยอนที่รักของชานยอล ”
แบคฮยอน..ก็รักชานยอลเหมือนกัน
ก้าวเข้ามาอีกก้าวหนึ่งด้วยคำว่ารัก
แล้วเดินไปพร้อมๆกันนะ