sodaisy95

🧸🎈💙 · @sodaisy95

24th Jun 2018 from TwitLonger

วันของอานา (หนึ่งขวบกับ #เกี๊ยวหมูแบค )


วันของอานา

#เกี๊ยวหมูแบค หนึ่งขวบแล้ว !
#ตอนหลังจากเรื่องที่ไม่เคยเข้าใจและความรักของเรา (ในเล่มจ้า)
ไม่อ่านเล่มก็อ่านได้ บอกไว้เพื่อที่คนอ่านเล่มจะได้ลำดับเวลาถูกเนอะ






-



(ไอ้แบค มึงเห็นนี่ยัง การ์ด...)

“เห็นแล้ว กูนั่งอ่านอยู่เนี่ย” แบคฮยอนเพิ่งกลับจากทำงาน ยังไม่ทันถึงบ้านดีก็มีคนบอกว่ามีจดหมายจ่าหน้าถึงแบคฮยอนกับเฮียชานยอล “ตลกป่ะวะ บ้านอยู่ข้างกันยังมีอารมณ์เอามาหยอดตู้”

(ชื่อบนการ์ดตลกกว่าอีกไอ้เหี้ย เมื่อตอนนัดกลุ่มครั้งล่าสุดกูยังเห็นมันจะเอาขวดเหล้าฟาดกันอยู่เลย อยู่ดีๆจะมาแต่งงานกันได้ไงวะ ?)

“หน้ากูเหมือนรู้หรอ กูก็รู้ตอนเปิดการ์ดเนี่ย” แบคฮยอนมองชื่อบนการ์ดก่อนจะหัวเราะเสียงดังใส่โทรศัพท์ “เออ ตลกว่ะ”

เขานั่งลงกินมื้อดึกตอนสามทุ่ม เปิดซองจดหมายที่คุณป้าเอามาให้ แทบจะสำลักเห็ดที่กินเข้าไปเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไร

มันคือการ์ดเชิญเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานของอานากับซังจุน ย้ำว่าอานากับซังจุน !

ตลกกว่าแบคฮยอนกับจงอินเรียนจบหมอมาได้ก็สองคนนี้แต่งงานกันเนี่ยแหละ โลกจะกลับด้านรึเปล่าก็ไม่รู้เลย อย่างที่จงอินว่า สองคนนี้ดูเป็นเพื่อนแบบเพื่อนจริงๆ เหมือนซังจุนมองอานาเป็นผู้ชายแล้วอานาก็มองซังจุนเป็นผู้หญิง แล้วอยู่ดีๆจะมาแต่งงานกันได้ยังไง เขาที่บ้านอยู่ข้างๆอานายังไม่รู้มันก็คงไม่มีใครรู้ ตกใจยังไม่ทันหายไอ้จงอินก็โทรมาร่วมตกใจด้วยคน มันบอกว่าพี่คยองซูโทรหาอานาอยู่ ส่วนซังจุนไม่รับโทรศัพท์

(มันยังไงวะ กูกลับหัวคิดก็ยังงงอยู่เลย)

“กูก็ไม่รู้ไงมึง จะให้กูวิ่งไปถามก็ดึกแล้วอ่ะ พี่คยองซูก็คุยอยู่หนิ รู้แล้วมาเล่าให้กูฟังด้วย”

“เล่าอะไรหมวย ?” เฮียชานยอลที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเหมือนกันเดินเข้ามาในห้องครัวที่เขานั่งกินข้าวอยู่ “เพิ่งกลับมาหรอ ไหนบอกวันนี้กลับไม่ดึกไง”

“ไม่ดึกไง ปกติเที่ยงคืนนู่น” แบคฮยอนยื่นการ์ดให้เฮียชานยอลดู “เรื่องตลกประจำปี”

“...เฮ้ย” เฮียชานยอลทำหน้าเหมือนแบคฮยอนตอนอ่านสิ่งที่อยู่บนการ์ด “อะไรเนี่ย ?”

“นั่น อึ้งดิ” แบคฮยอนหัวเราะ “ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย คุยกับจงอินอยู่เนี่ย”

(พรุ่งนี้ เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง)

“เออๆ พรุ่งนี้เจอกัน กูกินข้าวก่อน” แบคฮยอนวางสายจากจงอินแล้วหันไปมองเฮียชานยอลที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกัน “แล้วนี่ยังไง กลับดึกจังเลยนะ”

“มีเอกสารด่วน พี่ต้องรอเซ็นอนุมัติ” ชานยอลยังอ่านการ์ดอยู่ “จำได้ไหมที่เพื่อนเราเคยแซว...”

“อ๋อ ได้กันเองอ่ะนะ แล้วที่มันด่ากันบอกว่าใครเอาไปเป็นแฟนก็คงตาบอด เหลือคนเดียวยังไม่เอา” แบคฮยอนจำได้ “กลืนน้ำลายตัวเองดังเอื๊อก”

ชานยอลยังคงพลิกการ์ดไปมา กระดาษแข็งสีขาวกลิ่มหอมสะอาด ข้อความบนนั้นเป็นภาษาอังกฤษ แถมที่จัดก็ยังเป็นโรงแรมแถวชลบุรี บอกว่าเป็นธีมแบบชายหาด เดรสโค้ดคือสีขาว

“เฮียกินข้าวไหม ?”

“ไม่กิน” ชานยอลมองหน้าแบคฮยอน “เห็นแบบนี้แล้วก็อยากแต่งงานแฮะ”

“ไร้สาระ” แบคฮยอนกลืนข้าวลงท้อง “ตั้งใจทำงานไปเถอะ จะไปเที่ยวฮาวายปลายปีนี้ลืมรึยัง ถ้าบอกว่าติดงานเดี๋ยวจะต่อยให้”

“ลืมได้ไง เคลียร์คิวรอแล้วเถอะ หมวยบอกตัวเองดีกว่ามั้ง โทรมาตามตอนตีสองนี่ไม่เอานะ ไม่พาบินกลับนะเว้ย”

“ไม่มีหรอกหน่า ลงไว้แล้วว่าลาแน่ๆ แต่ว่านะ—เฮ้ย ! อะไรเนี่ยปล่อยแบคนะ !”

“แต่งงานกัน” ชานยอลอุ้มน้องพาดบ่าก่อนจะวิ่งออกจากครัว ไม่สนเสียงโวยวายของแบคฮยอน

“เป็นบ้าอะไรของมึง !”

“แต่งงานกันไง” ชานยอลยิ้มกริ่ม “สถานที่แต่งงานคือบนเตียง”

“ไอ้บ้า ปล่อยเดี๋ยวนี้นะโว้ย !!!”















แบคฮยอนลางานช่วงบ่ายหนึ่งวันเช่นเดียวกับจงอิน มีเป้าหมายเดียวกันคือไปงานแต่งที่ชาตินี้ที่ไม่คิดว่าจะมีวันเกิดขึ้นได้ หลังจากวันที่ได้การ์ดแล้วพวกเค้าสองคนก็ไม่ได้รู้อะไรเพิ่มเติมเลยเพราะอานาเอาแต่หัวเราะ บอกว่าให้มางานแต่งเดี๋ยวก็รู้เอง ตอนนี้เก็บตัวเตรียมเป็นเจ้าสาวอยู่ ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์

ดังมาจากไหนกันวะ แบคฮยอนล่ะรำคาญ

พวกเค้าต่างคนต่างแยกกันกลับบ้านไปแต่งตัวเพื่อไปงาน จงอินไปกับพี่คยองซู ส่วนเขานั้นไปกับเฮียชานยอล พี่เซฮุนกับเจ๊ลู่หานก็อยากมาแต่ว่าตอนนี้อยู่จีนก็เลยมาไม่ได้ ได้แต่ส่งความยินดีผ่านทางเสียงโทรศัพท์ ส่วนไอ้อี้ไม่ได้มา ติดสอบกลางภาค

“เฮีย จะถึงรึยังเนี่ยแบคอยากเข้าห้องน้ำ”

“เออ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว อั้นไว้ก่อน”

“เฮีย ขับรถให้มันเร็วหน่อยสิ !”

“นั่งเฉยๆแล้วยังจะพูดมากอีก จอดข้างทางเลยไหม ?”

“เอ๊ะ !” แบคฮยอนส่งตาขวางใส่เฮียชานยอล “อยากมีเรื่องใช่ไหม !”

“ไม่อยากมีหรอกเรื่องอ่ะ อยากมีรักมากกว่า”

“เวรเอ๊ย...” แบคฮยอนสบถกับตัวเอง ปวดฉี่ก็ปวด อายุสามสิบแล้วก็ยังต้องมาทนฟังอะไรอย่างนี้ “เร็ว !”

ชานยอลที่เล่นเองก็ตลกตัวเองอยู่เหมือนกัน กลับไปทำอะไรเหมือนที่สิบกว่าปีก่อนเคยทำมันก็ตลกดี น้องก็ยังเขินให้เห็นเหมือนเดิม แต่เป็นการเขินแบบผู้ใหญ่ที่ต้องตีหน้านิ่งสุดฤทธิ์บอกว่าไม่เขิน

สำหรับเขาแล้วแบคฮยอนเมื่อก่อนขี้อายยังไงก็ยังขี้อายอยู่อย่างนั้น ยอมคนไม่ได้เหมือนเดิม ขี้โวยวายพูดคำหยาบร้อนเหมือนไฟ พี่ลู่หานเคยว่าว่าเป็นหมอแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร นิสัยเสียเหมือนเดิม

พูดถึงพี่ลู่หานแล้วก็นึกถึงเซฮุนขึ้นมา รายนั้นมีครั้งนึงที่หน้าเครียดมาแต่ไกล ถามอะไรก็ไม่ตอบจนสุดท้ายมันก็กระซิบเงียบๆว่าเรื่องที่อยู่ในใจของมันคือเรื่องอะไร

‘พี่ลู่ไม่ยอมออนท๊อปให้กูอ่ะ คบกันมาเนี่ยปีที่สิบแล้ว—โอ๊ย ไอ้คยองซู มึงตบกูทำไมเนี่ย !!’

‘ไอ้เวร !’ ไม่รู้ว่าคยองซูโกรธมาจากไหน ‘กูไปสั่งอาหารก่อน กลับมาก็ช่วยพูดจาเข้าท่าด้วย !’

‘แล้วกูพูดไม่เข้าท่าตรงไหนวะ’ เซฮุนทำหน้ามุ่ย ‘น้องแบคฮยอนเป็นไงบ้าง’

‘กูว่าจะซื้อเตียงสำรองไปไว้ที่บ้านแล้ว แบคฮยอนทำไฟไหม้ทุกที’ พูดแล้วก็ทำมือประกอบให้เพื่อนอิจฉาเล่น

‘ขนาดนั้นเลยหรอวะ !’ เซฮุนตาโต ‘มึงทำไงอ่ะ ?!’

ก็ไม่อยากจะบอกว่ายุจนขึ้น แกล้งแหย่ว่าที่ไม่เคยขึ้นให้เพราะทำไม่เป็นล่ะสิ เท่านั้นแหละ ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม !

“เฮีย ไม่ไหวแล้วอ่ะ”

“เดี๋ยวพี่หาขวดให้ ข้างหลังน่าจะมี”

“ไอ้เฮียชานยอล !!!”

“ถึงแล้วครับถึงแล้ว เชิญครับ” ชานยอลจอดให้น้องลงที่หน้าล้อบบี้ของโรงแรมก่อน ส่วนเขานั้นไปวนหาที่จอดรถ มองจากกระจกหลังเห็นแฟนตัวเล็กวิ่งท่าแปลกๆเข้าโรงแรมไปแล้วมันก็ตลกดี เขาวนหาสักพักก็เจอที่จอดรถ พอเดินกลับมาที่ล้อบบี้ก็เห็นแบคฮยอนนั่งอยู่ตรงโซนต้อนรับ จิบน้ำกระเจี๊ยบสบายใจเฉิบ

“สวยดีเนอะ” แบคฮยอนชอบที่นี่ “บอกพนักงานแล้วว่ามางานแต่ง เขาบอกว่าจัดที่หาด คนทยอยมากันแล้ว”

“จะไปเลยไหมล่ะ ?”

“ยังอ่ะ รอจงอินกับพี่คยองซูก่อน” แบคฮยอนขยับให้เฮียชานยอลนั่งด้วย “เฮีย เอาไว้ว่างๆเรามาเที่ยวที่นี่กันไหม ?”

“เอาสิ” ชานยอลตอบรับก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นนิ้วก้อยของเด็กอายุสามสิบชูขึ้นมาตรงหน้า

“สัญญาก่อน เร็วๆ”

“ครับๆ สัญญาว่าจะพามานะครับ” ชานยอลเกี่ยวก้อยกับน้อง “ยังเจ็บหัวอยู่ไหม ?”

“ไม่แล้ว” แบคฮยอนจับหัวตัวเอง คิดแล้วมันก็นึกเขินขึ้นมา เมื่อคืนตอนมีอะไรกันหัวเขาไถลไปชนหัวเตียงดังโป๊ก เขาร้องเสียงดังลั่นบ้าน เฮียชานยอลเองก็เอาแต่ขำ ลูบหัวเขาบอกว่าไม่เป็นไรนะขณะที่เขานั้นน้ำตาไหล หัวแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ สุดท้ายก็จบที่ว่าเฮียชานยอลนอนลูบหัวเขาทั้งคืน ปลอบไปขำไป “ให้จงอินดูให้มันบอกโนนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย”

“บอกจงอินว่าไง”

“บอกว่าหลานเอาไม้เกาหลังมาตีหัว”

“ยูฮยอนหลานอา อยู่ดีๆก็มีความผิดติดตัว” ชานยอลหัวเราะข้อแก้ตัวของแบคฮยอน

“ก็คิดอะไรไม่ออกแล้วอ่ะ ไม่รู้ว่ามันจะถาม” แบคฮยอนก็หัวเราะไปด้วย ขอโทษหลานอยู่ในใจ “มันเสือกสงสัยอีกนะ บอกว่าปกติยูฮยอนไม่ซนนี่ แบคเลยด่าว่าอะไรเยอะแยะมันก็เลยเงียบเลย”

นั่งอยู่สักพักจงอินกับพี่คยองซูก็มา จงอินเดินหน้าบึ้งเข้ามาคนแรก บอกว่าจะแต่งชุดคู่เหมือนเขากับพี่ชานยอลแล้วแต่พี่คยองซูไม่ยอม เขาก็ได้แต่บอกว่าแทนที่มันจะมานั่งเสียใจมันควรจะทำตัวให้ชิน พี่คยองซูยอมก็บ้าแล้ว ไม่มีทาง

พวกเขามีโอกาสได้คุยกับซังจุนอยู่เหมือนกัน รายนั้นบอกว่างานนี้เชิญมาแค่เพื่อนตอนมัธยมแล้วก็เพื่อนตอนเรียนมหาวิทยาลัยไม่กี่คน ที่จริงสองคนนี้น่าจะมีเพื่อนตอนมหาวิทยาลัยมากกว่านี้แต่อานาเป็นคนสนิทกับคนอื่นยากแล้วหวงเพื่อน กิจกรรมก็ไม่ค่อยเข้า พึ่งพาซังจุนตลอดเวลา เลยอยู่กันสองคนมากกว่า คนอื่นแซวจนเลิกแซวเพราะเห็นซังจุนตบหัวอานาข้อหาไม่ยอมทำรายงานทั้งที่เป็นงานคู่ แบคฮยอนยังจำได้อยู่เลยว่าอานาเดินหน้าบึ้งมาหาพี่คยองซู ฟ้องว่าไอ้บ้านั่นมันตบหัวหนู พี่ไปสั่งสอนมันให้หนูหน่อย หนูเกลียดมัน !

มันไม่ได้เป็นงานที่มีพิธีรีตองอะไร เป็นแค่งานฉลองปกติเพราะสองคนนี้แต่งงานกันจริงๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นงานที่เงียบมากๆที่บ้านของอานา ที่แบคฮยอนรู้ก็เพราะว่าวันนั้นเข้างานตอนบ่าย ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่พอดี เขาก็เข้าใจว่าที่เพื่อนไม่เชิญเป็นเพราะมีแต่ญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงกับฝ่ายชาย ย้ำว่าญาติผู้ใหญ่จริงๆ หลานเหลินเด็กเดิกอะไรไม่มี เป็นงานเงียบๆ จดทะเบียนสมรสแล้วก็กินข้าวด้วยกัน ยังได้กับข้าวแบ่งมาอยู่เลย อร่อยทุกอย่างจริงๆ

“แบคฮยอนน !!!!!” เท้าย่ำทรายปุ๊ปก็ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนปั๊ป “แบคฮยอนนนนนน !!!!!”

“เออๆ แบคฮยอนไง” แบคฮยอนยิ้มรับเพื่อนที่วันนี้ดูสวยกว่าทุกวันวิ่งตรงเข้ามากอดเขา ตามด้วยเพื่อนอีกคนที่คอยช่วยเหลือกันมาตลอดเดินตามมา

มันก็คงจะจริงที่เขาบอกว่าวันที่ผู้หญิงจะสวยที่สุดคือวันแต่งงานเพราะวันนี้อานาดูสวยมากจริงๆ

“รออยู่เลย อยากคุยด้วยจะแย่ !” อานายิ้มกว้าง “วันแต่งงานก็ไม่ได้คุย ขอโทษนะ ยุ่งจริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอก กับข้าวแจกจ่ายเรียบร้อย จงอินกับพี่คยองซูก็ได้กิน”

“พี่ วันนี้หนูแต่งงานแล้วนะ” อานากอดพี่คยองซู “หนูมีสามีแล้ว !”

“เออ ดีใจด้วย” คยองซูหัวเราะเด็กที่ยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า

“พี่ใส่ซองให้หนูเท่าไหร่อ่ะ น้อยกว่าหมื่นนึงไม่ยอมนะ”

“เวอร์แล้ว ใส่ไปร้อยนึง” คยองซูผลักหัวเจ้าสาวของงานที่เบนไปหาจงอินแทน

“จงอิน” อานายิ้มกว้าง “สามีเราหล่อกว่าจงอินอีกนะ รู้รึเปล่า !”

“เออ ยอมให้มึงหล่อกว่าวันนึงนะไอ้ซังจุน” จงอินยักคิ้วให้เพื่อนที่ยักคิ้วกลับมา

“มึงอ่ะตัวดี ชอบหาว่ากูปิดบังมึง เป็นไงล่ะเป็นไง !” แบคฮยอนได้ทีแล้วขอด่าหน่อย “ปิดยังกับก่อการร้าย”

“เออหน่า กูชอบเงียบๆ พวกมึงก็รู้” ซังจุนพูดยิ้มๆ “นั่งโต๊ะหน้าเลยนะ จองไว้แล้ว”

“พี่ชานยอลคะ” อานาเรียกชื่อคนที่เป็นคนที่เธอชอบคนแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้

“อะแฮ่ม !”

“เกินไปย่ะยัยแบคฮยอน !”

แบคยอนกระแอมเล่นแกล้งเพื่อนไปงั้น นึกถึงตอนก่อนที่ตีกันจะเป็นจะตายเรื่องอานาจะแต่งงานกับเฮียชานยอลแล้วแบคฮยอนไม่ยอม สุดท้ายก็มาดีกันเพราะต้องอ่านหนังสือด้วยกัน

“พี่ยินดีด้วยนะ เจอคนที่รักจริงๆแล้วพี่ก็ดีใจด้วย”

“ค่ะ !” อานาตอบรับเสียงใสก่อนจะหันไปควงแขนซังจุน “แล้วก็รักหนูมากๆด้วย”

“พูดมากหน่า...”

“เขินก็พูดมาเถอะ !” อานาเถียงสามีตัวเองกลับก่อนจะหันมาหาพวกเขาสี่คน “ไปนั่งเถอะ หกโมงจะขึ้นเวทีแล้ว จะบรรยายความรักให้ฟัง”

พวกเค้าเดินตามเจ้าของงานในวันนี้ไปที่โต๊ะแถวหน้าสุด ขอบคุณในใจเหมือนกันที่เพื่อนให้ความสำคัญกับพวกเค้าขนาดนี้ แต่พอคิดแบบตลกๆก็คิดว่าจะไม่ให้ความสำคัญได้ยังไง เฮียชานยอลก็คนที่อานาชอบคนหนึ่ง จงอินก็คนที่อานาชอบคนที่สอง พี่คยองซูเป็นผู้นำด้านการใช้ชีวิตของอานา ส่วนแบคฮยอนเป็นเพื่อนแค้นแสนรัก แล้วก็เป็นเพื่อนที่ซังจุนต้องคอยแก้ปัญหาชีวิตให้ตลอด

พิธีกรของงานเป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยที่แบคฮยอนคุ้นๆว่าเป็นพิธีกรงานมหาวิทยาลัยหลายงาน บรรยากาศงานก็สบายๆ มีความสว่างจากไฟสีส้มระยิบระยับ กลิ่นเกลือจากทะเลและลมที่ทำให้รู้สึกเหนียวตัวนิดหน่อยแต่ก็ทำให้รู้สึกดีและมีความสุข

คำถามแรกเป็นคำถามเบสิก เจอกันได้ยังไง

“ก็วันนั้นไปงานจบการศึกษาของจงอิน ตอนนั้นชอบจงอินมากๆแล้วก็อยากมีส่วนร่วมในชีวิตเค้าก็เลยไปค่ะ แต่ว่าพอเดินเข้าไปในโรงเรียนก็เจอซังจุนที่เดินมาบอกว่าแบคฮยอนบอกว่าจงอินกลับไปแล้ว ก็คือไปเก้อค่ะ วันนั้นก็เป็นวันแรกที่เจอกัน”

“ที่จริงแบคฮยอนมันสั่งให้ฉันโกหกนะ ไอ้จงอินยังไม่ได้กลับหรอก มันก็อยู่ในนั้นแหละ”

“ว่าไงนะ !” อานาหันมาหาแบคฮยอนที่หัวเราะเสียงดัง “ยัยแบคฮยอน !”

“อะไร ถ้าไม่บอกแบบนั้นก็จะไม่ได้เจอกันนะ !” แบคฮยอนเถียงกลับไป

“อานาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยหรอ ?”

“ไม่เคยน่ะสิ เพิ่งรู้เมื่อกี้ !” อานาไม่รู้จริงๆ ตะโกนไปหัวเราะไป คนในงานก็ขำด้วย “นายไม่เห็นเคยบอกฉัน”

“ก็เธอไม่ถามนี่”

แบคฮยอนก็นั่งฟังไปเรื่อยๆ มันก็ตลกดีแล้วก็รู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ มันเหมือนเราเห็นความรักที่ลอยออกมาถึงจะไม่รู้ว่าไปรักกันได้ยังไงแต่มันก็เป็นความรักจริงๆ

“แล้วก็มาถึงคำถามสำคัญเลย มาแต่งงานกันได้ยังไง มีสายบอกมาว่าแฟนก็ไม่ได้เป็น !”

“คือ...มันมีที่มาที่ไปที่เราไม่เคยบอกใครเลย” อานาพูดไปยิ้มไป “ตอนที่เราอายุยี่สิบห้าตอนนั้นก็เพิ่งทำงานใหม่ๆ แล้วหลังเลิกงานไปดื่มด้วยกัน คือเราก็บ่นตามประสาว่าแบบไม่มีแฟนเลยอะไรแบบนี้ แล้วซังจุนก็บอกว่ามาสัญญากันไหม”

“...”

“ตอนที่อายุสามสิบถ้าเราต่างคนยังไม่มีใครเราจะแต่งงานกัน”

“พูดจริงๆผมก็เหมือนใช้ชีวิตรอเค้าเลย ห้าปีถัดจากประโยคนั้นเราก็ยังทำงานด้วยกัน กินข้าวกลางวันกินข้าวเย็นด้วยกัน จะบอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกันมันก็ใช่แต่ความรู้สึกมันไม่ไดเป็นแบบนั้นเลย คือเราเหมือนมีกันและกันไปแล้ว”

“ถ้าถามว่ารักกันตอนไหนนี่ตอบไม่ได้เลยนะเนี่ย” อานาหัวเราะ “รู้อีกทีก็รักไปแล้ว”

“แล้วยังไงครับ คือตอนอายุสามสิบแล้วก็แต่งงานกันเลยหรอ ?” พิธีกรถาม

“เราเกิดทีหลังใช่ไหมล่ะ ก็วันนั้นก็ยังไปกินข้าวกับแบคฮยอนกับพี่คยองซูอยู่เลย ก็ไปด้วยกันหมดเนี่ยแหละ ที่จริงก็ทะเลาะกับซังจุนด้วยวันนั้นเรื่องไม่ยอมสั่งยำปลาดุกฟูจานที่สองให้ แต่ว่าคืนนั้นก็ได้ของขวัญวันเกิดเป็นแหวนแต่งงาน”

“โหยพี่ หวานจนเราแพ้เลยอ่ะ ผมประกาศจีบพี่ตอนเรียนจบนี่ชิดซ้ายไปเลย” จงอินกระซิบกับพี่คยองซู

“หุบปากไป ฉันตั้งใจฟังอยู่”

ก็เป็นอย่างนี้ จงอินก็ชินแล้ว วันไหนไม่โดนด่าก็นอนไม่ค่อยจะหลับ

แบคฮยอนมองอานาที่ยิ้มหวานที่สุดในชีวิต มองมือของเพื่อนสองคนที่จับกันแน่นแล้วก็หวังว่าความรักของทั้งคู่จะคงอยู่ตลอดไป

ท้องทะเลวันนี้ไม่มืดมนเท่าไหร่นัก แบคฮยอนกำลังสนุกอยู่กับการกินบาร์บีคิวกับพี่คยองซู กินกันจนอิ่มแปล้เพราะอานาบอกว่าไม่อั้น มีจงอินเป็นคนปิ้งให้ เจ้าของงานอย่างซังจุนก็พับแขนเสื้อมาช่วยอีกแรงเพราะแบคฮยอนใช้ อานาเองก้มายืนกินด้วย เป็นงานปาร์ตี้ที่ดีมากๆ แบคฮยอนชอบงานแบบนี้

“เฮียชานยอลไปไหนอ่ะ มีใครเห็นเฮียไหม ?”

“นู่น” ซังจุนพยัดเพยิดไปทางหนึ่ง แบคฮยอนตามไปก็เห็นเฮียชานยอลนั่งอยู่ไกลจากงานไปหน่อย ในมือถือขวดเบียร์ นั่งมองทะเลเงียบๆ

“อารมณ์อินดี้เข้าสิงอีกแล้ว” แบคฮยอนหัวเราะ “เดี๋ยวมานะ”

แบคฮยอนเดินไปหาเฮียชานยอลที่นั่งอยู่เงียบๆคนเดียว เข้าใจว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอก เป็นเรื่องปกติที่มานั่งแบบนี้ คงจะคิดอะไรอยู่สักอย่าง

“คิดอะไรอยู่ ?” แบคฮยอนคว้าขวดเบียร์ในมือของเฮียชานยอลก่อนจะยกขึ้นดื่มแล้วนั่งลงข้างๆ

“คิดถึงเราไง”

“ทำไม ?”

“ก็คิดถึงตอนนั้นที่ไปขอเรากับป๊า คิดไปคิดมาก็เหมือนแต่งงานกันแล้วเลยเนอะ”

“ก็ใช่แหละ ไม่มีแหวนแต่แบคเอาตัวเข้าแลกไง”

“ไอ้หมวยนี่” ชานยอลหัวเราะตามแบคฮยอน “ปีนี้คบกันปีที่เท่าไหร่แล้ว”

“สิบสอง”

“แล้วถ้านับเป็นแต่งงานกันมาแล้วกี่ปีอ่ะ ?”

“อืม...เจ็ดปีไง อาถรรพ์เลยเนี่ย” แบคฮยอนหัวเราะไม่เลิก “ปีที่แล้วก็เกือบแล้วนะ”

“ไม่มีทาง” ชานยอลไม่ยอมหรอก “ไม่ให้เลิก”

“ไม่เลิกหรอก ก็เอาตัวเข้าแลกแล้วไง”

แบคฮยอนมองทะเลที่เป็นสีดำสนิทสุดลูกหูลูกตา หัวพิงกับไหล่ของเฮียชานยอล มือข้างหนึ่งอยู่ในความอบอุ่นของมือเฮียชานยอล

“ตอนที่...มาขอกับป๊า ทำไมถึงได้มาขอล่ะ ?”

“เพราะพี่ไปมองใครไม่ได้อีกแล้วมั้ง” ชานยอลคิดแบบนั้น จนวันนี้ก็ยังคิดอยู่ “เวลามองตาเรา...พี่เห็นสิ่งที่เรียกว่าอนาคต”

“...”

“ตื่นมาเจอหน้าเรา กินข้าวเช้าด้วยกัน เหนื่อยๆก็คิดถึงเรา กลับบ้านมาเจอเรา หลับฝันดีไปด้วยกัน” ชานยอลพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา “อีกอย่างนะ นอกจากเราพี่ก็กอดใครไม่ได้แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้น...กอดแบคแค่คนเดียวตลอดไปเลยนะ”

“สัญญาด้วยเลยว่าจะไม่ทำหัวโขกเตียงแล้ว”

“ไอ้บ้านี่...” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่แบคฮยอนก็ยิ้มรับก่อนจะหลับตาลงเพื่อรับความรักจากเฮียชานยอลที่ถ่ายทอดมาถึงเขาผ่านริมฝีปากของตัวเอง

มันเป็นจูบที่มอบทุกความรู้สึกที่แสนดีให้กับแบคฮยอน เป็นริมฝีปากที่เป็นเจ้าของจูบแรกในชีวิตแล้วก็จะเป็นจูบสุดท้ายด้วย จะไม่มีใครแทนที่เฮียชานยอลได้และแบคฮยอนก็จะไม่มีวันให้ใครมาแทนที่เฮียชานยอลด้วย

เพราะว่ามันจะต้องเป็นคนนี้

คนที่จะก้าวข้ามผ่านสิ่งที่เรียกว่าอนาคตไปด้วยกัน








*****
#เกี๊ยวหมูแบค หนึ่งขวบแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกคนมากๆที่ยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงวันนี้
ก็คงเป็นตอนสุดท้ายแล้วของเกี๊ยวหมูแบค
หนึ่งปีที่แล้วที่เราเปิดเรื่องนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้รับความรักกลับมาเยอะขนาดนี้
มันเหมือนฝันเลย ขอบคุณมากจริงๆค่ะ




Reply · Report Post