TOBIAS (side story - ดร. ฟอล๋กเนอร์กับสารวัตรเฟย์ ABO- Shapshifters AU)


ผมเคยใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่เคยมีข้อกังวลอะไรมากนัก
ผมเรียนโรงเรียนชายล้วน และมีเพื่อนเป็นผู้ชายทั้งหมด
ผมไม่เคยรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างผมกับเพื่อน
ผมมีงานที่ผมอยากทำ และวางแผนว่าจะทำอะไรต่อไป

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยเป็นและเคยมีเปลี่ยนไป
ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวของผม ในวันที่ผมไม่เคยลืม
วันที่ผมรู้สึกว่าทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมของตัวเอง
และเป็นวันที่ทุกอย่างในชีวิตของผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


วันนั้น คือ วันที่ผมได้รู้ว่าตัวเองเป็นโอเมก้า









เพราะเพื่อนของผมส่วนใหญ่เป็นอัลฟ่าและเบต้า
อาจารย์ที่โรงเรียนจึงต้องแยกผมออกจากคนอื่นในบางวิชา

ผมต้องเรียนรู้เรื่องสรีระของตัวเองและสิ่งที่ต้องระวังอีกมาก
และในบางครั้ง ผมก็อดรู้สึกระแวงไม่ได้ว่า หากวันหนึ่ง
เพื่อนที่เป็นอัลฟ่าของผม เพื่อนที่เคยกอดคอเล่นหัวกันมา
แพ้สัญชาตญาณของตัวเอง แล้วเราคงจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีก



ในวันที่ผมรู้ว่าตัวเองเป็นโอเมก้า
โลกที่ผมเคยรู้จักกลับตาลปัตรไปหมด
ถ้าหากผมรู้ว่า ตัวเองเป็นอะไรตั้งแต่แรกเกิด
ก็คงจะดีกว่านี้ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมรับ



ถึงจะรู้อย่างนั้น แต่ผมก็ยังเกลียดความรู้สึกว่า
ผมไม่ต้องการมีความสัมพันธ์กับคนที่ผมไม่ชอบ
แต่ร่างกายของผมกลับเรียกร้องหาความสัมพันธ์ที่ว่า
โดยไม่เกี่ยงเลยว่า เขาหรือเธอเป็นคนที่ผมรู้จักหรือไม่
หนทางเดียวที่ผมมี คือ พาตัวเองออกห่างจากอัลฟ่า
ในช่วงเวลาที่สัญชาตญาณในตัวต้องการอัลฟ่ามากที่สุด










ผมใช้เวลาพอสมควรในการปรับตัว และเริ่มกลับมาวางใจคนอื่น
เมื่อเพื่อนของผมยังคงเหมือนเดิมและปฏิบัติต่อผมเหมือนเดิม
ผมเริ่มสบายใจที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า ถึงจะต้องเปลี่ยนแผนบ้าง


อย่างไรก็ตาม บ้านไม่ใช่สถานที่ผมอยากกลับไปบ่อย ๆ อีกแล้ว
พ่อดีกับผม แต่ผมไม่อยากเห็นความผิดหวังที่พ่อซ่อนเอาไว้
รวมถึงพี่ชายคนอื่น ๆ ของผมที่มองผมเป็นอย่างอื่นไปแล้ว
คงเหลือแต่แม่ ที่เป็นโอเมก้าเหมือนกัน และกีเดี้ยน พี่ชายของผม
ที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจ และเปิดเผยสิ่งที่ผมกังวลกับพวกเขาได้


แม่ทิ้งงานที่ต้องเดินทางไปโน่นมานี่ มาทำงานเขียนอยู่กับบ้าน
นั่นเป็นสิ่งที่เราเหมือนกัน และแม่ให้คำแนะนำส่วนใหญ่กับผมได้
แต่หลายครั้ง การกลับบ้านไปเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ ในสายตาแม่
กอดแม่ นั่งเบียดอยู่กับแม่โดยที่ไม่ต้องพูดอะไร ก็มากเพียงพอแล้ว
ผมรู้ว่า พ่อกับแม่เป็น ‘คู่แท้’ ของกันและกัน และพวกเขารักกันจริง ๆ
แต่ผมนึกไม่ออกว่า โอเมก้าที่เป็นผู้ชายอย่างผมจะเจอคนคนนั้นง่าย ๆ


สำหรับกีเดี้ยน ถึงเขาจะเป็นอัลฟ่าเหมือนพี่ชายคนอื่น ๆ ของผม
แต่เขายังคงมองผมเป็นน้องชายคนสุดท้องที่เล่นซนด้วยกันคนเดิม
ผมได้รูปร่างหน้าตาของแม่มา ส่วนเขาทำในสิ่งที่แม่เคยทำก่อนที่จะแต่งงาน
เขาให้ความมั่นใจกับผมว่า การที่เราไม่ถูกคาดหวังให้ต้องใช้ชีวิตแบบไฮอัลฟ่า
เป็นเรื่องที่ดีมากขนาดไหน เพราะผมเรียนแพทย์ เขาเป็นนักประวัติศาสตร์ศิลปะ
ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือธุรกิจใด ๆ ไม่ต้องวุ่นวายกับผู้คนที่ไม่รู้จัก


แม่กับกีเดี้ยนทำให้ผมรู้สึกว่า การเป็นผู้ชายและการเป็นโอเมก้า
ก็ไม่ใช่เรื่องที่ขัดกัน และไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ หากยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็นได้
โดชคดีที่เพื่อนในโรงเรียนแพทย์กับอาจารย์ต่างเข้าใจ และสนับสนุนผมเสมอ


ในตอนนั้น ผมมีความเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่า ถ้าหากผมประสบความสำเร็จ
ถึงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่อย่างน้อยโอเมก้าอีกหลายคน
อาจมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากขึ้น และทำให้คนยอมรับได้









ทุกอย่าง ดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งวันที่ผมทำผิดพลาดอย่างยิ่ง
ความผิดพลาดนั้นเกิดจากการรับคำของเฮคเตอร์ พี่ชายคนรองอย่างเสียไม่ได้


ทิโมธี หรือ ทิม พี่ชายคนโตของผมเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ส่วนเฮคเตอร์ พี่ชายคนที่สามทำธุรกิจนำเข้าและส่งออกเฟอร์นิเจอร์
การเมือง ธุรกิจ งานสังคม งานการกุศลเป็นเรื่องที่มีส่วนเกี่ยวเนื่องกันเสมอ
การเข้าสังคมไปพบปะผู้คนอย่างเป็นงานเป็นการเป็นครั้งคราว
ถือเป็นเรื่องภาคบังคับที่บางครั้งผมเองก็หลีกเลี่ยงได้ยาก และจำเป็นในบางที


ทิมไม่พูดมาก แต่ผมรู้ว่าเขาคาดหวังให้ผมไปงานนี้สักครั้ง
ส่วนเฮคเตอร์คะยั้นคะยอให้ผมต้องรับปากตัดรำคาญออกไปจนได้
ผมบอกตัวเองว่า ไปทักทายคนในงานตามหน้าที่และแยกตัวไปตามลำพัง
ปล่อยให้ทิมกับเฮคเตอร์เจรจาธุรกิจของตัวเองไปตามเรื่องตามราว
แล้วค่อยกลับบ้านไปพร้อมกับพวกเขา เมื่อเลิกงาน โดยไม่ต้องยุ่งกับใคร



ผมคิดว่า มันจะเป็นเหมือนงานเลี้ยงอื่นที่ผมเคยไป แต่ผมคิดผิด



ผมรู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครในงาน
คนที่เข้ามาทักทายและพูดคุยกับผมตามที่พี่ชายแนะนำล้วนเป็นอัลฟ่า
จนผมอดคิดไม่ได้ว่า พี่มาผมมาให้อัลฟ่าคนอื่น ๆ ‘ดูตัว’ หรือเปล่า


อัลฟ่ากับโอเมก้าเป็น ‘เพศ’ ที่จับคู่กันได้เหมาะสมที่สุด
เพราะธรรมชาติได้กำหนดให้ต่างคนต่างมีคู่แท้เป็นฝ่ายตรงข้าม
ซึ่งเมื่อได้พบแล้ว อัลฟ่าและโอเมก้าคู่นั้นจะรู้ได้ทันทีว่า ได้พบคนที่ใช่
ในที่นี้ ผมไม่เพียงแต่ไม่พบคนที่ใช่ ยังอึดอัดกับการอยู่ท่ามกลางฝูงอัลฟ่าด้วย


ในบรรดาโอเมก้า โอเมก้าที่เป็นผู้ชาย ‘หายาก’ กว่าผู้หญิงหลายเท่า
โดยเฉพาะคนที่เกิดมาในครอบครัวที่ผูกสัมพันธ์กันเฉพาะอัลฟ่าและโอเมก้า
สายตาของอัลฟ่า โดยเฉพาะอัลฟ่าที่เป็นผู้ชายเหมือนกันกับผมในงาน
ขุดค้นและรื้อฟื้นความรู้สึกแปลกแยกและแตกต่างที่หายไปให้กลับมา
บางคนไม่ได้มองผมในฐานะผู้ชายด้วยกัน แต่มองผมเป็นโอเมก้า
เพศที่ด้อยกว่า อ่อนแอกว่า ฉลาดน้อยกว่า และมีหน้าที่ตั้งท้อง เลี้ยงลูก


กลิ่นประจำตัวของอัลฟ่า และกลิ่นของฮอร์โมนจากร่างกายของพวกเขา
ทำให้ผมกระสับกระส่าย อึดอัด และรู้ว่าตัวเองกำลังถูกสิ่งนี้เร้ามากเกินไป
ถึงจะยังไม่ถึงช่วงฮีต แต่การถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นของอีกฝ่าย ก็เร่งให้มันเกิดขึ้นได้
ผมอยากกลับบ้านใจจะขาด แต่พี่ชายของผมไม่อยู่ใกล้ ๆ ในเวลาที่ผมต้องการ



เสียงที่บอกให้ผมแยกตัวไปที่ห้องสมุด เหมือนดูออกว่า ผมกำลังมีปัญหา
เป็นเหมือนเสียงที่ดึงผมออกจากนรกที่ยืนอยู่ แต่ผมไม่ทันเฉลียวใจเลยว่า
ผู้หวังดีที่พาผมออกไปนั้นจะคนที่ฉุดผมให้ตกนรกอย่างแท้จริงในเวลาต่อมา


ดวงตาสีฟ้าที่คมเหมือนเหยี่ยวและความเป็นไฮอัลฟ่าของคนคนนั้น
ทำให้ผมอดหวาดระแวงไม่ได้ และในที่สุด ความหวาดหวั่นของผมก็เป็นจริง
ผมคิดอะไรไม่ออก นอกจากต้องหนี และต่อสู้ดิ้นรนให้พ้นจากเขาให้ได้


สภาพร่างกายที่กำลังเปลี่ยนแปลง กับการจู่โจมที่ผมคาดไม่ถึงจากกรงเล็บ
ที่สร้างบาดแผลลึกที่อก ทำให้ผมเสียเลือดมากจนหมดแรงตอบโต้หรือขัดขืน


ผมไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ เพราะนั่นจะเรียกอัลฟ่าคนอื่นเข้ามาสมทบ
ผมไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการจากตัวของผม
ผมไม่ได้อยากมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง หรือหน้าของคนที่กระทำกับตัวเอง
ผมไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น แต่ผมยอมให้เขาทำเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของไม่ได้
ผมมองทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น แต่ไม่รู้ว่าทำไมทุกอย่างถึงพร่าเลือนไปหมดจนแทบไม่เห็น


เป็นครั้งแรก ที่ผมเกลียดความเป็นโอเมก้าของตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แม้จะรู้อยู่แก่ใจความ ผมไม่ผิดที่ผมเป็นโอเมก้า แต่อัลฟ่าคนนั้นต่างหากที่ผิด
แต่การโทษตัวเองอาจเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด เมื่ออัลฟ่าไม่มีวันผิดมากกว่าโอเมก้า


ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยาวนานสักเท่าใดก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง
ผมจำอะไรไม่ได้ สติสุดท้ายที่หลงเหลือสูญหายไปโดยที่ผมเองก็ไม่รู้ตัว
เสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดทิมและกลิ่นประจำตัวของเขาคือสิ่งสุดท้ายที่ผมรับรู้
ก่อนที่จะฟื้นคืนสติในเตียงของโรงพยาบาล บาดแผลที่อกของผมยังอยู่
ฝันร้ายที่เกิดขึ้นตามหลอกหลอนผมทั้งยามหลับและยามตื่นเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น


หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทิมกับเฮคเตอร์แทบจะเข้าหน้ากันไม่ติด
ทิมมองผมด้วยสายตารู้สึกผิด และผมกับเฮคเตอร์ไม่คุยกันอีกเลยสักคำ


พ่อกับแม่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมแม้แต่คำเดียว
นั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากจะขอบคุณพวกท่านอย่างที่สุด
และกีเดี้ยนก็ยังเป็นพี่ชายคนเดิมที่ยังปฏิบัติกับผมเหมือนเดิม
แม้ว่าระยะหลังเป็นต้นมา เขาดูจะหวงและห่วงผมมากกว่าเดิมก็ตาม







ผมใช้เวลาไปพอสมควรกว่าที่ชีวิตของผมจะกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง
ถ้าหากผมไม่ยอมก้าวต่อไปข้างหน้า ผมก็จะไม่มีวันชนะมันได้อีกเลย

หลังจาก PTSD หรือ อาการเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงผ่านพ้นไป
อาการฝันร้ายยังมีอยู่บ้าง อาการหวาดระแวงอัลฟ่าเบาบางจนเกือบเป็นปกติ
ผมเริ่มใช้ยากดฮอร์โมนของตัวเองไม่ให้เกิดช่วงฮีท หาทางกลบกลิ่นของตัวเอง
ผมรู้ว่า สิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อสุขภาพของผมในระยะยาว หากใช้นานเกินไป
แต่ผมจำเป็นต้องเลือกระหว่างความมั่นทางทางจิตใจกับทางร่างกายของตัวเอง


อาจารย์ที่ปรึกษาของผมอย่าง ดร. เวสต์กรุณากับผมอย่างยิ่ง
ในการให้ความช่วยเหลือทุกอย่างให้ผมกลับมาเรียนได้อย่างปกติที่สุด
อัลเฟรด คอร์ตนีย์ เพื่อนสมัยเด็กและเป็นแฟลตเมทของผมมาตลอด
อดทนกับผมโดยไม่มีขีดจำกัด เขารื่นเริงได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เขากับกีเดี้ยนดึงผมให้ออกไปเจอโลกภายนอกและมีความสุขกันมันอีกครั้ง
พวกเขาทำให้ผมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จนผมไม่รู้จะขอบคุณเขาอย่างไร


ผมเรียนจบแพทย์ภายในระยะเวลาที่กำหนด และได้เกียรตินิยม
การเรียนจบไม่ใช่แค่ความสำเร็จที่จะต่อยอดไปในการงานที่ทำเพียงอย่างเดียว
แต่มันหมายถึงชัยชนะที่ผมมีต่อประสบการณ์เลวร้ายที่ผมเคยเผชิญในอดีตด้วย
หลังจากที่ผมทำงานในโรงพยาบาลได้ระยะหนึ่ง ก็เรียนต่อเฉพาะทางด้านนิติเวช
ซึ่งเป็นสาขาที่มีคนน้อยที่สุดในสหราชอาณาจักร จนเรียกได้ว่าเป็นสาขาขาดแคลน

การเป็นแพทย์นิติเวชซึ่งได้พบเจอกับคนในจำนวนจำกัดเป็นงานที่ลงตัวกับผมที่สุด
ผมรู้สึกว่า เสียงของผมมีความหมาย ทั้งกับคนตายที่เขาให้ปากคำด้วยตัวเองไม่ได้
และบรรดาอัลฟ่าที่จำเป็นต้องยอมรับและต้องฟังรายงานการชันสูตรของผม




ผมไม่มีปัญหาในการทำงานกับเพื่อนที่เป็นอัลฟ่าซึ่งคุ้นเคยกันอยู่แต่ก่อนได้
ผมสามารถเลิกใช้ยากดฮอร์โมน แล้วเข้าสู่วงจรช่วงฮีทตามธรรมชาติ
ถึงช่วงเวลาดังกล่าวจะผิดเพี้ยนไปบ้างด้วยผลจากการใช้ยามานานก็ตาม
เหลือเพียงแค่พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพบเจออัลฟ่าแปลกหน้าโดยไม่จำเป็น
ผมรู้ว่าตัวเองเฉยชากับคนอื่นมากขึ้น และไม่เป็นมิตรกับคนที่เพิ่งรู้จักมากนัก
เรื่องดังกล่าว เป็นปัญหาและไม่เป็นปัญหากับผมในเวลาเดียวกัน
เพราะในบางครั้ง มันทำให้ผมรู้สึกเก้อเขินเวลาที่อยากจะเป็นมิตรกับคนอื่นบ้าง
สิ่งที่ผมคิดเกี่ยวกับตัวเองในเวลานั้น คือ ผมคงเป็นโสดและอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต



ความคิดนั้นอยู่กับผมมาตลอดจนกระทั่งผมได้พบเขา
คนที่ทำให้ผมรู้ว่า ‘คู่แท้’ มีอยู่จริงบนโลกใบนี้





กลิ่นอายของกลิ่นประจำตัวของเขาที่ผมได้สัมผัสในครั้งแรก
แม้ว่าเราจะไม่เคยพบหน้า บอกผมว่า เขาเป็นคนอบอุ่นเหมือนแสงแดด


แม้ว่าเราจะคลาดกัน เพราะเขามีคนที่เขารัก ซึ่งผมไม่อาจแย่งเขาจากเธอได้
แต่ผมก็ดีใจที่ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาคนนั้นถูกต้อง และไม่ผิดพลาด
เพราะภรรยาของเขา เป็นผู้หญิงที่ฉลาด อ่อนหวาน และมีความสุขที่สุด
รอยยิ้มของเธอ น้ำเสียงของเธอในเวลาที่เอ่ยถึงเขาสะท้อนให้รู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร


ถึงเราจะคลาดกัน ผมบอกตัวเองในเวลานั้นว่า ไม่เป็นไร เท่านี้ก็ดีมากแล้ว
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะผมได้พบเขาในวันที่ผมไม่พร้อมจะพบใครมากที่สุด
เขาเอ่ยกับผมผ่านระบบสื่อสารด้วยความเชื่อถือทั้งที่เราไม่รู้จัก และร้องขอ ไม่ใช่สั่ง
เขาทำให้ผมอยากช่วยเขา อยากพบเจอเขา และทำในสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อนเมื่อพบเขา


ผมเคยสงสัยว่า หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและฝากรอยแผลไว้กับผมนั้นผ่านไป
ผมจะยังกลับมามีความสัมพันธ์กับใครสักคน โดยไม่หวาดกลัวได้อีกหรือไม่
และเขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้ว่า ผมยังมีความรู้สึก มีความอ่อนไหวไม่ต่างจากคนอื่น


ความอ่อนโยน ความใส่ใจของเขา และการที่เขายอมหยุด ไม่ทำในสิ่งที่ผมไม่ต้องการ
เป็นเหมือนกุญแจที่ไขโซ่ที่ล่ามกรงที่กักขังผมเอาไว้นานนับปีให้ผมได้เป็นอิสระอีกครั้ง
ความเคารพในกันและกัน มิตรภาพที่เขามอบให้ และความเชื่อถือที่เขามีให้ผม
เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกถึงคุณค่าของตัวอย่าง และเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำนั้นถูกต้องแล้ว


เขาเป็นคนที่ทำให้ผมกลับมายิ้มได้อย่างที่เคยยิ้มก่อนที่จะรู้ว่าตัวเองเป็นโอเมก้า
เขาทำให้ผมปล่อยวางจากความกังวลในหลายเรื่อง และบอกผมว่า ไม่เป็นไร
เขาทำให้ผมค้นพบชิ้นส่วนความทรงจำและความรู้สึกดีงามในอดีตที่ผมเคยทำหายอีกครั้ง
และที่สำคัญที่สุด เขาทำให้ผมเชื่อว่า อดีตที่เคยทำร้ายผมจะกลับมาทำอันตรายผมไม่ได้อีก



แม้ว่าในบางครั้ง ฝันร้ายของผมจะยังคงตามมาหลอกหลอน
แต่การได้ตื่นขึ้นมาโดยมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง พร้อมคำปลอบใจ
ผมเชื่อเหลือเกินว่า ในวันหนึ่ง ฝันร้ายที่เคยเกิดขึ้นจะทำร้ายผมไม่ได้อีกแล้ว





===================== END ========================

Reply · Report Post