Heather Honey: ตอนจบ (หมอกับสารวัตร ออริฯ วิคตอเรียนค่ะ)


ตอนต้น : http://www.twitlonger.com/show/n_1sor6c9
ตอนกลาง : http://www.twitlonger.com/show/n_1sora3c



--------------------------------------------



คำตอบที่มาพร้อมกับคำขอร้องแหบโหยจากชายเจ้าของบ้านที่เพิ่งประณามภรรยาสาวที่นอนฟุบอยู่กับพื้นชวนให้ขนลุก ข้าพเจ้าไม่แน่ใจนักว่า ควรเชื่อถือคำพูดของเขาหรือไม่ แต่เมื่อหันไปสบตากับ ดร. ฟอล์กเนอร์ สหายเก่าแก่ของข้าพเจ้า เราก็ตัดสินใจเข้าไปภายในตัวบ้าน


แรกก้าวถึงหน้าประตู สิ่งแรกที่สัมผัสได้ คือ กลิ่นของน้ำผึ้งที่ตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง เจือกับกลิ่นหวานเอียนเหมือนผลไม้สุกจัดจนงอมที่ข้าพเจ้ายังหาต้นทางไม่เจอ ระคนกลิ่นเลือด กลิ่นฉุนเฉียวของแอมโมเนียและกลิ่นเหม็นบางอย่างที่ทำให้นึกถึงกลิ่นกายของขอทานที่นอนป่วยเป็นแผลพุพองอยู่ริมถนนของชุมชนแออัดเบธนัลกรีนในอีสต์เอนด์ แม้จะคุ้นเคยกับกลิ่นที่ร้ายกาจยิ่งกว่า แต่กลิ่นที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้ในเวลานี้ก็ยังคงก่อกวนฆานประสาทและชวนให้ปวดมวนในท้องอยู่นั่นเอง


ในบ้าน ตรงหน้าประตู มีร่างเล็กบอบบางของหญิงสาวที่นอนคว่ำหน้าแน่นิ่งอยู่กับพื้น ศีรษะของเธอหันไปทางประตู เสื้อสีขาวแขนยาวและเปื้อนคราบฝุ่นเป็นรอยจาง ๆ ในแนวขวางของเธอเปียกชุ่มไปด้วยเลือดที่ไหลซึมออกมาเป็นวงกว้าง บริเวณที่ตรงกับหัวใจ และเมื่อ ดร. ฟอล์กเนอร์ย่อตัวลง จับตัวที่อ่อนปวกเปียกของเธอให้พลิกหงาย ในขณะที่ข้าพเจ้าตรงไปเก็บปืนที่ชายในบ้านปล่อยทิ้งลงกับพื้นมาถือไว้ เราต่างพบว่า ดวงตาสีฟ้าของเธอปิดสนิท ใบหน้าที่มีเค้าของความงามแม้จะทรุดโทรมลงไปมากไม่แสดงอาการตกใจหรือเจ็บปวด ซึ่งทำให้คาดเดาได้ในทันทีว่า กระสุนนัดนั้นได้ลั่นตรงเข้าสู่หัวใจและทำให้เธอสิ้นลมแทบจะทันที แล้วทะลุผ่านไปฝากรอยไว้บนวงกบประตูค่อนไปทางด้านบน


ตลอดเวลานั้น ชายเจ้าของบ้านผู้กล่าวอ้างว่าตนเป็นคนยิงภรรยาของตัวเองนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม และมองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างสงบจนเกือบจะเฉยชา


“หล่อนตายแล้ว ไม่ต้องพยายามช่วยหรอก... อย่างที่บอก ช่วยเอาหล่อนไปฝังให้หน่อยก็พอ”


สามีของลิซ่า พิคเก็ตต์เอ่ยขึ้นโดยที่ไม่ได้มองข้าพเจ้า หรือ ดร. ฟอล์กเนอร์ และเป็นตอนนั้นเอง ที่ข้าพเจ้าได้พบว่า ที่มาของกลิ่นของผลไม้หวานเอียนอย่างประหลาดมาจากลมหายใจของเขา
ประเมินด้วยสายตา มิสเตอร์จอร์จ พิคเก็ตต์น่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับข้าพเจ้า แต่ผิวหนังที่เหี่ยวย่นไปทั้งตัวเหมือนคนที่เคยอ้วนแต่กลับผ่ายผอมลงอย่างกะทันหัน และผมที่หงอกขาวไปทั้งศีรษะของเขา ทำให้ดูแก่ชราเกินอายุ สำเนียงพูดของเขาบ่งบอกว่า เขาน่าจะมาจากทางมิดแลนด์ และแม้จะมีอาการป่วยไข้อย่างเห็นได้ชัด ทว่าอาการเหล่านั้นไม่อาจกลบกลืนบุคลิกดั้งเดิมของคนที่ได้รับการศึกษามาอย่างดีในตัวเขาได้เลย


“บอกผมหน่อยว่า ทำไมต้องฆ่าหล่อน” โทเบียส ฟอล์กเนอร์เอ่ยถาม ใช้ไม้เท้ายันตัวเองให้ลุกขึ้นจากท่านั่งคุกเข่ากับพื้น ในขณะที่ข้าพเจ้านำเอาปืนแก๊ปไปเก็บไว้ตำแหน่งเดิมเหนือเตาผิงตามร่องรอยเดิมของมันบนผนัง และต้องระวังเป็นพิเศษ เมื่อพบว่าตัวปืนหนักแต่ไกปืนอ่อนอยู่พอสมควร คราบฝุ่นที่เช็ดออกไม่สะอาดดีเป็นจุดสังเกตว่า ปืนกระบอกนี้ ไม่ได้ถูกแตะต้องมาเนิ่นนานจนกระทั่งวันหรือสองวันนี้


“เพราะหล่อนคิดจะฆ่าฉัน... ด้วยน้ำผึ้งนั่น...”


จอร์จ พิคเก็ตต์เอ่ยเสียงแผ่ว แต่เพียงเท่านั้น ก็ทำให้เขาต้องหยุดพักชั่วครู่ ก่อนขยายความให้เราสองคนฟัง พร้อมชี้นิ้วสั่นเทาของเขาไปทางตู้กรุกระจกสำหรับใส่ยา และโต๊ะทรงกลมที่ยังคงมีอุปกรณ์ทำแผลวางอยู่ ซึ่งในมุมนั้นเอง มีคำตอบว่า เหตุใดกลิ่นของน้ำผึ้งจึงฟุ้งตลบไปทั่วบ้าน และเหตุใดลิซ่า พิคเก็ตต์จึงออกมาซื้อน้ำผึ้งจากร้านชำในเมืองกลับไปเป็นจำนวนมาก


ทั้งในตู้และบนโต๊ะ มีขวดและโหลใส่น้ำผึ้งวางเรียบกันอยู่เป็นจำนวนมาก สีทองของน้ำผึ้งในภาชนะแก้วใสไล่ระดับไปจากอ่อนถึงเข้ม บางขวดเก่าเก็บจนกลายเป็นผลึกสีขาว ในภาชนะแต่ละอย่างติดฉลากบอกให้รู้ว่าเป็นน้ำผึ้งชนิดไหน หรือเก็บจากดอกไม้ชนิดใด สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของข้าพเจ้า ณ เวลานี้ เรียกว่า เป็นคลังน้ำผึ้งขนาดย่อมก็คงได้


ข้าพเจ้าหันไปหา ดร. ฟอล์กเนอร์เพื่อถามความเห็นจากเขา และเขาก็สบตาข้าพเจ้าตอบกลับมา แต่ทว่าสิ่งที่เขาทำในเวลานั้น คือ รินน้ำใส่ถ้วยกระเบื้อง ส่งให้กับชายเจ้าของบ้าน และช่วยประคองมือข้างนั้นเอาไว้ ขณะที่อีกฝ่ายดื่มน้ำด้วยความกระหาย ถอนใจเฮือกใหญ่ เมื่อถ้วยถูกถอนออกจากริมฝีปากแห้งผาก
สายตาที่เขามองยังโทเบียส ฟอล์กเนอร์ แม้จะเต็มไปด้วยความขอบคุณ แต่ก็เปี่ยมด้วยความประหลาดใจและสนเท่ห์ไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่านั่นเป็นปฏิกิริยาที่ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด แต่ในอีกเพียงเสี้ยวนาทีต่อมา บุคคลที่เพิ่งแสดงความเอื้ออารีด้วยการให้น้ำดื่มแก่เขาก็ทำให้สิ่งที่เขา รวมถึงข้าพเจ้าด้วย ไม่คาดคิดมาก่อน


โทเบียส ฟอล์กเนอร์ดึงเอาผ้าห่มผืนหนาที่คลุมขาทั้งสองข้างของเขาไว้ออก เผยให้เห็นท่อนขาผอมบางที่ห่อหุ้มด้วยผิวหนังแห้งแตกของจอร์จ พิคเก็ตต์ที่โผล่พ้นชุดนอนของเขาออกมา บาดแผลบริเวณเท้าทั้งสองข้างของเขาก็ทำให้ข้าพเจ้าถึงกับผงะ นิ้วเท้าข้างหนึ่งของเขาหงิกงอ นิ้วอีกข้างหนึ่งเริ่มกลายเป็นสีดำคล้ำ แต่นั่นก็ยังไม่น่าหวาดหวั่นเท่ากับแผลที่เป็นหลุมลึกตรงกลางฝ่าเท้าข้างขวา ที่บริเวณขอบแผลกลายเป็นสีขาวซีด มีน้ำหนองไหลซึมออกมา ทว่าเขาไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดกับแผลขนาดใหญ่นั้นเลยแม้แต่น้อย
คำตอบสำหรับกลิ่นทุกอย่างที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้ภายในบ้านหลังนี้ ได้รับการเฉลยทั้งหมดแล้ว


“น้ำผึ้งถูกใช้เป็นยาสำหรับรักษาบาดแผลมานานมากแล้ว พีดานิอุส ไดออสโคริดีส แพทย์และนักเภสัชวิทยา ชาวกรีกและเป็นผู้เขียน ‘De Metria Medica’ ซึ่งเป็นต้นแบบของหนังสือเภสัชตำรับยุคนี้ เคยพูดถึงสรรพคุณของน้ำผึ้งว่า ดีสำหรับการรักษาแผลเปื่อยและแผลที่มีลักษณะเป็นหลุมลึก... กรณีของคุณ น้ำผึ้งที่เรียงรายอยู่คงมีไว้เพื่อการนี้”


ไม่ได้อธิบายเปล่า ด.ร. ฟอล์กเนอร์ถอดเสื้อแจ็คเก็ตของตนเองออก และพับแขนเสื้อเชิ้ตทั้งสองข้างขึ้นเหนือข้อศอก ยื่นมือออกมารับน้ำที่ข้าพเจ้าเทจากเหยือกลงในถาดที่เตรียมเอาไว้ ซับน้ำออกด้วยผ้าเช็ดมือที่วางอยู่บนโต๊ะ หย่อนตัวลงนั่งบนม้านั่งกลมที่ตั้งอยู่บริเวณดังกล่าวอยู่แล้ว คลี่ผ้าสะอาดอีกผืนหนึ่งซึ่งวางเตรียมอยู่บนโต๊ะด้วยเช่นกัน วางคลุมบนตัก แล้วก้มลงจับขาข้างขวาของชายวัยกวางคนตรงหน้าขึ้นมาวางระหว่างเข่าของตนเอง


“ผมเป็นหมอ ส่วนสุภาพบุรุษท่านนี้เป็นตำรวจ และเป็นมิตรคนสำคัญของผม คำตอบนี้คงพอคลายความสงสัยให้คุณได้บ้าง”


“ฉันคิดเอาไว้แล้วทีเดียว เพราะคุณสองคนกล้าเข้ามาในบ้านทั้งที่เพิ่งมีการยิงกัน และมีคนนอนตายกลางบ้านอยู่ทนโท่อย่างไม่สะทกสะท้านเอาเสียเลย” ริมฝีปากของเขาขยับเป็นรอยยิ้ม แต่ดูบิดเบี้ยวและขมขื่นมากกว่าจะอยู่ในอารมณ์เยือกเย็นหรือเหยียดหยัน “แต่ฉันคงไม่ทำให้คุณต้องเดือดร้อนนักหรอก เพราะฉันจะขอสารภาพความผิดที่ก่อขึ้นทุกอย่าง และเรื่องที่เกิดขึ้นมันตรงไปตรงมาอย่างที่สุด ภรรยาของฉันลักลอบคบหากับเจ้าหนุ่มร้านชำ และคิดจะวางยาฆ่าฉัน เมื่อฉันรู้เข้าก็เลยเอาปืนมายิงหล่อนทิ้งเสีย บังเอิญชู้รักของหล่อนมาเห็นเข้าพอดี ก็เลยหนีเปิดเปิงออกไปจากบ้านอย่างที่เห็น”


สีหน้าของโทเบียส ฟอล์กเนอร์ยามมองตอบกลับไปยังอีกฝ่ายหนึ่งเรียบเฉย เขาเหลือบตามองข้าพเจ้าเล็กน้อย และเริ่มลงมือชำระแผลของจอร์จ พิคเก็ตต์โดยมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมา


“ทำไมคุณถึงกล่าวหาว่า หล่อนวางยาคุณเล่า” ข้าพเจ้าถาม สังเกตท่าทีของเขา ไปพร้อมกับกวาดตาสำรวจชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยตำรายา คู่มือการเลี้ยงผึ้ง และสมุนไพรสารพัดชนิด แล้วถือวิสาสะหยิบภาพถ่ายของเขากับภรรยาที่วางอยู่บริเวณนั้นลงมาดู


ลิซ่า พิคเก็ตต์ซึ่งเป็นคนร่างเล็กอยู่แล้วผอมลง แต่ดูไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่จอร์จ พิคเก็ตต์ที่เคยเป็นชายร่างท้วมหนาเปลี่ยนแปลงไปแทบจะกลายเป็นคนละคน


ชายวัยกลางคนทำเสียงหึในลำคอ เมื่อเห็นข้าพเจ้ายืนมองภาพของเขาอยู่


“คุณคงเห็นผมในอดีตแล้วใช่ไหม นั่นคือก่อนที่เราจะย้ายกันมาอยู่ที่นี่ และภายในระยะเวลาเพียงสามเดือน ผมก็ป่วยหนัก ทั้งเวียนหัว ทั้งอาเจียน และที่ร้ายกว่านั้น น้ำหนักของผมลดหายไปหลายปอนด์... ผมเคยคิดว่าตัวเองป่วยเพราะอาหารเป็นพิษ แต่เราก็กินอาหารเหมือนกันทุกมื้อ เธอกินอาหารจากหม้อและกระทะเดียวกันกับผม ผมคิดว่า ร่างกายของผมอ่อนแอลง เพราะพิษจากบาดแผลที่เท้า และอาการป่วยที่ทำให้ขาสองข้าง และปลายนิ้วของผมชาจนแทบจะไม่รู้สึกอะไร แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผมก็ได้คำตอบ”


เขาหยุดพูดเพื่อหายใจอยู่พักใหญ่ และโบกมือปฏิเสธว่า ไม่ต้องการน้ำดื่ม แต่หันไปทางโต๊ะวางอุปกรณ์ทำแผล “คุณเป็นตำรวจใช่ไหม ลองเอาน้ำผึ้งนั่นมาดูซี ว่ามันมีความผิดปกติอย่างไร”


ข้าพเจ้าวางภาพถ่ายของเขาคืนที่ เดินมายังโต๊ะอุปกรณ์ทำแผล และทำตามที่เขาบอก


น้ำผึ้งในกระปุกแก้วบนโต๊ะนั้นไม่เหมือนกับน้ำผึ้งใด ๆ ที่อยู่ในตู้หรือบนชั้น เพราะมันไม่ใช่ของเหลว ไม่ได้ตกผลึกเป็นเกล็ดสีขาว แต่สภาพของมันเป็นเหมือนวุ้นสีทองหนืดข้นที่หย่อนตัวลงมาเป็นก้อน เมื่อข้าพเจ้าเอียงขวด


“ผมเพิ่งสังเกตเห็นเมื่อไม่กี่วันมานี้นี่เอง... ว่าน้ำผึ้งกระปุกนี้มีความผิดปกติ แสดงว่า หล่อนใส่สารบางอย่างที่ทำให้มันเปลี่ยนสภาพ และใช้มันทำแผลให้ผมทุกวัน เช้าเย็น และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมีสุขภาพทรุดโทรมลงทุกวัน”


คำกล่าวของเขาทำให้เราต่างเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่พยาธิแพทย์จะเอ่ยทำลายความเงียบนั้นขึ้น


“น้ำผึ้งในกระปุกนั้นเป็นน้ำผึ้งจากดอกเฮเธอร์บริสุทธิ์... เป็นน้ำผึ้งที่มีลักษณะพิเศษและราคาแพง เพราะมันจะไม่มีวันตกผลึกเป็นน้ำตาลสีขาวเหมือนน้ำผึ้งทั่วไป แต่เมื่อตั้งทิ้งเอาไว้เฉย ๆ มันจะจับตัวกันเป็นวุ้น และจะคืนตัวเป็นของเหลวข้นต่อเมื่อเอาช้อนลงไปคน และนั่นเป็นธรรมชาติของน้ำผึ้งดอกเฮเธอร์ ซึ่งมีธรรมชาติต่างจากน้ำผึ้งจากดอกไม้อายุสั้นชนิดอื่นทั่วไปที่ตกผลึกได้ค่อนข้างเร็ว”


คำอธิบายของเขาทำให้ริมฝีปากของเจ้าของบ้านเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนคลี่ออกเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง เมื่อแพทย์ที่จัดการบาดแผลของเขา ใช้ช้อนเงินแท้ที่ขัดจนขาววับที่ถูกเตรียมเอาไว้แต่ต้นปาดน้ำผึ้งในขวดเจ้าปัญหานั้นลงบนผ้าฝ้ายสำหรับปิดแผลในปริมาณที่เหมาะสม วางทับลงเหนือบาดแผลขนาดใหญ่บนฝ่าเท้าของเขา แล้วพันด้วยผ้าจนเรียบร้อย


“ถึงเธอจะเป็นผู้บริสุทธิ์ และฉันเป็นไอ้งั่งที่ฆ่าเมียตัวเอง เพราะความเข้าใจผิด แต่ก็เปลี่ยนความจริงในเรื่องที่ฉันเป็นคนฆ่าเธอไปไม่ได้หรอก จริงไหม”


“เปล่าเลย ถ้าคิดว่าจะหลอกเราสองคนได้ ผมเกรงว่าคุณอาจคิดผิด” โทเบียส ฟอล์กเนอร์เอ่ยโดยไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของจอร์จ พิคเก็ตต์ “บอกความจริงกับเราว่า ก่อนหน้าที่มิสซิสพิคเก็ตต์จะถูกยิง มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือจะให้ผู้กำกับเฟย์กับผมเป็นคนชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นมันเป็นอย่างไรกันแน่”


“พวกคุณหมายความว่าอย่างไร” ดวงตาของชายวัยกลางคนเบิกกว้าง


“พวกเราหมายความว่า เราไม่เชื่อว่า คุณลงมือฆ่าเธอ เพราะความหึงหวง หรือเพราะสงสัยว่า เธอจะทำร้ายคุณ”


ข้าพเจ้าตอบเขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น วางมือลงบนไหล่ของ ดร. ฟอล์กเนอร์ ไม่ใช่เพียงเพื่อสนับสนุนความคิดของเขา แต่มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นด้วยอีกทางหนึ่ง และค่อยวางใจว่า สิ่งที่ตนเองพูดถูกต้องตรงกับสิ่งที่เขาคิด เมื่อรู้สึกถึงใบหน้าของเขาที่เอนแนบกับแขนของข้าพเจ้าเป็นการตอบสนอง เพราะมือของเขาไม่ว่างและไม่สะอาดพอที่จะสัมผัสมือของข้าพเจ้าแทนคำรับรองที่ไม่จำเป็นต้องพูด
“คุณพิคเก็ตต์ ถึงจะเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า หล่อนจากไปแล้วไม่ได้ แต่หล่อนคงไม่ต้องการให้ความพยายามในการรักษาชีวิตของคุณเอาไว้สูญเปล่า ด้วยการที่คุณยอมรับสารภาพในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำเพื่อให้ตัวเองถูกดำเนินคดี แล้วตายตกตามเธอไป หากคุณยังรักและปรารถนาดีกับเธอ ก็ลองทบทวนคำพูดของตนเองให้ดีอีกครั้งเถิด”


เพียงชั่วอึดใจ น้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลอาบแก้มของเจ้าของฟาร์มอันโดดเดี่ยวของสตูปเบ็ค ตามด้วยเสียงสะอื้นฮักอย่างหมดความอับอาย









=ส่งท้าย=


อย่างที่ข้าพเจ้าเคยพูดเอาไว้ ทั้งตัวข้าพเจ้าและ ดร. โทเบียส ฟอล์กเนอร์ไม่เชื่อว่า ชายลึกลับเจ้าของฟาร์มสตูปเบ็คจะเป็นผู้ลงมือฆ่าภรรยาของตนอย่างโหดเหี้ยม เพราะความหึงหวงและไม่ไว้วางใจในความซื่อสัตย์ของหล่อน และข้อสันนิษฐานของเราก็เป็นจริงดังที่คาดหมายเอาไว้


ลิซ่า พิคเก็ตต์เป็นหญิงสาวผู้บริสุทธิ์และงดงามอย่างหาได้ยากเช่นเดียวกับดอกเฮเธอร์สีขาวที่ผลิบานอยู่ท่ามกลางดอกเฮเธอร์สีม่วงซึ่งมีอยู่อย่างดาษดื่นทั่วไป หล่อนเป็นภรรยาที่วิเศษสุด ไม่ต่างจากน้ำผึ้งดอกเฮเธอร์ ที่ทั้งอ่อนหวานและเป็นเครื่องค้ำชูจิตใจของสามีอย่างซื่อสัตย์มาตลอดจนวาระสุดท้าย แม้หล่อนจะตายเพราะปืนในมือของสามีที่หล่อนรักเสมอไม่ว่ายามสุขภาพสมบูรณ์หรือป่วยไข้ แต่ทั้งหมดก็เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุโดยแท้


หากจะต้องโทษใครสักคนสำหรับเรื่องนี้แล้ว คนที่สมควรถูกตำหนิและเป็นต้นเค้าของโศกนาฏกรรมทั้งหมด เห็นจะไม่พ้นชาร์ลี ท็อดด์ ชายหนุ่มลูกชายเจ้าของร้านชำที่หล่อนไปสั่งของและซื้อน้ำผึ้งหลากหลายชนิด และเกิดติดตาต้องใจหล่อนขึ้นมา ทั้งที่รู้ว่าหล่อนมีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว และในวันที่เกิดเหตุ เขาไปส่งของให้สามีภรรยาพิคเก็ตต์ที่บ้าน และรวบรวมความกล้าขอให้หล่อนหนีไปกับเขาเสีย ซึ่งแน่นอนว่า หล่อนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย มิหนำซ้ำ ยังคว้าเอาปืนเก่าแก่ที่แขวนเหนือเตาผิงลงมาขู่จะยิงเขา หากเขายังคงตามเกี้ยวพาหล่อนอย่างไม่เกรงใจสามีที่ยังอยู่ตรงนั้นด้วย และเป็นฝ่ายจอร์จ พิคเก็ตต์เสียอีกที่ช่วยประนีประนอม โดยขอปืนจากหล่อนมาเสีย และบอกให้หล่อนไปส่งเขาที่ประตู เป็นตอนนั้นเอง ที่เรื่องเลวร้ายและสะเทือนใจได้เกิดขึ้น


ปืนแก๊ปกระบอกนั้นเก่าเก็บเสียจนไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีกระสุนค้าง และดินปืนที่ถูกบรรจุไว้ภายในจะอยู่ในสภาพที่ทำงานได้ แม้แขนของจอร์จ พิคเก็ตต์จะพอมีแรงอยู่ แต่ปลายนิ้วที่ปวดชาอันเป็นผลจากอาการของโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่ทำให้เขาไม่สามารถรู้สึกหรือควบคุมมือของตนเองได้ ประกอบกับไกปืนที่อ่อนอยู่แล้ว นิ้วของเขาจึงไปถูกเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ปืนลั่นไปถูกลิซ่า พิคเก็ตต์ที่เดินไปส่งแขกที่ตนไม่อยากต้อนรับที่หน้าประตูบ้าน จนหล่อนล้มลงและเสียชีวิตอยู่ ณ ที่นั้น


เมื่อคู่ชีวิตที่ยินดีย้ายมาอยู่ดูแลในที่ห่างไกลจากผู้คนที่เคยรู้จัก เพราะไม่อยากให้คนที่เคยนับหน้าถือตาตนเองมาก่อนนึกรังเกียจจากไป จอร์จ พิคเก็ตต์ที่รู้ตัวว่าตนเองเหลือเวลาสำหรับมีชีวิตอยู่น้อยนิด และยังคงอยู่ได้ก็เพราะเห็นแก่ความพยายามของภรรยาที่เพียรแสวงหาวิธีการรักษาบาดแผลที่เกิดขึ้นบนเท้าและขาทั้งสองข้างของเขาด้วยน้ำผึ้งสารพัดชนิดแทนสารเคมีที่แพทย์เคยสั่งให้แต่ไม่ดีขึ้น ก็หมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ทว่าในขณะเดียวกัน สภาพร่างกายของเขาก็ไม่เอื้อให้เขาสามารถประทุษร้ายตนเองได้ เมื่อได้ยินเสียงของข้าพเจ้า ซึ่งมีสำเนียงอย่างคนท้องถิ่นตะโกนถามเข้าไปว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงคิดจะอาศัยข้าพเจ้าที่เขาเข้าใจว่าเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เป็นเครื่องมือในการไปบอกต่อให้คนอื่นรับรู้ว่า เขาเป็นคนฆ่าภรรยา และยอมรับโทษประหารชีวิตให้ตายตามกันไป


หากถามข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าเชื่อสิ่งที่เขาพูดตั้งแต่คำแรกที่เอ่ยบอกหรือไม่ คำตอบของข้าพเจ้า คือ ไม่ เพราะยามที่เขาเอ่ยเรียกหล่อนว่า ผู้หญิงเพศยา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจไม่ใช่ความขุ่นแค้น แต่สิ่งที่เขาโกรธเคืองอย่างที่สุด คือ ตัวเองที่อยู่ในสภาพที่ไม่อาจทำอะไรได้เลย แม้แต่จะฆ่าตัวตายตามภรรยาที่ตนเองรักที่สุดไป และข้าพเจ้าก็เข้าใจความรู้สึกสูญเสียคนที่ตนเองรักจนหมดหัวใจของเขาดี เพราะข้าพเจ้าเองก็เคยต้องมองดูแมรี่ค่อย ๆ หมดลมไปต่อหน้า โดยที่ตนเองทำอะไรไม่ได้ นอกจากจับมือของหล่อนเอาไว้จนลมหายใจสุดท้าย


ข้าพเจ้าไม่รู้ว่า จอร์จ พิคเก็ตต์รู้สึกอย่างไรที่เหตุการณ์พลิกผันออกมาเป็นเช่นนี้ และได้แต่มองตำรวจช่วยพาเขาขึ้นรถไปในฐานะของผู้สูญเสียไม่ใช่ฆาตกร เพื่อนำตัวเขาไปส่งยังโรงพยาบาลในสกาเบอระ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ และมีแพทย์พยาบาลที่มีความสามารถในการดูแลเขาได้ แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่า การที่เขายังคงมีชีวิตอยู่ คงเป็นเรื่องที่สมความตั้งใจของลิซ่า พิคเก็ตต์ ภรรยาผู้ล่วงลับของเขาแล้ว และเป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าที่พึงทำในสิ่งที่เคยรับปากกับสามีของหล่อนว่า จะช่วยฝังหล่อนเสียให้เรียบร้อย และสมศักดิ์ศรีอย่างที่สุด


ในขณะที่เหม่อมองรถเทียมม้านำสามีภรรยาพิคเก็ตต์กลับสู่โรบินฮู้ดส์เบย์ และทิ้งบ้านที่เคยหวังให้เป็นที่พักอาศัยสุดท้ายของฝ่ายชายไว้เบื้องหลังไปจนลับสายตา สัมผัสจากมือของใครอีกคนหนึ่งที่วางลงบนแผ่นหลัง และลูบเบา ๆ อย่างนุ่มนวลราวกับอ่านออกว่า ข้าพเจ้ารู้สึกเช่นไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ปลุกให้ข้าพเจ้าตื่นจากภวังค์


ข้าพเจ้าโอบบ่าของเขาตอบ ยิ้มให้แทนคำขอบคุณ และแทนคำยืนยันกับเขาว่า ไม่เป็นไร


“แน่ใจแล้วหรือว่า เราจะเดินกลับ” ข้าพเจ้าเอ่ยถาม “ขาที่เจ็บอยู่ค่อยยังชั่วขึ้นแล้วหรือ”


“ค่อย ๆ เดินไป ผมคิดว่าไม่เป็นไร” โทเบียส ฟอล์กเนอร์ยิ้ม ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ผมเพียงแต่ไม่อยากกลับเข้าเมืองไปพร้อมกับพวกเขา...”


“ผมก็เหมือนกัน” ข้าพเจ้าตอบ ก่อนก้าวเดินไปพร้อมกันกับเขา


ไม่ใช่เขาหรอกที่ไม่อยากกลับไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและคนจากที่ว่าการเมือง แต่เขารู้ว่า ข้าพเจ้าไม่ชอบสถานการณ์ที่ว่า และต้องการเวลาสำหรับตนเองอีกสักครู่หนึ่ง


“บางที ผมอาจจะเจอเฮเธอร์สีขาวระหว่างทางขากลับอีกก็ได้”


คำพูดของเขาทำให้ข้าพเจ้ายกมือขึ้นแตะที่รังดุมเสื้อแจ็คเก็ตของตนเองที่คนพูดเคยกลัดช่อเฮเธอร์สีขาวที่พบระหว่างทางให้ และข้าพเจ้าตัดสินใจที่จะมอบดอกไม้ช่อนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ข้าพเจ้ามีอยู่กับตัวให้หญิงสาวผู้ล่วงลับ ด้วยความรู้สึกว่า แม้จะสายเกินไปที่มันจะนำโชคมาให้ แต่ข้าพเจ้ายังหวังว่า ความตั้งใจที่จะปกป้องดูแลคนที่หล่อนรักจะสมปรารถนาหลังจากนี้


“ไม่เจออีกก็ไม่เป็นไรหรอก โทบี้” ข้าพเจ้าบอก “มีคุณอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาอย่างนี้ เป็นโชคดีของผมที่สุดแล้ว”



=============== ( THE END ) ====================


//ขอบคุณที่ติดตามอ่านจบค่ะ ^^

//ตอนแรกกะเขียนเป็น drabble สั้นๆ ใน Writing Challenge หัวข้อ accustion เฉยๆ แต่พล็อตมา รายละเอียดก็งอก จนได้ยาวหลายหน้าเกินแดรบเบิลไปซะงั้นเลย

//จากการวิจัยว่าสุด พบว่า Heather honey หรือน้ำผึ้งจากดอกเฮเธอร์มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียในบาดแผลเรื้อรัง โดยเฉพาะแผลจากเบาหวานได้ดีที่สุด แต่เพราะเป็นน้ำผึ้งที่ทนความร้อนสูงไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถเอามาฆ่าเชื้อหรือแปรรูปเป็นครีมหรือยาใส่แผลได้เหมือนน้ำผึ้งจากต้นมานูก้าของนิวซีแลนด์ ดังนั้น น้ำผึ้งมานูก้าจึงยังครองแชมป์น้ำผึ้งที่มีคุณสมบัติรักษาแผลได้ดีที่สุดต่อไปค่ะ

//เขียนเพราะคิดถึงออริฯ ดั้งเดิมสมัยวิคตอเรียนแท้ๆ เลยละ ><

Reply · Report Post