Heather Honey: ตอนกลาง (หมอกับสารวัตร ออริฯ วิคตอเรียนค่ะ จาก 2 งอกเป็น 3 จนได้)


ตอนต้น : http://www.twitlonger.com/show/n_1sor6c9


-----------------------------------------------------

เมื่อไปถึงหน้าประตูรั้วที่เปิดอ้าเอาไว้หน้าฟาร์ม ข้าพเจ้าก็เกือบจะชนเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยังคงร้องขอความช่วยเหลือด้วยความตกใจจนฟังแทบไม่เป็นภาษา แม้ว่าจะสะดุดขาตัวเองเสียหลักล้มลงแทบเท้าของข้าพเจ้า เขาก็ยังพยายามจะตะเกียกตะกายจะหนีออกไปให้ได้ โดยไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อยว่า มีข้าพเจ้าอยู่กับเขาที่นั่นด้วย


“ชาร์ลี ท็อดด์” ข้าพเจ้าเรียกชื่อของเขา คว้าต้นแขนของเขาเอาไว้ แล้วดึงให้ลุกยืนขึ้น แต่ต้องหันหน้าหนีทันที ที่พ่อหนุ่มลูกชายเจ้าของร้านชำรายนี้กรีดร้องใส่หูของข้าพเจ้าด้วยความตกใจสุดขีด และเริ่มต้นเหวี่ยงแขนขาใส่ข้าพเจ้าเพื่อเอาตัวรอด ก่อนจะหยุดลงได้ เมื่อข้าพเจ้าจับไหล่ของเขาสองข้างเอาไว้ให้มั่น แล้วเขย่าตัวเขาเรียกสติ


ยังโชคดีที่เขายอมหยุด และรับรู้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้มาร้าย ก่อนที่ข้าพเจ้าตัดสินใจจะตบหน้าของเขาสักหนหนึ่ง เพื่อให้หยุดดิ้นรนเสียที และทันทีที่รู้ตัวว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่นั่น เขาก็เปลี่ยนจากพยายามหนีเป็นยึดตัวข้าพเจ้าเอาไว้แน่น


“มิสเตอร์เฟย์.... ลิซ่า... ลิซ่า... ตาแก่นั่นฆ่าลิซ่าตายแล้ว”


ชาร์ลีระล่ำระลัก เสียงของเขาเจืออาการหอบปนสะอื้น ดวงตาที่เบิกกว้างมีน้ำตาปริ่มและพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย อาการดังกล่าวยากจะบอกได้ว่า เพราะความตกใจหรืออาลัยในคนที่เขาเอ่ยถึง แต่การเรียกชื่อตัวของมิสซิสพิคเก็ตต์ ในขณะที่เรียกข้าพเจ้าด้วยชื่อสกุลตามธรรมดา ทำให้ข้าพเจ้าฉุกใจคิดได้ทันทีว่า ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองอาจมีบางอย่างที่เป็นชนวนเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น


ข้าพเจ้ามองสำรวจร่างกายของเขาว่ามีบาดแผลอย่างไรหรือไม่ ก็โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง ว่าชาร์ลี ทอดด์ยังคงปลอดภัย มีเพียงรอยขีดข่วนที่มือ และอาจจะขาใต้กางเกงที่สวมอยู่จากการหกล้ม เขาไม่ได้ถูกทำร้าย เพียงแต่ตกใจจนขวัญหนี


“แล้วมิสเตอร์พิคเก็ตต์เล่า” ข้าพเจ้าถาม


ดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้นเบิกกว้าง กล้ามเนื้อทั้งตัวของเขาเกร็งขึ้นมาทันที เมื่อชื่อของดังกล่าวออกมาจากปากของข้าพเจ้า ริมฝีปากของเขาสั่น และพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เหมือนเป็นใบ้ไปชั่วขณะ เขาทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าด้วยความหวาดกลัว จากประสบการณ์ของข้าพเจ้า กิริยาของเขาก็บอกได้แทบทุกอย่าง และเตือนให้ข้าพเจ้าต้องระวังตัว แม้หลังจากเสียงปืนดังขึ้น จะไม่มีเสียงปืนดังตามมาอีกในระยะเวลาอันใกล้จนถึงบัดนี้ก็ตาม


“เธอปลอดภัยแล้ว ชาร์ลี” ข้าพเจ้าใช้มือจับใบหน้าของเขาให้หันมาหา และมองหน้าของข้าพเจ้า “ตั้งสติ แล้วฟังฉัน ถ้าเธอเข้าใจ ให้พยักหน้า”


ชายหนุ่มลูกชายร้านของชำพยักหน้าทันทีที่ข้าพเจ้ากล่าวจบ


ข้าพเจ้าปล่อยมือจากใบหน้าของเขา แต่ยังคงจับไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้ เพื่อให้เขารู้สึกวางใจว่า ข้าพเจ้ายังอยู่ด้วย


“ไปที่ที่ว่าการเมือง บอกว่า มีคนถูกยิงที่ฟาร์มของพวกพิคเก็ตต์ ตามตำรวจมาให้เร็วที่สุด จำที่ฉันพูดได้ใช่ไหม”


เขาพยักหน้า


“ทวนสิ่งที่ฉันพูด”


“ไปที่ว่าการเมือง... บอกว่ามีคนถูกยิงที่ฟาร์มของพวกพิคเก็ตต์... ให้ตำรวจมาเร็วที่สุด” ใบหน้าตกกระของชายหนุ่มเหยเกเหมือนอยากปล่อยโฮออกมาเต็มทน แต่เขาก็ยังกัดฟันพูดทวนสิ่งที่ข้าพเจ้าสั่งออกมาจนได้


“ดี” ข้าพเจ้าตบไหล่เขา และดันเขาไปที่หน้าประตูรั้ว “ไปเดี๋ยวนี้เลย”


ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ ชาร์ลี ท็อดด์ก็รีบวิ่งไปปลดม้าเทียมรถขนของที่ผูกไว้กับรั้ว และตะบึงกลับเข้าไปในเมืองทันที



หลังชายหนุ่มจากไป ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ตามลำพังที่หน้าฟาร์มของครอบครัวพิคเก็ตต์นานนัก เพราะระหว่างที่ข้าพเจ้ายังคงประเมินสถานการณ์ภายในบ้าน พร้อมกับคอยมองหา ดร. ฟอล์กเนอร์ที่จะตามมาภายหลัง ด้วยไม่สามารถวิ่งได้ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นในสภาพเหงื่อโทรมกาย เขามาถึงเร็วกว่าที่ข้าพเจ้าคาดหมายไว้ และขาซ้ายที่เดินกะเผลกอย่างเห็นได้ชัด ต่างจากระหว่างที่เราเดินกันมาตามทางเดิน บอกให้ข้าพเจ้ารู้ว่า เขาเร่งฝีเท้าจนแทบจะเป็นวิ่ง เพื่อตามมาสมทบกับข้าพเจ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่ร่างกายของเขาจะอำนวย



ข้าพเจ้าสอดแขนเข้าประคองและช่วยพยุงเขาเอาไว้ ขณะที่เขาอิงอาศัยตัวข้าพเจ้าเป็นที่พักอยู่ชั่วครู่ และใช้ผ้าเช็ดหน้าที่สอดอยู่ในกระเป๋าซับเหงื่อที่หยดลงมาตามแก้ม เสยผมที่ยุ่งเหยิง และดันแว่นสายตาที่สวมอยู่ให้เข้าที่ อาการทั้งหมดนั้นของเขาไม่ได้เกิดจากความเหนื่อยล้าเพราะใช้แรงมาก แต่เพราะเขากัดฟันทนเจ็บและรีบตามมาให้เร็วที่สุด


ระหว่างที่รอให้เขาได้พัก ข้าพเจ้าก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ให้เขาฟังไปด้วย


แม้ว่าจะอดเคืองไม่ได้ที่เขาบอกให้ข้าพเจ้าดูแลตัวเอง แต่เขากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่เขาบอกให้ข้าพเจ้าทำ แต่การมีเขาอยู่ด้วยในช่วงเวลาที่ต้องการคู่คิดก็ทำให้ข้าพเจ้าใจเย็นลงได้อย่างประหลาด และโล่งใจที่มีใครอีกคนหนึ่งที่ข้าพเจ้าไว้วางใจที่สุดอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาที่ยังคาดเดาสิ่งใดไม่ได้


“ลองเรียกคนที่อยู่ในบ้านดูทีสิครับ” ดร. ฟอล์กเนอร์แนะ และนั่นก็ตรงกับสิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังคิด


“มิสเตอร์พิคเก็ตต์” ข้าพเจ้าตะโกนเรียก “ผมเดินผ่านมาได้ยินเสียงปืน เกิดอะไรขึ้น มีอะไรให้ช่วยไหม”


มีความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ ก่อนที่เสียงแหบห้าวที่แฝงด้วยความรู้สึกเคียดแค้น ขุ่นข้อง แต่อ่อนล้าร้องตอบผ่านออกมาทางบานประตูที่ยังคงเปิดอ้า


“ถ้าช่วยได้จริงละก็ ช่วยลากศพนังผู้หญิงแพศยาที่คิดจะฆ่าฉันให้ตาย ไปทิ้งให้ไกลหูไกลตาฉันที”


ในนาทีที่สายลมพัดผ่านเหนือทุ่งเฮเธอร์ และบ้านซึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวเหนือฟาร์มสตูปเบ็ค ประตูที่แง้มไว้ก็เปิดออกให้เห็นเงาร่างของคนที่อยู่ภายในโถงแรกของบ้าน


ร่างหนึ่งนอนฟุบแน่นิ่งอยู่กับพื้น ส่วนอีกร่างนั่งอยู่บนเก้าอี้ถัดออกไปทางด้านหลัง และทิ้งปืนแก๊ปที่อยู่ในมือลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง พร้อมอธิบายเหตุผลด้วยอาการเยือกเย็นจนทำให้ข้าพเจ้าหนาววูบไปทั้งกาย และแม้แต่โทเบียส ฟอล์กเนอร์เองก็เผลอบีบแขนของข้าพเจ้าแน่นโดยไม่รู้ตัว


“ฉันเดินไม่ได้... เดินไม่ได้มานานมากแล้ว... คุณสุภาพบุรุษ... ถ้าพวกคุณจะกรุณา”






To be continued....





/ตั้งใจว่าจะสั้นๆ สองตอน แต่งอกออกมาจนได้ เลยคิดว่าตัดเป็นสามตอนน่าจะดีกว่าค่ะ
/ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ ^^

Reply · Report Post