Heather Honey: ครึ่งแรก (หมอกับสารวัตร กลับไปเขียนฉบับออริฯ วิคตอเรียนบ้างค่ะ)


ปลายฤดูร้อนล่วงเข้าฤดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงพักของเราสองคน คือ ดร. โทเบียส ฟอล์กเนอร์ และตัวข้าพเจ้าเอง ที่จะใช้เวลาวันหยุดที่มีอยู่สิบหรือสิบห้าวัน เดินทางไปประเทศอื่นในยุโรป สก็อตแลนด์ บ้านเกิดของข้าพเจ้าที่ยอร์กเชียร์เหนือ หรือบ้านในชนบทที่เขาซื้อเอาไว้ทางเดวอน


ปีนี้เป็นปีสุดท้ายก่อนก้าวเข้าสู่ ค.ศ. 1900 เป็นเวลาสิบปีแล้วที่เขากับข้าพเจ้ารู้จักและคบหากันเป็นเพื่อนสนิทที่น้อยครั้งจะพบคนหนึ่งโดยไม่พบอีกคนหนึ่งอยู่แถวนั้น ยกเว้นในเวลาทำงาน ข้าพเจ้าไม่ได้แต่งงานใหม่ ส่วนเขาไม่เคยแต่งงาน แม้ไม่มีคู่ครอง แต่การมีเพื่อนที่ถูกอัธยาศัยอยู่ด้วยกันก็นับว่า เพียงพอ สำหรับคนที่ไม่คิดจะขวนขวายหรือแสวงหาสุภาพสตรีสักคนมาเป็นคู่ชีวิตอีกต่อไปแล้ว


ในเวลานี้ โทบี้อายุสี่สิบเศษ ทำงานหลักเป็นอาจารย์แพทย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งลอนดอน หลังจากกลับมาจากการเรียนต่อด้านพยาธิวิทยาที่ฝรั่งเศส แต่ยังคงทำหน้าที่ชันสูตรศพคดีให้กับทางตำรวจอยู่เช่นเดิม ส่วนข้าพเจ้าห้าสิบกว่า ยังคงเป็นตำรวจ มีตำแหน่งเป็นผู้กำกับการหน่วยสืบสวนอาชญากรรมของตำรวจนครบาล ซึ่งย้ายที่ทำการจากไวท์ฮอลล์ไปอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ ถึงจะยังไม่ได้ก้าวขึ้นถึงจุดสูงสุดของชีวิตการทำงาน แต่ข้าพเจ้าก็เริ่มต้นคิดถึงการเกษียณตัวเองกลับไปทำฟาร์ม หรือสานต่อกิจการร้านหนังสือของแมรี่ ภรรยาผู้ล่วงลับของข้าพเจ้า ตามที่ลอว์เรนซ์ แลงก์เดล น้องชายของหล่อนส่งจดหมายขอคำปรึกษามาถึง เพราะระยะเวลาสามสิบปีในอาชีพนี้ ก็นับว่าเนิ่นนานนักหนาพอดู แต่ก็ยังมีหลายเรื่องในลอนดอนที่ข้าพเจ้าต้องใช้เวลาสะสาง


ด้วยอายุที่มากขึ้นและจะโหมงานหนักอย่างแต่ก่อนไม่ไหว เราจึงตกลงกันว่า ควรต้องหาเวลาพักยาวโดยไม่มีใครมารบกวนเสียบ้าง และในปีนี้ เราเลือกที่จะมาพักผ่อนกันที่บ้านเดิมของข้าพเจ้าที่โรบินฮู้ดส์เบย์ ซึ่งเดิมที ข้าพเจ้าจะยกให้แก่น้องสาวของข้าพเจ้าที่หย่าขาดจากสามี แต่แฟนนี่ยืนกรานว่าไม่รับ ทว่าหล่อนรู้ใจข้าพเจ้ามากพอที่จะขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นที่ข้าพเจ้าปฏิเสธไม่ได้ คือ ค่าเล่าเรียนของโลเวล หลานชายคนโปรดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงยังคงเป็นเจ้าของบ้านดังกล่าวต่อไป โดยให้หล่อนพักอาศัยและคอยดูแลความเรียบร้อยของบ้านให้แก่ข้าพเจ้าเรื่อยมา


เหตุผลที่เรามาที่นี่ นอกจากเพื่อดูแลความเรียบร้อยของบ้านและทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่ภูมิลำเนาเดิม และโรบินฮู้ดส์เบย์ยังใกล้กับเมืองต่าง ๆ ที่เราสองคนมีธุระต้องไปหลายแห่ง ทั้งวิทบี้ และสกาเบอระแล้ว จดหมายจากแฟนนี่ที่เล่าถึงสามีภรรยาแปลกประหลาดที่อาศัยอยู่ในฟาร์มแถวสตูปเบ็ค ระหว่างโรบินฮู้ดส์เบย์และเรเวนสการ์ ความกังวลในจดหมายของน้องสาวของข้าพเจ้าซึ่งเป็นคนจริงจังอยู่แล้วทำให้เรื่องดังกล่าวดูจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา



แฟนนี่เคยพบมิสซิสพิคเก็ตต์สองหรือสามครั้ง หล่อนเป็นผู้หญิงสาวสวย นัยน์ตาเศร้า และดูทรุดโทรมไม่สมกับที่เป็นภรรยาเจ้าของฟาร์มที่สตูปเบ็คเลยแม้แต่น้อย เพราะมิสเตอร์พิคเก็ตต์ สามีสูงวัยของหล่อนใช้เงินสดจ่ายซื้อที่ฟาร์มดังกล่าวมาจากเจ้าของเก่าในราคาหลายพันปอนด์ แต่สามีของหล่อนเป็นคนไม่สังคมโลก ไม่ยอมพบปะกับใคร มีเพียงเอกสาร หรือหนังสือสั่งของที่ฝากมากับภรรยาเท่านั้นที่บอกว่า เขายังคงมีตัวตนอยู่ในฟาร์มนั้น


สิ่งที่น่าแปลกเกี่ยวกับสามีภรรยาพิคเก็ตต์ที่น้องสาวของข้าพเจ้าตั้งข้อสังเกตเอาไว้ก็คือ ทุกครั้งที่เข้ามาซื้อของในโรบินฮู้ดส์เบย์ หล่อนจะต้องสั่งซื้อน้ำผึ้งจากร้านของชำไปเป็นจำนวนมากเกินกว่าจำนวนที่คนสองคนจะกินหมดภายในสิบห้าวัน ซึ่งเป็นรอบที่หล่อนจะต้องออกมาซื้อของในเมือง พวกเขาทำกันอย่างนี้มาร่วมครึ่งปีที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้แล้ว พฤติกรรมดังกล่าวทำให้แฟนนี่นึกเป็นห่วง เพราะหล่อนเองก็เคยมีความทรงจำย่ำแย่เกี่ยวกับสามีของตนเองมาก่อน และสงสัยว่า สามีของหล่อนป่วยไข้หรือมีความผิดปกติอย่างไรหรือไม่ จึงไม่ยอมปรากฏตัวให้ใครเห็น คงใช้แต่ภรรยาของตนออกมาข้างนอก ส่วนหล่อนเองก็ไม่ยอมปริปากบอกใคร และดูอึดอัดเมื่อใครต่อใครถามถึงสามี


สิ่งที่ได้รับรู้จากแฟนนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เราสองคนตัดสินใจใช้ข้ออ้างว่า ออกมาเดินเล่นรับอากาศตามเส้นทางจากโรบินฮู้ดส์เบยส์ไปยังเรเวนสกา โดยแวะเข้าไปที่สตูปเบ็คเล็กน้อย ซึ่งเป็นระยะทางประมาณสองไมล์ และไม่ไกลถึงขนาดทำให้อาการบาดเจ็บเรื้อรังจากสงครามในซูดานของ ดร. ฟอล์กเนอร์กำเริบขึ้นมาอีกได้ ทั้งหมดก็เพื่อความสบายใจของแฟนนี่ และเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของเราสองคนด้วยส่วนหนึ่ง



จากโรบินฮู้ดส์เบย์ เราใช้เส้นทางเลียบหน้าผา ที่ตัดผ่านทุ่งหญ้าและทุ่งเฮเธอร์ที่กำลังผลิดอกสีม่วงบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ กลิ่นหอมของเฮเธอร์ที่ชวนให้คิดถึงน้ำผึ้ง และกลิ่นของสมุนไพรผสมกับมองจากกิ่งก้านของไม้เท้าของ ดร. ฟอล์กเนอร์เผลอฟาดไปโดน หรือข้าพเจ้าเหยียบใส่ เพราะหลบไม่พ้น กลิ่นของเฮเธอร์เจือไอแดดยามเช้า คือ กลิ่นของบ้านเกิดและความอบอุ่นที่ข้าพเจ้าไม่เคยลืมเลือนเลยแม้แต่น้อย ถึงจะใช้ชีวิตในมหานครลอนดอนเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม


เมื่อพูดถึงเฮเธอร์ ดร. ฟอล์กเนอร์ก็ออกปากว่า เสียดายที่ลมบนหน้าผานี้แรงเกินไป ไม่เช่นนั้น สถานที่แห่งนี้จะเหมาะกับการเลี้ยงผึ้ง และผลิตน้ำผึ้งจากดอกเฮเธอร์ ซึ่งเป็นน้ำผึ้งชนิดพิเศษ ที่ไม่เหมือนน้ำผึ้งทั่วไป เช่นที่คนในแถบซัสเซ็กซ์หรือโลว์แลนด์ของสก็อตแลนด์ใช้เวลาช่วงที่ดอกเฮเธอร์ผลิบานในการผลิต
เราสองคนเลือกที่จะไม่คุยกันเรื่องงาน แต่พูดกันในเรื่องสัพเพเหระทั่วไป เดินชมทิวทัศน์และบรรยากาศระหว่างทางอย่างไม่รีบร้อนนัก และเพื่อไม่ให้เพื่อนของข้าพเจ้าต้องออกกำลังขามากเกินไปด้วย


ระหว่างเดินมาได้เกือบครึ่งทาง โทเบียส ฟอล์กเนอร์ก็หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหันเหมือนพบอะไรบางอย่างที่สะดุดตา แต่ข้าพเจ้าไม่ทันสังเกตแต่แรก เขาย่อตัวลงนั่ง ข้าพเจ้าส่งมือให้เขาจับเพื่อทรงตัวลุกขึ้น และเห็นว่าเขามีช่อเฮเธอร์สีขาวเล็ก ๆ ซึ่งพบเห็นได้ไม่บ่อยนักอยู่ในมือ และเมื่อยืนมั่นคงดีแล้ว เขาก็สอดช่อดอกไม้นั้นเข้ากับรังดุมเสื้อนอกของข้าพเจ้า


“มีความเชื่อว่า ดอกเฮเธอร์สีขาวมีอำนาจในการปกป้องคุ้มครอง และนำโชคดีมาให้” เขาบอกเรียบ ๆ เหมือนทุกครั้งที่อธิบายเกี่ยวกับความเชื่อหรือตำนาน ซึ่งเป็นความชำนาญพิเศษ ที่ค่อนข้างสวนทางกับความเป็นแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ของเขาอยู่ไม่น้อย แต่ความชำนาญเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่ชักพาให้เราสองคนได้รู้จักและคบหาเป็นมิตรที่จะขาดกันไปเสียไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้


“คุณควรเก็บมันเอาไว้เอง” ข้าพเจ้าว่า แต่เขากลับยิ้มแล้วส่ายหน้า


“ผมเป็นคนพบ นั่นถือเป็นโชคดีของผมแล้ว แต่ผมคิดว่า ให้มันคุ้มครองคุณดีกว่า...”


“ขอบคุณ โทบี้” ข้าพเจ้ายิ้มให้เขา และยื่นแขนให้เขาคล้อง ก่อนออกเดินอีกครั้ง เพราะถึงไม่ปริปากบ่น แต่


ข้าพเจ้าสังเกตมาโดยตลอดว่า เขามักจะเดินช้าลง และอาจมีอาการเจ็บเล็กน้อย หลังจากลงไปนั่งคุกเข่า แล้วยืนขึ้น


เขาไม่ปฏิเสธที่จะรับความไมตรีจิตนั้นของข้าพเจ้า และสอดแขนของเขาเข้ามาคล้องกับแขนของข้าพเจ้า
“หวังว่า เราจะโชคดีที่ไม่มีเรื่องร้ายอย่างที่แฟนนี่กังวลเกิดขึ้น”


พูดได้ไม่ทันขาดคำดี เราสองคนก็ได้ยินเสียงปืน ตามมาด้วยเสียงร้องลั่นด้วยความตกใจของผู้ชายในวัยหนุ่มดังขึ้น โดยที่เสียงเหล่านั้นมีทิศทางมาจากฟาร์มของสามีภรรยาพิคเก็ตต์ที่สตูปเบ็ค


“คุณไปก่อนเลย ไมเคิล ไม่ต้องห่วง ระวังตัวด้วย ผมจะรีบตามไป”


ไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำ ผมก็ถอดหมวกแก็ปที่สวมฝากให้โทเบียส ฟอล์กเนอร์ถือเอาไว้ และรีบวิ่งตรงไปยังฟาร์มต้นเสียงอย่างรวดเร็ว


ดูเหมือนว่า ความเชื่อเกี่ยวกับดอกเฮเธอร์สีขาวจะนำโชคดีมาให้ เห็นทีจะเป็นหมัน แต่ข้าพเจ้าก็ยังหวังอยู่ในใจว่า อำนาจในการคุ้มครองป้องกันของมันจะพอมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะในเวลาที่ข้าพเจ้าไม่มีปืนอยู่ในมือ





To be continued....


Reply · Report Post