H B D (ฟิคเรือผี - Percilot ยังทันวันเกิดของลานซล็อตอยู่นะ ><)


ปีนี้ไม่ใช่ปีแรกที่พวกเขาไม่ได้อยู่ฉลองวันเกิดด้วยกัน
งานของคิงส์แมนไม่เคยมีวันหยุดที่แน่นอน และวันเกิดไม่ใช่ข้อยกเว้น
ในเวลานี้ ลานซล็อตกำลังทำหน้าที่อารักขาเป้าหมายคนสำคัญในงานวันเกิด
เป้าหมายของเขากำลังฉลองวันเกิดของตัวเอง ในขณะที่เขาสละการฉลองของตัวเองทิ้ง


การอดฉลองวันเกิดของตัวเองไม่ใช่เรื่องแย่เท่าไหร่ แต่การทำงานในวันเกิดที่ไร้คู่หู หดหู่สิ้นดี
โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเพิ่งเริ่มต้นใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้เพียงไม่กี่เดือน และแน่นอนที่สุดเลยว่า
แทนที่จะมายืนจิ้มคานาเป้ กับพวกของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ทำให้อิ่มประทังชีวิตอยู่ในงานเลี้ยง
เขาอยากฉลองวันเกิดแรกที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันแค่สองคนมากกว่า แค่เขากับเพอร์ซิวาลเท่านั้น


เพอร์ซิวาลไม่ชอบการทำเซอร์ไพรส์ ไม่ว่าจะทำให้คนอื่น หรือคนอื่นทำให้ก็ตามที
แน่นอนว่า คนของเขาไม่ใช่คนโรแมนติก แต่สิ่งที่ทดแทนความโรแมนติและทำให้เขารักมากกว่า
คือ เพอร์ซิวาลมีความจริงจัง มั่นคงอย่างที่น้อยคนจะให้กันได้ ซึ่งนั่นสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
ชีวิตที่มีเพอร์ซิวาลเป็นส่วนหนึ่งในนั้น และการที่อีกฝ่ายยอมให้เขาเข้ามาในชีวิต
ถือได้ว่า เป็นของขวัญที่ดีที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดที่ลานซล็อตได้รับจากคู่หูที่มาเป็นครึ่งชีวิตของเขาแล้ว
ถึงจะเข้าใจกันเป็นอย่างดี แต่บางทีเขาก็อยากได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษในโอกาสพิเศษบ้างเหมือนกัน


ถ้าไม่มีไอ้พวกบ้าที่คิดจะทำลายสถาปัตยกรรมสมัยทิวดอร์และอลิซาเบธันอย่างเชสเตอร์พาเลส
และเศรษฐินีเจ้าของบริษัทประมูลงานศิลปะไม่ถูกหมายหัวจะเอาชีวิตที่สแตรทฟอร์ดอัพพอนเอวอน
เพอร์ซิวาลกับเขาคงจะออกไปกินอาหารค่ำด้วยกันที่ร้านโปรด แล้วซื้อไวน์กลับมาดื่มกันต่อที่บ้าน
นั่งดูหนังที่อยากดูแต่ไม่มีเวลาหรือโอกาสได้ดูเพราะภารกิจด้วยกัน และจบด้วยของหวานก่อนนอนเล็กน้อย
แต่ความเป็นจริงตอนนี้ คือ พวกเขาอยู่กันคนละที่ และกำลังปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายของตัวเอง
ลานซล็อตเข้าใจความจำเป็น แต่อดคิดไม่ได้ว่าหัวหน้าหน่วยพลาธิการกำลังหาความสนุกจากการจ่ายงาน
ขณะที่เมอร์ลินส่งเพอร์ซิวาลไปเฝ้าโรงแรมผีสิง ก็ส่งเขามางานวันเกิดของคนอื่นที่โรงละครเดอะสวอน


งานที่ทำอยู่ไม่ใช่เรื่องยากมากนัก และคราวนี้ เมอร์ลินไม่ต้องลำบากทำบัตรเชิญปลอมให้เขาอีกด้วย
เพราะเขาอาศัยชื่อของแม่ มิสซิสสเปนเซอร์ สาวสังคมที่มีคนรู้จักมากมายหลายวงการทำร่วมงานแทน




ลานซล็อตคิดว่า ความจริงแล้ว แอกเนส แนช ไม่น่าจะใช่เป้าหมายที่แท้จริงของการปองร้าย
แต่เป็นสิ่งที่เธอนำมาแสดงในงานวันเกิดถึงถิ่นเชคสเปียร์ด้วยต่างหากที่จะนำภัยมาสู่เธอ
เพราะมันคือ ‘นอร์ทธัมเบอร์แลนด์ เฮาส์ เปเปอร์’ ซึ่งเป็นหลักฐานที่อาจใช้ยันว่า เชคสเปียร์ไม่มีตัวตน
เหมือนเอางานของคนอื่นมาหยามหน้าเชคสเปียร์ถึงบ้านเกิดกันชัด ๆ หรือในทางตรงข้ามกัน
ถ้าเธอเป็นพวกที่เชื่อมั่นในการมีอยู่จริงของเชคสเปียร์ ก็เหมือนมีตัวประกันไว้เสียดใจคนที่ไม่เชื่อเช่นกัน


เขารายงานสภาพเหตุการณ์ให้เมอร์ลินที่คอยถามมาเป็นระยะ แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถึงอาหารจะไม่อร่อย แต่ไวน์ที่เอามาเลี้ยงในงานก็ไม่เลวเลยที่จะดื่มฉลองวันเกิดให้ตัวเองระหว่างทำงาน


“อีกประมาณสิบนาที มิสแนชจะขึ้นกล่าวขอบคุณแขกที่มาในงาน และเอา ‘ของ’ มาแสดงให้ทุกคนแล้ว”
“เตรียมพร้อมไว้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น” เมอร์ลินตอบกลับมา และสั่งอะไรอีกยาวยืดเหมือนกลัวเขาลืม
จากนั้นก็ตัดสายไป ก่อนที่เขาจะทันได้ถามว่า ทางเพอร์ซิวาลเรียบร้อยแล้วหรือไม่ เป็นอย่างไรบ้าง

ลานซล็อตเดินแทรกฝูงชนออกไปจนกระทั่งตนเองได้อยู่แถวหน้า เห็นเจ้าภาพงานเลี้ยงนี้ได้อย่างชัดเจน
แอกเนส แนช สาวทรงเสน่ห์ที่เพิ่งเฟลิร์ตกับเขาเมื่อชั่วโมงก่อน ตั้งแต่เห็นหน้าและถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้น
เมื่อได้รู้ว่าแม่ของเขาเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนกิจกรรมเชคสเปียร์อินเดอะพาร์คหรือละครเชคสเปียร์กลางแจ้ง
เธอเป็นผู้หญิงสวยและมีความเด็ดขาดแฝงอันตรายที่ทำให้เขาอดนึกถึงบลัดดี้แมรี่หรืออลิซาเบธที่ 1 ไม่ได้


เขามองเธอเฉิดฉายอยู่บนเวทีโรงละครริมแม่น้ำเอวอนราวกับนางเอกในละครของเชคสเปียร์
ในขณะที่เธอกล่าวขอบคุณ เขาก็พยายามสอดส่องหาความผิดปกติ และกลุ่มคนต้องสงสัยว่าจะก่อเหตุ
มีคนกลุ่มหนึ่งที่เขาสังเกตเห็นมาแต่แรก และอยู่ห่างไปไม่มากนัก กำลังจ้องมองเธอเหมือนจะฆ่าให้ตาย
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าของเขาก็สั่น ข้อความจากเพอร์ซิวาลปรากฏขึ้น
HBD ของอีกฝ่ายไม่ใช่ว่า สุขสันต์วันเกิด แต่หมายความว่า “Help the Baconians and Derbyites”



ช่วยเหลือคนที่สนับสนุนทฤษฎีว่า เซอร์ ฟรานซิส เบคอน กับ วิลเลียม สแตนลีย์ เอิร์ลแห่งดาร์บี้ ลำดับที่ 6
นั่นหมายความว่า เขาต้องช่วยเหลือคนที่ไม่เชื่อว่า เชคสเปียร์มีตัวจริงอยู่จริง และอยู่ในงานนี้ด้วย ไม่ใช่เธอ


เขาไม่รู้ว่า เพอร์ซิวาลรู้ได้อย่างไร และทำไมอีกฝ่ายถึงส่งข้อความมาแบบนั้น แต่มันทำให้เขาระวังตัว
และทันทีที่แอกเนส แนชกล่าวถึงความสำคัญของเอกสารที่เธอนำมาแสดงในวันเกิด และยกกล่องใส่มันขึ้น
ไฟฟ้าทั้งโรงละครก็ดับพรึ่บ เสียงกรีดร้องและความโกลาหลเกิดขึ้นในทันที แต่ในความมืดนั้น
สายลับของคิงส์แมนก็สังเกตเห็นแสงบางอย่างแวบขึ้นมาจากชั้นลอย และส่องตรงมาทางกลุ่มคน
ที่เขาเห็นว่ากำลังมองเจ้าของงานเลี้ยงวันเกิดด้วยสายตาคับแค้นและไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
คนพวกนั้นเองที่สนับสนุนทฤษฎี เซอร์ฟรานซิส เบคอน กับวิลเลียม สแตนลีย์เป็นคนเขียนบทละครตัวจริง


เป็นครั้งแรกที่ลานซล็อตนึกโมโหตัวเองที่ไม่ได้นำอุปกรณ์สำคัญอย่างร่มที่พัฒนาขึ้นจนเป็นอาวุธได้มาด้วย
หากเป้าหมายที่ต้องคุ้มครองมีเพียงแค่หนึ่งคน ร่มอาจไม่จำเป็น แต่เมื่อเป้าหมายมีเพิ่มขึ้นหลายคน
เขาก็ยากที่จะป้องกันทุกคนได้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า คนเหล่านี้อาจเป็นเป้าโจมตีของปืนเก็บเสียง
และปืนพกสั้นที่เขาพกมาด้วยในเวลานี้ มีระยะยิงสั้นเกินกว่าที่จะจัดการกับคนที่ซุ่มยิงอยู่ข้างบน


ในช่วงเวลาที่คับขันที่สุดนั้น สัญชาตญาณของสายลับหนุ่มบอกให้เขาตัดสินใจกระโจนเข้าผลัก
คนเหล่านั้นให้ล้มลงไปตามกัน เพราะอย่างน้อยที่สุด การใช้ร่างของเขาที่มีเสื้อสูทกันกระสุนคงพอช่วยได้
แต่ในเสี้ยววินาทีที่เขาเข้าปะทะกับคนที่ตนเองตั้งใจคุ้มครอง เขาก็ได้ยินเสียงทึบ ๆ บางอย่างตรงหน้า
เสียงดังกล่าวเหมือนเสียงของกระสุนที่กระทบกับผืนผ้าใบที่เหนียวและแข็งแรงพอที่จะสะท้อนมันไปได้


“ทุกคนหมอบลง” เสียงที่แสนคุ้นเคยร้องตะโกนอยู่ข้างหู “อยู่ในความสงบ ถ้าไม่อยากบาดเจ็บ”
สิ้นเสียงดังกล่างเสียงเซ็งแซ่ทั้งหลายก็ค่อยเงียบลงบ้างหลงเหลือแต่เสียงพึมพำ เสียงกระซิบ และสะอื้น

“นายมาได้ยังไง” ลานซล็อตเอ่ยถาม หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นระคนประหลาดใจ
ในความมืด เขาเห็นใบหน้าของเจ้าของร่างในสูทสีเข้มที่กางร่มกันกระสุนบังเขาและคนอื่นเอาไว้ไม่ชัดนัก
แต่แสงจันทร์อ่อน ๆ ที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างด้านบนลงมา ทำให้เขาพอจะมองเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้ม

“เรื่องมันยาว เดี๋ยวค่อยเล่า” เพอร์ซิวาลบอก ส่งร่มให้เขาถือเอาไว้ และหลบไปอยู่ด้านหลังของเขา
มีเสียงกริ๊กแผ่วเบา ตามด้วยเสียงบางอย่างที่คล้ายกับคนถอนหายใจจากไซเลนเซอร์ที่ปากกระบอกไรเฟิล
แสงสีแดงจากเลเซอร์บนชั้นลอยของโรงละครหายไป แต่ภารกิจของพวกเขายังไม่จบสิ้น
“เมอร์ลิน ผมอยู่กับลานซล็อตแล้ว เขาปลอดภัย เป้าหมายปลอดภัย รอรับคำสั่งเกี่ยวกับมิสแนชต่อไป”




.
.
.
.
.
.




“ขอบใจที่มาทันเวลานะ เพอร์ซี่” ลานซล็อตเอ่ย หลังจากพวกเขาอยู่กันตามลำพังในรถเมอร์ซีเดส
ที่ก่อนหน้านี้เพอร์ซิวาลขับตะบึงมาจากเชสเตอร์อย่างไม่คิดชีวิต หลังจากไหวตัวทันเกี่ยวกับภารกิจในคืนนี้


ในตอนแรก ภารกิจของพวกเขาดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ความจริงแล้ว มีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างยิ่ง
เพราะเชสเตอร์พาเลซที่มีข่าวว่าจะตกเป็นเป้าหมายการทำลายล้างเป็นบ้านหลังสุดท้ายในชีวิตของ
วิลเลียม สแตนลีย์ ซึ่งกลุ่ม Darbyites เชื่อว่า เขาเป็นวิลเลียม เชคสเปียร์ตัวจริง และ
เอิร์ลแห่งดาร์บี้ลำดับที่หกผู้นี้เคยได้รับการช่วยเหลือด้านคดีความจากเซอร์ฟรานซิส เบคอน
นักประพันธ์ นักกฎหมาย และนักการศาสนาชื่อดัง ที่กลุ่ม Baconians เชื่อว่าเป็นเชคสเปียร์ตัวจริงด้วย
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนที่เชื่อว่า วิลเลียม เชคสเปียร์แห่งสแตรทฟอร์ดอัพพอนเอวอน เป็นหน้าฉากของ
กลุ่มนักประพันธ์และกวีที่รวมตัวกัน โดยสองคนในกลุ่มคนเหล่านั้น คือ สแตนลีย์และเบคอน


เมื่อรวมกับข้อมูลที่ได้รับจากเมอร์ลินว่า แอกเนส แนชจะนำเอา ‘นอร์ทธัมเบอร์แลนด์ เฮาส์ เปเปอร์’
หรือต้นฉบับงานเขียนที่เชื่อว่าเป็นบทละครของสแตนลีย์ที่สูญหายไปในสงครามกลางเมืองไปแล้วมาแสดง
เขาก็นึกออกทันทีว่า ข่าวเรื่องการก่อการร้ายที่เชสเตอร์เป็นเรื่องหลอก เพื่อเบนความสนใจจากของจริง


แอกเนส แนช หญิงสาวผู้มีนามสกุลเดียวกับสามีของน้องสาวของเชคสเปียร์... ล่อให้คนที่ไม่เชื่อมาติดกับ
ความเชื่อมั่นว่าเชคสเปียร์มีตัวตนอยู่จริงของเธอถูกสั่นคลอนด้วยการค้นพบเอกสารดังกล่าว
และด้วยศักดิ์ศรีของความเป็น สแตรทฟอร์ดเดียน หรือ คนที่เชื่อว่าเชคสเปียร์ชาวแสตรทฟอร์ดมีตัวตนจริง
เธอจึงต้องการที่จะหยุดพวกเขาเอาไว้ โดยใช้เอกสารดังกล่าวล่อให้มาติดกับ และจัดการเสียในคราวเดียว
ถ้ามันสำเร็จ ไม่เพียงแต่จะกำจัดเสี้ยนหนามได้ แต่คนศัตรูมากอย่างเธอ ยังมีข้ออ้างที่จะทำให้ตัวเองลอยตัว
และเรื่องอาจจบลงด้วยการที่คนเหล่านั้นถูกลูกหลงในงานวันเกิดของเธอจนเป็นโศกนาฏกรรมในโรงละคร
แต่ในเวลานี้ ทุกอย่างจบลงด้วยดี คนที่บงการอยู่เบื้องหลังอยู่ในมือตำรวจ และเขาอยู่กับเพอร์ซิวาล
ถ้าจะมีคนเสียใจ ก็คงมีแต่วิลเลียม เชคสเปียร์ที่ไม่ว่ามีจริงหรือไม่ คงเสียดายที่ละครบทนี้คนตายน้อยไปนิด


“ไม่เป็นไร...” เพอร์ซิวาลซึ่งเปลี่ยนมานั่งประจำที่นั่งข้างคนขับแทนตอบเพียงสั้น ๆ “นายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
สีหน้าและน้ำเสียงของคนพูดเรียบเฉยเหมือนไม่ยินดียินร้าย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยิงคนร้ายร่วงเป็นว่าเล่น
ไม่มีคำพูดอะไรต่อจากนั้น แม้กระทั่งคำว่าสุขสันต์วันเกิด ทั้งที่ปีก่อนนี้ อีกฝ่ายไม่เคยลืม และไม่เคยพลาด


ลานซล็อตรู้ว่า เพอร์ซิวาลไม่ใช่คนประเภทที่หลอกให้ใครตกใจหรือเสียความรู้สึกแล้วค่อยเซอร์ไพรส์
ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ดีกว่าภายใต้เปลือกนอกแสนเย็นชานั้นคือความเอาใจใส่อย่างยิ่ง แต่คนเราคงลืมกันได้
เรื่องที่เป็นไปได้มากที่สุดในเวลานี้ คือ เพอร์ซิวาลยังไม่สามารถสลัดความวิตกกังวลที่มาช่วยเขาช้าไปได้


“ฉันนึกว่านายส่งข้อความมาสุขสันต์วันเกิดซะอีก แต่ที่ไหนได้ กลายเป็นอย่างอื่นซะนี่”
คำกล่าวของลานซล็อตทำให้เพอร์ซิวาลที่นั่งเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่างเลิกคิ้วน้อย ๆ และยิ้ม
“ไม่ใช่ข้อความสุขสันต์วันเกิด ก็ทำให้นายมีชีวิตอยู่ฉลองวันเกิดของนายต่อไปอีกปีก็แล้วกัน”


เขาไม่มีวันที่จะถามว่า นายกลัวฉันตายหรือไง เด็ดขาด... เพราะมันเป็นคำที่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายเกินไป
เขารู้ว่า ช่วงเวลาที่เขาบาดเจ็บหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด คู่หูของเขาเป็นกังวลจะเป็นจะตายไปพอกัน
พวกเขามีชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย จะตายวันตายพรุ่งไม่อาจรู้ ถึงอย่างนั้น เขาก็อยากอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ


“จะไม่พูดสุขสันต์วันเกิดกันหน่อยเหรอ...” ลานซล็อตชะลอรถ และจอดหยุดลงข้างทาง
ริมถนนที่มุ่งไปยังที่พักที่พวกเขาจองไว้ที่เอ็ตติงตันพาร์คมีเพียงทุ่งนากว้างใหญ่ ไม่มีใครอื่น “ที่รัก...”


ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาหลุดปากพูดออกไปอย่างนั้น ถึงจะรู้ว่าพลาด แต่ก็เรียกคำพูดคืนกลับมาไม่ทันแล้ว
และเพอร์ซิวาลก็กำลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ยิ่งกว่าเดิม รอยยิ้มก่อนหน้านี้หายไปแล้ว



“ฉันเกลียดจริง ๆ ให้ตาย...” เพอร์ซิวาลพึมพำ พลางถอนใจยาว ก่อนริมฝีปากเหยียดเม้มนั้นจะคลายออก
และเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่างที่เขาจะยิ้มให้กับคู่หูของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น “ฉันไม่ได้หมายความถึงนาย”


สายลับหนุ่มหลับตาลงเมื่อลานซล็อตขยับเข้ามาใกล้ และแนบริมฝีปากของตนเองเข้ากับริมฝีปากของเขา
เพอร์ซิวาลลูบแก้มของลานซล็อตเบา ๆ เมื่อผละจากกัน แต่ปลายจมูกและหน้าผากของเขายังเคลียกัน


“สุขสันต์วันเกิดนะ เจมส์...”


“ฉันเกลียดความรู้สึกที่เราต้องแยกกันในวันสำคัญของนายโดยไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกไหมก็แค่นั้น”
เป็นคำพูดเรียบง่ายที่ลานซล็อตรู้ว่า เป็นคำที่ออกมาจากใจของคนที่เป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเพื่อนคู่ใจ
“ฉันเองก็เหมือนกัน” เขาตอบรับ และจูบอีกฝ่ายที่ริมฝีปากอีกครั้ง “นายช่วยชีวิตฉัน เราเลยได้อยู่ด้วยกันไง”


มีเสียงหึแผ่วเบาในลำคอของเพอร์ซิวาลครั้งหนึ่ง ก่อนที่เขาจะใช้มือผลักให้อีกฝ่ายกลับไปทำหน้าที่คนขับ
ลานซล็อตหัวเราะ หันมายกมือวันทนาหัตถ์ให้คู่หูครั้งหนึ่ง ก่อนจะสตาร์ทรถอีกครั้ง


“แล้วของขวัญล่ะ มีไหม” เขาเอ่ยถามคนข้างกาย และคำตอบที่ได้ทำให้เขาอยากไปให้ถึงที่หมายเดี๋ยวนั้น




คำตอบว่า ไปถึงโรงแรมแล้วก็รู้กัน จะให้หมายความเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไรกันอีกเล่า





From heaven to hell is flown away;
'I hate' from hate away she threw,
And saved my life, saying 'not you.'

William Shakespeare, Sonnet -145


(เขื่อว่าเชคสเปียร์แต่งกลอนบทนี้ให้ภรรยา คือ แอนน์ แฮทธาเวย์
โดยเล่นคำชื่อและนามสกุลของเธอ คือ Hate a way กับ Hathaway
โดยประโยคสุดท้ายบอกว่า แอนน์ทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อได้ หรือ Anne saved my life นั่นเอง)



======================= END ========================



ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ ^^

Reply · Report Post