A Price to Pay (part 1/2) - แฟนฟิค the Jungle Book (cats and bear, actually)


“เมาคลี หนีไป!!!”



บากีราตะโกนสุดเสียง แต่ดูเหมือนจะช้าเกินไป เพราะเงาร่างสีเหลืองสลับดำที่กลมกลืนไปกับกอหญ้าพุ่งทะยานเข้าหาลูกมนุษย์ไร้เขี้ยวเล็บ ที่เอาแต่ถามมันอยู่ตลอดเวลาก่อนหน้านี้โดยไม่ยอมฟังคำเตือนถึงสิ่งผิดปกติ และไม่ยอมหนีไปตามคำสั่งแต่แรก


แน่นอน มันโกรธและร้อนใจจนแทบจะหมดความอดทนกับความดื้อดึงช่างสงสัยของเมาคลี แต่เหตุการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น ทำให้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นสลายหายไปจนสิ้น เหลือเพียงความตกใจและสัญชาตญาณที่บอกมันว่า ต้องปกป้องมนุษย์ตัวน้อยจากเสือร้าย


บากีราลืมไปหมดแล้วว่า มันตัวเล็กกว่า เพรียวบางกว่า และมีพละกำลังน้อยกว่า สิ่งเดียวที่มันนึกได้คือโถมตัวกระโจนออกไปกระแทกร่างใหญ่โตของเชียร์คานให้พ้นไปจากตัวของเมาคลี


กล้ามเนื้อใต้ขนสีดำเป็นมันวาวของเสือหนุ่มเริ่มระบมเมื่อกระแทกเข้ากับกล้ามเนื้อแข็งแกร่งของเสือร้ายที่เต็มไปด้วยความแค้นแต่มนุษย์ และพาร่างของมันทั้งสองหล่นลงกระทบพื้นในพุ่มหญ้าสูงท่วมหัว


เสียงคำรามลั่นของเสือสองตัวที่ปะทะกันในทุ่งไล่ฝูงควายให้หนีเตลิด แต่เด็กน้อยที่เพิ่งรอดชีวิตอย่างหวุดหวิดมาเมื่อครู่นี้เบิกตามองภาพการต่อสู้ของพวกมันอยู่กับที่ และถ้าเพียงแต่เสือดำผู้เป็นทั้งครูและผู้ดูแลของตนเอ่ยปากร้องขอความช่วยเหลือแม้เพียงคำเดียว บากีราก็เชื่อเหลือเกินว่า เมาคลีจะตรงเข้ามาสู้กับเสือที่หมายเอาชีวิตของตนมาตั้งแต่ยังไม่รู้ความอย่างไม่คิดชีวิต


“หนีไป เมาคลี หนีไป ทำตามที่ข้าบอก”


บากีราสั่ง ก่อนที่อุ้งเท้าใหญ่ของคู่ต่อสู้ที่ได้เปรียบทุกด้านจะถีบมันเข้าที่หน้าจนเสียหลัก แต่ก็ใช้เวลาไม่นานนักที่มันจะพลิกตัวลุกขึ้นยืน และกระโดดใส่เชียร์คานอีกครั้งหนึ่ง เพื่อถ่วงเวลา


“ไม่ต้องห่วงข้า แล้วข้าจะตามไป”


เป็นประโยคสุดท้ายที่มันร้องบอก แต่เสี้ยววินาทีที่มันหันมองเพื่อให้แน่ใจว่า ร่างเล็ก ๆ ของลูกมนุษย์จะออกวิ่งไปในทางเดียวกับที่ฝูงควายป่าเตลิด นานพอที่เจ้าลายพาดกลอนจะพุ่งเข้าหามันเป็นการตอบโต้ เหวี่ยงกรงเล็บฟาดใส่ร่างสีดำขนาดเล็กกว่าของมันจนล้มคว่ำ


บากีราครางอยู่ในลำคอ รู้สึกถึงของเหลวที่ไหลซึมออกมาจากบริเวณที่ถูกกรงเล็บคมกริมกรีดผ่าน แม้จะพยายามดิ้นรนแต่น้ำหนักที่กดทับและอุ้งเท้าข้างที่มีกรงเล็บที่เรียกเลือดของมันได้เหยียบย่ำอยู่เหนือร่างของมันที่เพลี่ยงพล้ำจนเผยจุดอ่อนที่ลำคอ ซึ่งเป็นจุดที่สัตว์ตระกูลเสืออย่างพวกมันต่างถือเป็นจุดตายของเหยื่อที่พวกมันโจมตี


เพียงแค่เชียร์คานฝังเขี้ยวขย้ำที่คอของมัน ชีวิตที่เคยผ่านมาทั้งป่าและท่ามกลางฝูงมนุษย์ของมันก็จะจบลงอย่างง่ายดาย


แต่ก็ไม่เป็นไร.... ขอเพียงแค่มันซื้อเวลาให้เมาคลีได้หนีจากกรงเล็บของเสือร้ายที่มองมนุษย์เป็นคู่แค้น หมายแต่ละจะล้างผลาญให้สิ้นโดยไม่เคยคำนึงถึงกฎแห่งป่า เท่านี้มันก็พอใจแล้ว เพราะมันรู้ว่า เด็กน้อยที่มันเคยพร่ำสอนทักษะการใช้ชีวิตชีวิตรอดมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เป็นคนมีไหวพริบและฉลาดพอที่จะเอาตัวรอด ยกเว้นแต่มันมองเมาคลีผิดไป


ถ้ามันต้องตาย สิ่งที่น่าเสียดาย คือ มันไม่มีโอกาสได้มองเห็นเมาคลีเติบโต และได้ใช้ชีวิตในที่ทางของตนเท่านั้นเอง และสิ่งที่น่าเสียใจ คือ นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่มันโกหกเมาคลี เพราะมันจะไม่มีโอกาสตามไปหาอย่างที่พูด


เชียร์คานก้มลงมองมันอย่างประสงค์ร้าย ดวงตาสีเหลืองข้างที่ดีอยู่และสะท้อนภาพของมันที่จำต้องสยบให้อีกฝ่ายฉายประกายแห่งชัยชนะ เสือร้ายทำเสียงในลำคออย่างสาแก่ใจ


“เจ้าเคยพูดกับข้าในวันที่รับรองให้พวกหมาป่ารับเมาคลีเข้าฝูงใช่ไหม บากีรา ว่าสักวันหนึ่ง เจ้าลูกมนุษย์จะทำให้ข้าเปลี่ยนจากร้องคำรามเป็นเสียงร้องอย่างอื่น”


สิ่งที่เชียร์คานพูดนั้นเป็นความจริงทุกประการ มันเคยพูดอย่างนั้น และดูเหมือนว่า คำพูดของมันจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เชียร์คานฝังใจและยังคิดแค้นที่ถูกหยามท่ามกลางสภาหมาป่าอย่างไม่ไว้หน้า


“นึกไม่ถึงว่า เจ้าเสือที่หยิ่งผยองอย่างเจ้าจะกลายเป็นฝ่ายที่ต้องเปล่งเสียงร้องแทนข้า”


เสือลายพาดกลอนแยกเขี้ยว เผยฟันสีเหลืองคมกริบของมัน แล้วก้มลงเหมือนจะขย้ำลงบนลำคอของเสือดำ


บากีราสูดลมหายใจเข้า พร้อมรับมรณะที่จะมาถึง แต่เมื่อผ่านช่วงเวลาชั่วอึดใจที่เนิ่นนานเหมือนชั่วกัปกัลป์ไปแล้ว มันกลับพบว่า มันยังมีชีวิตอยู่ แต่ยังคงอยู่ภายใต้กรงเล็บของเสือเฒ่าที่ฝูงสัตว์ในป่าล้วนหวาดหวั่น


เสียงหัวเราะน่าชังของเหล่าหมาในสมุนของเสือร้าย และนกแร้งที่บินโฉบเหนือทุ่งตอกย้ำว่า มันยังไม่ตาย
“ข้ายังไม่ให้เจ้าตายง่าย ๆ หรอก บากีรา”


เสียงกระซิบข้างหูกลั้วหัวเราะ ทั้งอยู่ในอารมณ์สนุกและเหยียดหยามไปในยามเดียวกัน


เจ้าของร่างสีดำที่จะแสดงลายเฉพาะยามต้องแสงตะวันพยายามดิ้นรนอีกครั้ง แต่ก็ถูกฝ่ายที่ยืนคร่อมเหนือร่างใช้อุ้งเท้าย่ำอย่างหนักหน่วงเป็นการปรามไม่ให้คิดหนีหรือต่อสู้


“มองข้า และตอบข้า บากีรา... ทำไมเจ้าไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตา ทั้งที่เราต่างเป็นเสือเหมือนกัน”


ไม่มีคำตอบจากเชลยของมัน นอกจากเสียงขู่คำรามในลำคอ แต่มันรู้ดีว่า คำพูดของมันทำให้อีกฝ่ายหยุดนิ่งได้ชั่วครู่


“ตอนแรก เจ้ายอมจ่ายค่าทดแทนให้กับชีวิตน้อย ๆ ของลูกมนุษย์ด้วยวัวพ่วงพีที่เจ้าล่ามาได้หนึ่งตัว” เชียร์ข่านแสยะยิ้ม ดวงตาข้างที่บอดเพราะดอกไม้สีแดงทิ่มทำลายจ้องเขม็งมายังร่างที่มันใช้กรงเล็บกดเอาไว้ราวกับมองเห็น “ในเวลานี้ เจ้ายังจะใช้ชีวิตตัวเองปกป้องมันอีกอย่างนั้นหรือ”


เสือดำไม่ตอบ ดวงตาสีเหลืองอำพันของมันสบตอบเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่ที่สยบมัน ซึ่งตัวเล็กกว่ามากนัก เอาไว้ใต้อุ้งเท้าอย่างไม่สะทกสะท้าน แม้เล็บแหลมยืดออกจิกย้ำผ่านขนสีดำของมันที่พลาดพลั้งเพราะสู้แรงไม่ได้จนถึงเนื้ออีกครั้ง


“ทำไมกัน บากีร่า... ทำไมราคาชีวิตลูกมนุษย์อ่อนแอตัวหนึ่งมันจึงแพงนัก” เสียงแหบห้าวของเสือเฒ่ามีคล้ายขบขันแต่สายตาของมันกลับตรงกันข้าม “ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าฝังใจกับการช่วยให้ลูกมนุษย์ตัวนั้นมีชีวิตรอดต่อไปในป่า...”


ใบหน้าอัปลักษณ์ด้วยร่องรอยแผลเป็นเพราะถูกไฟไหม้ยื่นเข้ามาใกล้ ลมหายใจเจือกลิ่นคาวเลือดของเชียร์คานพุ่งเข้าปะทะใบหน้า


“หรือว่ามนุษย์เคยใช้ราคาชีวิตเจ้า เจ้าถึงได้ไว้ชีวิตมนุษย์ เหมือนที่พร่ำสอนให้ลูกมนุษย์ละเว้นชีวิตวัวป่าที่เจ้าใช้ซื้อชีวิตมัน และตอบแทนการให้มันอยู่ร่วมในฝูงหมาป่าของอาเคล่า”




To be continued....



----------------------------------------------------------------------

หมายเหตุ: เรื่องราวเบื้องหลังเรื่องนี้ มาจากทั้งหนัง The Jungle Book และตามหนังสือผสมกันนะคะ ตามหนังสือ บาลูกับบากีร่าช่วยกันรับรองเมาคลีให้เข้าฝูงหมาป่า บาลูรับเป็นครูสอนกฎแห่งป่า บากีราซื้อชีวิตเมาคลีไม่ให้ตกไปอยู่ในเมือเชียร์คานด้วยวัวที่ล่ามาได้ เสือดำกับหมีช่วยกันเลี้ยงเด็กมาแต่แรก แต่ในหนังดิสนีย์ เมาคลีมาเจอบาลูทีหลังค่ะ //ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ ^^

Reply · Report Post