Married in Blue: D.I. Faye & Dr. Faulkner หมอกับสารวัตร modern au กันอีกนิด ^^


“ผมไม่คิดว่าจะได้เจอหมอที่นี่” ผมบอก ดร. โทเบียส ฟอล์กเนอร์ระหว่างที่ขับรถสโกดาออคตาเวียออกจากสถานีตำรวจเซาธ์วอร์ค ที่ผมจอดรถฝากเอาไว้ และอาสาที่จะขับไปส่งเขาที่ WHRI หรือ สถาบันวิจัยวิลเลียม ฮาร์วีย์ มหาวิทยาลัยควีนแมรี่แห่งลอนดอน (Queen Mary University of London - QMUL) ซึ่งเป็นที่ตั้งของภาควิชานิติวิทยาศาสตร์และพยาธิวิทยา ที่ทำงานของเขา เพราะเขาเดินทางมาศาลด้วยแท็กซี่ เพื่อความรวดเร็วและไม่หลงทาง


เราพบกันโดยบังเอิญตรงเฉลียงทางเดินของศาลคราวน์คอร์ท เขาเป็นฝ่ายสังเกตเห็นและทักผมก่อน ซึ่งอาการดีใจและแสดงความเป็นมิตรอย่างเปิดเผยของเขาดูจะทำให้เฮอร์เบิร์ต มัลลิแกน อัยการในคดีที่เขาเบิกความในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญอ้าปากค้างด้วยความไม่คาดคิด แต่เมื่อสังเกตจากบรรยากาศระหว่างตัวอัยการและพยานในวันนี้ ผมคิดว่าเพื่อนของผมคนนี้คงทำให้ลูกขุนประทับใจอยู่ไม่น้อย และให้ปากคำที่เป็นผลดีกับฝ่ายโจทก์มากกว่าจำเลย


เขาดูแปลกตาอยู่ไม่น้อยในชุดสูทสีเทาเข้ม เสื้อเชิ้ตขาว และเนคไทสีฟ้า เพราะตามปกติแล้ว เขามักจะไม่สวมสูท แต่ใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีน และสวมคาร์ดิแกนหรือสเวตเตอร์เป็นบางครั้ง เพราะสะดวกกับการทำงานของเขามากกว่า ผมยอมรับว่า ตัวเองมองเขาอยู่นาน ก่อนที่จะรู้ตัวว่า เขาเองก็กำลังมองผมที่แต่งตัวเรียบร้อยกว่าปกติ และใส่เสื้อผ้าโทนสีเดียวกันอยู่ด้วยเช่นกัน


“นั่นสิครับ ผมกำลังคิดว่าจะกลับแท็กซี่หรือบัสอยู่ ก็เจอสารวัตรพอดี” โทบี้ ฟอล์กเนอร์ยิ้มรับ “สารวัตรแวะส่งผมที่ชานเซอรี่เลน แล้วกลับบ้านเลยก็ได้นะครับ เพราะวิทยาลัยมันไปคนละทางกับฟลีตสตรีท พรุ่งนี้ ผมค่อยไปเอาตำราที่ยืมมาจากห้องสมุดตอนเช้าก็ได้ คืนนี้ก็ทำงานอื่นไปก่อน”


“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้รีบร้อนอะไร แค่คิดว่าหลังจากจมอยู่ในห้องพิจารณาคดีทั้งวัน ผมควรหาอะไรดื่ม และถ้ามีเพื่อนดื่มด้วยก็คงจะดี” ผมว่า พร้อมเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับ “หมอว่างหรือเปล่า ผมคิดว่าจะไปคาเฟ่บีโลว์ที่ชีพไซด์ ครึ่งทางของควีนแมรี่กับบ้านเราพอดี”


แพทย์นิติเวชนิ่งคิดอยู่ไม่นาน ก็พยักหน้าตกลงอย่างง่าย ๆ “แสดงว่ามีเรื่องให้ฉลองเหรอครับ”


“หืม หมอหมายความว่าไง” ผมเหลือบตามองเขานิดหนึ่งก่อนขับรถขณะขับรถข้ามแม่น้ำเทมส์จากเซาธ์
วอล์ก และตรงไปยังฝั่งอีสต์เอนด์ของลอนดอน


ข้อสังเกตของเขาน่าสนใจ เพราะวันนี้ผมรู้สึกว่ามันเป็นวันที่ดีควรค่าแก่การหาเรื่องฉลองจริง ๆ


“คาเฟ่บีโลว์มีชื่อเสียงเรื่องอาหารชุดสำหรับ Private Dining กับไวน์ดีและไม่แพงมาก ถ้าซื้อทั้งขวด คำว่าดื่มของสารวัตรไม่น่าจะหมายถึงเบียร์แน่ ๆ” โทบี้ ฟอล์กเนอร์บอกยิ้ม ๆ “อีกอย่าง ตั้งแต่เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญในศาลมา น้อยครั้งมาก ที่ผมจะเห็นตำรวจเดินอารมณ์ดีออกมาจากห้องพิจารณาคดี ในขณะที่ทนายจำเลยเดินหน้าบูดออกมาแบบนั้น”


คำอธิบายของเขาทำให้ผมหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อนึกภาพทนายจำเลยขึ้นมาอีกครั้ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นทนายจำเลยมือเก๋าที่เคยอัดเพื่อนร่วมงานของผมเละคาคอกพยาน ซักค้านผมเหมือนทนายที่เพิ่งว่าความเป็นครั้งแรกและถูกผู้พิพากษาเตือนและรับค้านจากพนักงานอัยการไปหลายรอบ มันเป็นความสะใจอย่างประหลาดที่ได้เห็นเขาในสภาพแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ชอบที่เขาทำหน้าที่ทนายจำเลยชนิดกัดไม่ปล่อยได้เสมอต้นเสมอปลายดี เพราะพยานหลักฐานทุกอย่างของเราชี้นิ้วไปที่จำเลยชนิดที่ไอ้หมอนั่นดิ้นไม่หลุด และเขาก็สู้จนถึงที่สุดแล้ว


“ทางหมอเองก็เถอะ การเบิกความเป็นพยานคงจะราบรื่นดี เพราะผมเห็นอัยการยิ้มร่าออกมาขนาดนั้น ลูกขุนคงจะเข้าข้างฝ่ายโจทก์มากกว่าจำเลย เท่าที่จำความได้ เดียน่า ทเวธส์ได้ชื่อว่า เป็นคนจุกจิกเรื่องการเลือกลูกขุนมากที่สุด”


“ไม่ใช่แค่ลูกขุนอย่างเดียว แต่เป็นทุกรายละเอียดที่อาจมีผลกับลูกขุนเลยละ ผมว่า”


แพทย์นิติเวชโคลงศีรษะไปมาด้วยอารมณ์ขันปนรำคาญ แต่ไม่ได้หงุดหงิดที่ความเป็นส่วนตัวถูกกระเทือนมากนัก ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับคดีของเธอ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะทเวธส์เป็นคนเก่ง มุ่งมั่น และหัวรั้นแบบเดียวกัน เขาเลยยอมอ่อนข้อให้ และเธอเองก็เก่งพอตัวที่รู้ว่าจะทำให้เขายอมรับได้อย่างไร


“เธออุตส่าห์โทรมาหาผมตอนเจ็ดโมงเช้าเพื่อที่จะย้ำเรื่องการแต่งตัวให้เรียบร้อยสมเป็นนักวิชาการ ซึ่งผมไม่รู้ว่า มันช่วยได้จริงหรือเปล่า ในเมื่อผมต้องอธิบายกระบวนการแอดิโพเซียร์ หรือ กระบวนการที่ไขมันในร่างกายแปรสภาพทำให้ศพกลายเป็นสบู่มนุษย์ จนศาลต้องพักการพิจารณาสิบห้านาที เพราะเห็นลูกขุนกับผู้นั่งฟังการพิจารณาเริ่มทนไม่ไหว”


“นั่นไม่ใช่อะไรที่ผมอยากฟังหลังจากทานอาหารกลางวัน หรือก่อนมื้อเย็นแน่ ๆ” ผมออกความเห็น “ผมไม่ได้ทำคดีนั่น แต่เท่าที่ฟังจากพีท เอเฮิร์นสารวัตรเจ้าของคดี ฆาตกรในคดีนั้นควรได้รางวัลอิกโนเบลจากความพยายามทดลองทำสบู่มนุษย์แล้วได้ผลเหมือนเดิมทุกครั้ง”


ความเห็นของผมทำให้โทบี้ ฟอล์กเนอร์ที่นั่งฟังอยู่หลุดหัวเราะพรืดใหญ่ ก่อนจะกล่าวขอโทษ


งานของเราสองคนไม่มีอะไรที่น่ารื่นรมย์ ศพสารพัดรูปแบบเป็นส่วนหนึ่งในนั้น การมองดูและพูดถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยความเคยชินอาจเป็นเรื่องน่ากลัว และอาจเป็นเรื่องชวนขนลุกยิ่งขึ้น ถ้าพวกเขารู้ว่า เรายังสามารถใช้ชีวิตปกติต่อไปได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอนหลับกินอาหารได้เหมือนไม่รู้สึกรู้สมอะไร อย่างไรก็ตาม การที่เรายังหัวเราะกับเรื่องเหล่านี้ได้ บางครั้ง ก็เป็นแค่การระบายหรือปลดปล่อยความเครียดจากการทำงานเหล่านี้อย่างหนึ่ง


“ผมเพิ่งเห็นว่า วันนี้ สารวัตรสวมแหวนแต่งงาน” เขาทักขึ้น เมื่อหยุดหัวเราะได้ และเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากที่ผมเลี้ยวเข้าถนนอัลลี่สตรีทที่จะผ่านไปทางไวท์ชาเพล


คำพูดของเขาทำให้ผมอดมองแหวนทองเกลี้ยงที่สวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของผมเองไม่ได้... เขาพูดถูก ผมสวมแหวนแต่งงานของผมกับแมรี่ ภรรยาที่จากไปเมื่อสิบปีที่แล้วไปศาลจริง ๆ


“หมอจะเรียกว่า ที่พึ่งทางใจก็ได้” ผมตอบเขาตามความรู้สึกของตัวเอง “ผมใส่แหวนแต่งงานทุกครั้งที่ไปศาล มันทำให้ผมรู้สึกว่า ผมไม่ได้สู้อยู่ตัวคนเดียว... แต่มันอาจเป็นผลทางจิตวิทยากับลูกขุนที่ทำให้พวกเขาฟังผมด้วยก็ได้”


ดร. ฟอล์กเนอร์เลิกคิ้วน้อย ๆ หันมามองผมนิดหนึ่งด้วยท่าทีสนใจ


“จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เวลาที่ลูกขุนเห็นผมสวมแหวนแต่งงาน พวกเขาก็จะรู้สึกว่า ผมเองก็เป็นสามี เป็นพ่อเหมือน ๆ กับพ่อของเหยื่อ สามีของเหยื่อ หรือทำงานอย่างเข้าใจคนในครอบครัวที่สูญเสียด้วยเหมือนกัน...” ผมยิ้ม “ที่ทเวธส์จ้ำจี้จ้ำไชให้หมอแต่งตัวเนี้ยบ ๆ ก็ด้วยเหตุผลอย่างนี้ อย่างน้อยมันก็ช่วยด้านความรู้สึกของคนฟังได้ เธอตาถึงนะ ที่เลือกโทนสีฟ้าให้หมอ”


และเธอคงสนุกด้วยที่ได้โอกาสจับเขาแต่งตัว แล้วหนุ่มเนิร์ดที่ขึ้นชื่อว่าเก็บเนื้อเก็บตัวที่สุดคนที่ว่าก็ดันยอมเสียด้วยสิ เธอคงนับเป็นชัยชนะครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ยิ่งกว่าชนะคดีซะอีก... ผมนึกในใจ แต่ไม่ได้พูดออกมาให้เขาได้ยิน


“ผมควรต้องขอบคุณเธอสินะ” เขาทำเสียงหึในลำคอ ซึ่งใกล้เคียงกับเสียงหัวเราะมากกว่าประชด “ตอนแรก ผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า ตัวเองต้องไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวหรือพยานผู้เชี่ยวชาญกันแน่ ที่ยอมเธอ เพราะความอยากรู้อยากเห็นคำเดียวจริง ๆ”


คนที่นั่งข้างผมหยุดพูดนิดหนึ่ง ก่อนยิ้มออกมา “แต่ผมไม่คิดว่าสารวัตรเลือกใส่สีฟ้าด้วยเหตุผลเดียวกัน”


เป็นอีกครั้งที่เขาพูดถูก ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาสังเกตเห็นอะไรจากตัวผมที่ทำให้เขาคิดอย่างนั้น


“วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของผมกับแมรี่” ผมบอก “มันแปลกดีเหมือนกันนะ วันแต่งงาน เธอเลือกสวมชุดสีขาวแซมด้วยฟ้าอ่อน และใช้ธีมสีน้ำเงิน แต่สีนั้นก็เหมาะกับเธอดี”


“Married in White, You have chosen right. Married in Blue, Your lover is true.”


โทบี้ ฟอล์กเนอร์ท่องประโยคที่เป็นคำคล้องจองเหล่านั้นออกมา “เป็นความเชื่อเรื่องโชคลางเกี่ยวกับสีของชุดแต่งงานของคนสมัยก่อนน่ะครับ... ก่อนที่คนจะนิยมสวมชุดขาวในพิธีแต่งงานตามควีนวิคตอเรีย เจ้าสาวจะสวมชุดที่ดีที่สุดของตัวเองหรือชุดที่ใส่ไปโบสถ์ในงานแต่งงาน”


ผมไม่รู้ว่า คนอื่นตีความหมายของคำว่า ‘รักแท้’ ว่าอย่างไร ผมคิดแค่ว่า ตัวเองโชคดีที่มีผู้หญิงที่ฉลาดกว่าผมและเข้าใจผมอย่างแมรี่ยอมมาใช้ชีวิตกับคนอย่างผม สิ่งเดียวที่ผมต้องการจากเธอ คือ ผมอยากอยู่กับคนที่ผมรักไปให้นานที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ หรือจนกว่าเธอจะเลิกรัก และไม่อยากอยู่กับผมแล้วก็เท่านั้นเอง


แมรี่ไม่เคยบอกว่า ผมเป็นรักแท้ของเธอ สิ่งที่เธอบอกกับผม หลังตอบรับคำขอแต่งงานแบบทื่อ ๆ ระหว่างนั่งกินฟิชแอนด์ชิปกับหอยแมลงภู่อบไวน์ขาวหม้อใหญ่ในแม็กพายคาเฟที่วิทบี้ คือ ก่อนที่เราจะได้พบกัน เธอไม่เคยเจอคนที่ใช่ และวางตัวแบบเพื่อนกับผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ จนหลายคนเลือกที่จะถอยหนีมากกว่าจะเดินหน้าความสัมพันธ์ให้ไปไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อน จนกระทั่งเธอไม่คิดว่า เธอจะมีโอกาสได้ยินคำคำนี้จากใคร ไม่คิดว่าจะมีผู้ชายหน้าไหนกล้าชวนเธอออกเดทอีกแล้ว แต่จู่ ๆ ก็มีผมเข้ามาในชีวิตของเธอ และทำให้เธอสบายใจที่จะอยู่ด้วย ผมเป็นคนแรก และเธอหวังว่าผมจะเป็นคนเดียวและคนสุดท้ายของเธอในชีวิต


เธอไม่ได้ร้องไห้ด้วยความตื้นตันปลาบปลื้มเหมือนที่นางเอกในหนังทำตอนที่พระเอกขอแต่งงาน แต่ก็ยิ้มไปทั้งวัน ส่วนผมไม่ได้สวมแหวนที่เตรียมมาให้เธอในตอนนั้น เพราะตอนนั้น เปลือกหอยแมลงภู่กองอยู่เต็มโต๊ะ และมันคงไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าผมจะสวมแหวนให้ทั้งที่มือยังเปื้อนน้ำมันจากมันฝรั่งทอด จากนั้น ช่วงเดือนมิถุนายนปีถัดมา เราก็แต่งงานกัน


ผมให้เธอจัดการทุกอย่างตามที่เธอพอใจ เธอไม่เคยบอกเหตุผลว่า เพราะอะไรเธอถึงเลือกใช้สีขาวและฟ้าแทนที่จะเป็นสีขาวล้วนอย่างที่เจ้าสาวคนอื่น ๆ เลือกใช้กัน ผมรู้แค่ว่าเธอสวยมาก ภาพของเธอที่ถือช่อไฮเดรนเยียสีฟ้าแซมขาวคล้องแขนกับพ่อของเธอมาตามทางเดิน ก่อนที่เขาจะส่งมือเธอให้ผม เป็นภาพที่ผมยังจดจำได้เสมอว่า ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดช่วงหนึ่งของเราสองคนมีหน้าตาเป็นอย่างไร


แมรี่จากผมไปสิบกว่าปี และผมไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับใครมานานมากแล้ว ผมไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังสักเท่าไหร่ นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมพูดถึงวันที่ผมแต่งงานกับแมรี่ให้คนอื่นฟังเยอะขนาดนี้


ดร. ฟอล์กเนอร์รับฟังมันด้วยรอยยิ้ม ไม่มีคำพูด ไม่มีความเห็นอะไรทั้งสิ้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมคาดหวังได้จากเขา และเป็นเหตุผลที่ผมอยากเล่าเรื่องที่ผมไม่คิดจะเล่ากับใครให้เขาฟัง


“สมัยวิคตอเรียน มีคนให้ความหมายของดอกไม้แต่ละชนิดเอาไว้” เขาเอ่ยขึ้นหลังผมเรื่องของผมจบ “ดอกไฮเดรนเยีย มีทั้งความหมายในทางที่ดีและไม่ดี...”


เขาโบกมือตอบเพื่อนร่วมงานที่โบกมือขอบคุณที่เราจอดรถให้เดินข้ามถนน ระหว่างที่พูดโดยไม่ได้หันมามองหน้าผม “ความหมายในทางลบ คือ ความเย็นชา ไม่เป็นมิตร หรือไม่สนใจในเรื่องรักใคร่”


“ส่วนความหมายในทางที่ดี... ไฮเดรนเยีย มีความหมายว่า ความเข้าใจ หรือ ขอบคุณที่เข้าใจกัน” เขาเอ่ยต่อหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง “เท่าที่ผมฟัง... เธออธิบายทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเธอเอง เกี่ยวกับสารวัตร ความรักและความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสารวัตรในงานแต่งงานที่สารวัตรวางใจให้เธอเป็นคนดูแลได้ครบถ้วนเลยละครับ”


ริมฝีปากของเขาคลี่ออกเป็นรอยยิ้ม ขณะหันหน้ามาหาผม


“มันอาจฟังดูไม่เหมือนคำพูดที่ออกจากคนแบบผมสักเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่า ผมเข้าใจความหมายของคำว่า ‘รักแท้’ ขึ้นมาบ้างนิดหน่อย”


นั่นเป็นวิธีบอกสิ่งที่ตัวเองคิดแบบอ้อม ๆ และผมก็รู้ว่า เขาไม่ได้เข้าใจแค่ ‘นิดหน่อย’ อย่างที่ปากพูด


ตลอดเวลาที่เล่าเรื่องของแมรี่ให้เขาฟังและฟังเขาเฉลยความหมายเบื้องหลังของสิ่งที่เธอทำ ความรู้สึกหลายอย่างอัดแน่นอยู่ในอก ดวงตาผมร้อนวูบ แต่แทนที่ผมจะร้องไห้ ประโยคสุดท้ายของเขา ผมหัวเราะออกมาได้ในที่สุด


โชคดีที่ผมกำลังขับรถอยู่ ไม่อย่างนั้น ผมคงจะคว้าตัวเขามากอดแทนคำขอบคุณที่ทำให้วันครบรอบแต่งงานของผมในวันที่ไม่มีแมรี่อยู่ด้วยอีกต่อไปแล้วมีความหมายยิ่งกว่าวันไหน


“ขอบคุณมากนะ หมอ”


โทบี้ ฟอล์กเนอร์ยิ้มตอบ โดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไร และชี้บอกให้ผมเอารถไปจอดที่ถนนเทอร์เนอร์สตรีท เพื่อที่เขาจะได้เดินเข้าไปเอาหนังสือและเอกสารที่ทิ้งไว้ที่โรงเรียนแพทย์


ผมมองเขาจนลับสายตาไป และอดไม่ได้ที่จะมองแหวนแต่งงานบนนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเองอีกครั้ง


บอกไม่ถูกว่า ตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไร ผมบอกได้แค่ว่า มันเป็นความรู้สึกที่ดี ไม่ใช่ความรู้สึกที่ไม่ดี


นี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี ที่ผมไม่ต้องฉลองวันครบรอบแต่งงานของผมกับแมรี่ตามลำพัง ถึงแม้คนที่นั่งดื่มอยู่ด้วยกันจะไม่ใช่เธอก็ตาม...



============================ END ============================

Reply · Report Post