[OS] #dmbjdaily (5.20) I.... [พานเสีย] @dmbjonly


เป็นตอนต่อของอันนี้ค่ะ

[OS] คุณครูกับนักเรียน [พานเสีย]
http://www.twitlonger.com/show/n_1slnghe

กาวมากค่ะ ฮืออออ ทำอะไรลงไป


**************************************


“ไอ...ไอ....”


ผมนั่งเขียนรายงานอยู่บนโต๊ะ ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงพึมพำวนไปวนมาของคนที่เก็บของอยู่ข้างหลัง


วันนี้อาสามกับพี่พานพึ่งกลับมาจากลงกรวย ก็เลยเอาของมาเก็บที่บ้าน ถึงคนที่ขนของจะมีแต่พี่พาน ส่วนอาสามขึ้นห้องไปพักแล้วก็เถอะ


พี่พานนั่งคุ้ยกล่องโน้นกล่องนี้อยู่ตรงข้างห้องมาร่วมสิบนาทีแล้ว ตอนแรกผมนึกว่าเขาจัดของอยู่ แต่ได้ยินเสียงพึมพำ ไอ ไอ ก็เลยแอบเหลือบไปดูเป็นระยะ


...ที่จริงแล้วเฮียแกไม่ได้จัดของแล้วนี่หว่า...


ไม่รู้ว่าพี่พานทำอะไร แต่ผมจะยอมตามน้ำไปก่อนก็แล้วกัน









“นายน้อย...”


ในที่สุดการรอคอยของผมก็สิ้นสุดลง ผมเอี้ยวตัวหันไปมองพี่พานที่มายืนอยู่ข้างหลัง


“มีอะไรเหรอพี่พาน”


พี่พานทำหน้าตาลำบากใจมาก เขามองผมด้วยสายตาจริงจังจนผมแอบหวั่นๆ


..พี่พานกำลังจะบอกอะไรผม คงไม่ใช่ I am gay นะ...


“ไอ......อ ไอ......”


ผมจับพนักเก้าอี้แน่นอย่างลุ้นๆ พี่พานจะพูดอะไรกันแน่


.


.


.


.


.


.


“อ ไอ...........ไอ แอม ฮังกรี่!”


บังเกิดความเงียบระหว่างเราสองคนเมื่อพี่พานพูดจบ ผมกระพริบตาปริบๆ ทวนคำเมื่อกี้ในใจอีกที


I am hungry.....


“อ่า...นี่ก็เที่ยงแล้ว นายน้อยหิวรึยัง เดี๋ยวผมไปเอาข้าวมาให้นะ”


พี่พานพูดรัวเร็ว เสร็จแล้วก็เดินไปเลยโดยไม่รอคำตอบของผม


ผมได้แต่เกาหัวแกรกๆ อะไรหว่า....คือพี่พานหิวงั้นเหรอ แต่อยากชวนผมกินข้าวด้วยกันเป็นภาษาอังกฤษเลยใช้เวลาทวนอยู่นานมาก


.........พี่พานนี่ช่างเป็นคนที่มีความพยายามสูงมากจริงๆ













“ไอ.....ไอ.....”


...เอาอีกแล้ว...


ผมเงี่ยหูฟังเสียงพึมพำของพี่พานที่นั่งกางหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา


ไม่ต้องเดาผมก็รู้ว่าพี่พานไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์อยู่แน่ๆ คราวนี้จะไออะไรนะ...


ผมนั่งพิมพ์งานอีกซักพักก็ได้ยินเสียงเรียก


“นายน้อย...”


“อือหึ”


ผมละสายตาจากหน้าจอ เงยหน้ามองพี่พานที่มายืนอยู่ข้างๆ


“ไอ.....อ ไอ.....”


ผมตั้งหน้าตั้งตารอฟัง ลุ้นมากว่าพี่พานจะพูดอะไร


.


.


.


.


.


.


“ไอ ว้อน ทู สลีบ!”


“.......”


เป็นอีกครั้งที่ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ


I want to sleep.....


“พี่นอนบนโซฟาก็ได้นะ ไม่มีใครว่าหรอก พี่พึ่งกลับมาคงจะเหนื่อยมาก”


พี่พานมองหน้าผมอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินไปนอนบนโซฟาตามที่ผมบอก


......ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า เหมือนจะเห็นสีหน้าเสียใจของพี่พานแวบหนึ่ง


หรือว่าพี่พานอยากให้ผมชม เขาอุส่าไปหาประโยคพวกนี้มาโดยที่ผมไม่ได้สอนนี่นะ.....


ผมทุบมือตัวเองอย่างหมายมั่น คราวหน้าจะต้องไม่ลืมพูด!














“ไอ.......ไอ.....”


...พี่พานรีบๆมาพูดนะผมจะหลับแล้ว...


ผมนั่งเล่นอยู่กับเจ้าหมาตัวโตบนระเบียงบ้าน ที่จริงผมง่วงมากแล้ว แต่เห็นว่าพี่พานเตรียมจะพูดอะไรอีกรอบเลยพยายามตื่นรอ


“นายน้อย”


“อ่าหะ”


ผมตอบรับโดยไม่หันไปมอง รอบที่สามแล้วเลยไม่รู้สึกตื่นเต้นอีก


“นายน้อยครับ”


“อือหึ”


สุดท้ายผมก็ต้องหันไปหาพี่พานอย่างเสียไม่ได้ เสียงออกจะเริ่มหงุดหงิดหน่อยๆเพราะผมรอนานแล้ว แถมยังง่วงด้วย


“ผมขอโทษจริงๆที่รบกวนเวลา....คิดว่าคุณอาจจะไม่อยากฟังแล้ว จะลืมๆมันไปก็ได้....”


ผมเอียงคอมองพี่พาน บิ้วซะดราม่าขนาดนี้ถ้าพี่พูด I am sick ขึ้นมาผมจะขำดีไหม


พี่พานสูดหายใจเข้าลึกเหมือนรวบรวมความกล้า ผมคิดว่าคงต้องรออีกซักนาทีเลยปิดปากหาวแล้วขยี้ตารอพลางๆ


“ไอ เลิฟ ยู”


.


.


.


.


.


.


.


.


.................ห๊ะ?


ผมเบิกตาโพลง มองพี่พานที่หูแดงไปหมดตาค้าง


อะไรนะ เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไรนะ?


“น นั่นแหละที่ผมอยากจะพูด นายน้อยคิดซะว่าเป็นเสียงหมาเห่าก็แล้วกัน”


“เดี๋ยว!”


ผมรีบดึงขากางเกงพี่พานไว้ก่อนที่เขาจะเดินหนีไป สมองสั่งให้ผมโพลงประโยคหนึ่งออกไปทันที


“ไอ เลิฟ ยู ทู!”








เราสองคนจ้องตากันอยู่อย่างนั้น ผมมองหน้าพี่พานที่แดงแจ๊ด และคิดว่าหน้าตัวเองตอนนี้ก็คงไม่ต่างกันมากนัก


สุดท้ายเป็นผมเองที่ทนไม่ไหวก่อน ลุกขึ้นวิ่งหนีกลับห้องตัวเองไป


ปิดประตูห้อง ลงกลอน แล้วเข่าอ่อนทรุดนั่งอยู่ตรงนั้น


บ้าจริงอู๋เสีย! บ้าๆๆๆๆ พี่พานก็บ้าด้วย!


I love you อะไรกัน....ฮึ่ยยยยย


ผมปิดหน้าบิดไปบิดมาอยู่ตรงประตูเหมือนคนบ้า


ก๊อกๆๆ


ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ในใจคิดว่าคงเป็นอารองมาตามไปกินข้าวเย็นเลยรีบเปิดประตูแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง


“....นายน้อย”


เป็นพี่พาน.......


“ม มีอะไรเหรอพี่พาน”


ผมรู้สึกกระสับกระส่ายมาก ไม่กล้ามองหน้าพี่พานเลยเฉไฉมองกำแพง มองประตู มองนกมองไม้


แต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมพูดอะไรซักที สุดท้ายผมเลยอดไม่ได้ที่ต้องหันกลับมามองตรงๆอีกครั้ง


และพี่พานก็รอจังหวะนี้อยู่


“ไอ เลิฟ ยู”


ผมมองรอยยิ้มอ่อนโยนของพี่พานแล้วได้แต่โวยวายในใจ


พี่พานคนบ้า พี่พานคนขี้โกง เดินมาพูดอีกครั้งด้วยสายตาอย่างนี้ ขี้โกงที่สุด


แล้วจะให้ผมทำอะไรได้อีก








“พี่พานแย่ที่สุด.......ไอ เลิฟ ยู ทู.....”



ทีนี้ผมจะกล้าไปฟ้องอาสามได้ยังไงว่าพี่ฉวยโอกาสหอมแก้มผม!





END


*************************************************


แงงง โดนพี่พานตีแรงมาก

Reply · Report Post