[AU] กลับดึก (ผิงเสีย)



เพราะต้องเร่งสรุปรายงานประจำไตรมาศแรก ทำให้ช่วงนี้ผมต้องอยู่ดึกถึงขั้นปิดออฟฟิศเองทุกวัน


สถานีรถไฟฟ้าสุดสายก่อนถึงปากซอยเข้าบ้านประมาณ 500 เมตร เดินเข้าซอยไปอีกราวๆ 500 เมตร รวมระยะทางแล้วผมต้องเดินไกลเกือบกิโล

ถ้าเป็นตอนกลางวันฟ้าสว่างคนเยอะแยะก็ไม่เท่าไหร่หรอก เดินดูนั่นดูนี่ไปมาแป่บๆก็ถึง แต่พอเลยเที่ยงคืนแล้วมัน..ผมกอดกระเป๋าเอกสารแน่น มองเส้นทางมืดมิดที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า ยิ่งเห็นว่ามีเพียงทางโล่งๆและหลอดไฟกระพริบติดๆดับๆเป็นเพื่อนร่วมทางยิ่งใจแป้ว


ที่จริงแล้ว ผมก็ไม่ได้เด็กน้อยถึงขั้นกลัวความมืดอะไรหรอกนะ เพียงแต่พักหลังๆมานี้ ไม่รู้ว่าทำงานดึกจนเบลอแล้วหลอนไปเองรึเปล่า แต่ผมรู้สึกแปลกๆคล้ายมีใครสักคนคอยมองอยู่ตลอดเวลา สายตานั้นมักตามติดมาตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้า จำเพาะว่าต้องเป็นคืนที่ผมกลับดึกๆคนเดียวด้วย

'สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าภูติผี คือใจคน'

คำสอนของปู่ดังย้ำขึ้นมาในห้วงความคิด มัน..มันก็จริงนะ แต่ถ้าเป็นตอนนี้จะคนจะผีผมก็กลัวทั้งนั้นแหละ!!


เอาวะ สู้ตาย!!


ผมปลุกปลอบกำลังใจตัวเองหลับหูหลับตาเดินไป จิตใจจดจ่อ มองตรงไปแต่ข้างหน้า ไม่วอกแวก ไม่หวั่นไหว แค่ห้าร้อยเมตรก็จะถึงปากซอยเข้าบ้านแล้ว ตรงนั้นมีป้อมตำรวจอยู่ ถ้าเกิดมีไอ้บ้าโรคจิตสักคน หรือผีสักตัวโผล่มาผมค่อยไปขอความช่วยเหลือจากเขาก็ได้


พูดถึงจางฉี่หลิงคุณตำรวจที่ป้อมเล็กๆนั้น ได้ข่าวว่าแต่ก่อนเขาคนนี้เป็นนายตำรวจอนาคตไกลจากเมืองหลวง จบจากโรงเรียนนายร้อยด้วยคะแนนยอดเยี่ยม แต่ไม่รู้ไปเหยียบตาปลาผู้ใหญ่คนไหนเข้า เลยถูกแป๊กขั้น แถมเด้งมาประจำอยู่ที่ป้อมบ้านนอก ไร้หนทางก้าวหน้าโดยสิ้นเชิง

เจอกันครั้งแรกตอนที่เขาย้ายมาอยู่อพาร์ทเม้นท์ห้องข้างๆ ผมที่โต้รุ่งจนสว่างคาตากำลังสะลืมสะลือได้ที่ กะจะออกไปสูบบุหรี่นอกระเบียงแก้ง่วงก่อนไปทำงาน เปิดประตูระเบียงออกไป พอดีกับที่ลมแรงพัดมาวูบหนึ่งพอดี


พร้อมกางเกงในลายลูกเจี๊ยบที่ลอยมาแปะกลางหน้าผาก


ผมตาสว่างทันที จู่ๆก็มีแจ็คพ็อตลอยมากระแทกหน้า เป็นใครก็ต้องตาสว่าง มือหยิบของกลางออกจากหน้าผาก แล้วก็ต้องตะลึงซ้ำสอง เมื่อสบตากับคนแปลกหน้าจากระเบียงข้างๆ

หน้าตาแบบหมอนี่มัน..จะว่ายังไงดี มันดูดีเกินกว่าจะอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เล็กๆแบบนี้ ใบหน้าได้รูป ประกอบด้วยเครื่องหน้าเหมาะเจาะ ผิวขาวละเอียด ล้อมกรอบด้วยเรือนผมสีดำสนิทที่สะท้อนแสงแดดยามเช้าเป็นประกายสวย ถูกไว้เป็นหน้าม้ายาวจนปกคลุมดวงตาบางส่วน แต่ไม่อาจปกปิดออร่าความหล่อกระแทกตาได้


ดารา? นายแบบ? นักร้อง? ดูจากหน้าตาละอ่อนแนวบอยแบนด์นี่ คงเพิ่งจะเข้าวงการเลยมาอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าถูกๆไปพลางๆระหว่างรอสร้างเนื้อสร้างตัวล่ะมั้ง

ได้ยินว่าพวกนักร้องนักแสดงมักมีนิสัยอะไรแปลกๆ เช่น กลัวกระดาษ กลัวพัดลม อะไรแบบนี้ ถ้าคิดเช่นนั้นก็ทำความเข้าใจกับรสนิยมการเลือกกางเกงในของหมอนี่ได้

พอความคิดหมุนมาหยุดถึงตรงนี้ ผมก็พลันนึกได้ว่ายังกำกางเกงในของคนข้างห้องเอาไว้ ถึงมันจะแห้งดีแล้วก็เถอะ แต่พอนึกว่าเป็นกางเกงในที่ผ่านการใช้โดยคนอื่นมาแล้วก็พาให้ผมขนลุก


"อะ..ขะ..ของคุณ เอาคืนไป"

ผมหลับหูหลับตายื่นของคืน พ่อดาราหน้านิ่งยื่นมือออกมารับด้วยสีหน้าเฉยสนิทจนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก ตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นว่านิ้วมือของเขา มีสองนิ้วที่ยาวกว่านิ้วอื่นเป็นพิเศษ

เผลอจ้องนิ้วของเขานานไปหน่อย รู้สึกว่าตัวเองเสียมารยาทเลยรีบชักสายตากลับ ไม่นึกว่า เขาเองก็กำลังมองผมอย่างพินิจพิจารณาเหมือนกัน

“...”

“...”

จุดมาก็จุดตอบครับ เห็นเขาเหมือนมีเรื่องจะพูดแต่ไม่พูดอะไร ผมที่กำลังจะอ้าปากถามก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าจากมือถือที่ตั้งปลุกไว้พอดี สายแล้ว!

สุดท้ายก็พยักหน้าให้เป็นเชิงบอกลา แล้วผลุบเข้าห้องอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปทำงาน


หลังจากฉากการพบกันอันตราตรึงด้วยลูกเจี๊ยบ ผมที่พยายามหลีกหนีจากระเบียงที่มีคนข้างห้องอยู่ ก็ได้พบเขาอีกครั้งในสองอาทิตย์ถัดมา

อย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าปากทางเข้าอพาร์ทเม้นท์ที่ผมอาศัยอยู่ ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าประมาณ 500 เมตร ตอนกลางวันเรียกได้ว่าเป็นย่านชุมชนเชียวล่ะ วันไหนเลิกงานตามเวลาปกติ เดินเบียดลงมาจากขบวนรถไม่พอ ยังต้องลงมาเบียดคนต่อบนถนน กว่าคนจะซาก็ตรงปากซอยที่ว่าน่ะแหละ

เห็นความแตกต่างตรงนี้มั้ยครับ จากเดินๆอยู่คนพลุกพล่าน ดันกลายเป็นทางเปลี่ยว ชัยภูมิที่ดีสำหรับพวกมิจฉาชีพเลย


วันนั้นผมเลิกงานตามปกติ เดินลงจากรถไฟฟ้ามาก็นึกขึ้นได้ว่ากระดาษทิชชู่ที่ห้องใกล้หมดแล้ว ไหนๆก็นึกขึ้นได้แวะร้านสะดวกซื้อเลยดีกว่า ผมล้วงกระเป๋าตังออกมา และตอนนั้นแหละครับที่เป็นนาทีชีวิต

มือหยาบกร้านคู่หนึ่งพลันยื่นมาจากไหนไม่รู้ คว้าของจากมือผมหมับ แล้วออกวิ่ง


เชี่ย! นั่นเงินก้อนสุดท้ายก่อนสิ้นเดือน!!

ผมตาลีตาเหลือกวิ่งตามไอ้โจรวิ่งราวนั่นไปพลาง แหกปากร้องตะโกนไปพลาง จนปัญญาที่เวลาออกกำลังกายต่อปีของผม น้อยกว่าจำนวนบรรทัดเฉลี่ยในการอ่านหนังสือของคนประเทศหนึ่งเสียอีก วิ่งได้ไม่ถึงร้อยเมตรดีก็หอบจนซี่โครงบาน แล้วดูนั่น! ถ้าไอ้โจรนั่นเลี้ยวมุมตรงนั้นไปก็จะเข้าย่านชุมชนของจริง คนเป็นมดขนาดนั้นหมดปัญญาตามอีกแน่ๆ


ตอนนั้นเอง ที่ผมเห็นฉากอันน่าอัศจรรย์

นายคนข้างห้องราวกับปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า สองนิ้วที่ยาวเป็นพิเศษนั่น พลันคีบหลังคอเสื้อไอ้โจรวิ่งราวเอาไว้ได้ ออกแรงสะบัดข้อมือเล็กน้อย ก็ทุ่มเจ้าโจรเคราะห์ร้ายนั้นลงกับพื้นดังโครม!

แม่เจ้า! ที่ผมเห็นนั่นอะไร? วิชาสองนิ้วเคลื่อนภูผา หรือหมอนั่นกำลังถ่ายหนังกำลังภายใน แล้วผมกลายเป็นดาราจำเป็นแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว?

ข้อสันนิษฐานของผมโดนล้างหมดในเวลาต่อมา เมื่อนายลูกเจี๊ยบล้วงกุญแจมือมาสวมให้เหยื่อ(?)ที่นอนเดี้ยงอยู่ดังแกร๊ก..


ผมมองตาค้าง เดี๋ยวนะ? จะว่าไปแล้วเครื่องแบบที่หมอนี่ใส่ก็คุ้นๆอยู่ ยิ่งเดินไปจุดเกิดเหตุใกล้เข้า ยิ่งชัดเลยครับ..ตำรวจ

ที่แท้พ่อหนุ่มลูกเจี๊ยบไม่ใช่ดาราหน้ากล้องที่ไหน แต่เป็นตำรวจคนใหม่ที่ถูกย้ายมาประจำป้อมหน้าปากซอยเข้าอพาร์ทเม้นท์ผมนั่นเอง


หลังจากบุญคุณครั้งนั้น ผมจึงได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนข้างห้องบ่อยขึ้น อาจไม่ถึงขั้นว่าสนิทกัน แต่เวลาเดินผ่านป้อม คุณตำรวจหน้านิ่งนั่นก็พยักหน้าทักทายผมทุกทีแหละน่า

ด้วยความที่มีหน้าตาเป็นอาวุธ ข่าวการมาถึงของดารา--แค่ก ตำรวจคนใหม่ประจำซอย จึงตกอยู่ในความสนใจของสมาคมแม่บ้านกลางซอยพอดี ข้อมูลเกี่ยวกับหมอนั่น ผมก็อาศัยฟังๆมาจากคุณน้าแถวนี้แหละ...



ย้อนกลับมาปัจจุบัน ผมยังคงเดินอยู่บนถนนสายเปลี่ยว ความหวังเดียวตอนนี้คือขอไปให้ถึงป้อมที่จางฉี่หลิงประจำอยู่ให้ได้ก่อน สูดหายใจลึกๆแล้วก้าวต่อไป ไม่เป็นไรน่าวันนี้ยัง..

ไม่ทันขาดคำผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้า

มารดาเอ๊ยมันมาแล้ว!


ผมตัวสั่นกึกๆอย่างห้ามไม่อยู่ พยายามเร่งฝีเท้าโดยไม่สนใจเสียงประหลาดที่ไล่หลังมา หากเป็นทุกทีถ้าผมแสดงท่าทีให้รู้ตัวว่าถูกตาม เจ้าเสียงฝีเท้านั่นจะเงียบหายไปคล้ายถอยไปตั้งหลัก แต่คราวนี้แม่งเหตุการณ์ไม่ปกติ แทนที่จะหนีไหงไอ้โรคจิตนั่นดันเร่งฝีเท้าไล่ตามผมมาแทนล่ะ

เสียงฝีเท้าที่ประชิดใกล้เข้ามาจนแทบรู้สึกถึงลมหายใจ พาให้ผมปากคอแห้งผาก เรี่ยวแรงที่อ่อนด้อยกว่าเด็กประถมถูกใช้จนหมดก๊อกตั้งแต่ร้อยเมตรแรกอีกเช่นเคย

ไวเท่าความคิด มือข้างหนึ่งพลันตะปบลงบนไหล่ของผมหมับ ผมร้องหาบรรพบุรุษทั้งโคตรเหง้า ก่อนจะอาศัยพลังจากญาติผู้ใหญ่สะบัดมือนั่นออกเต็มแรง


พลังงานหมดปั๊มไม่ขึ้นของจริง ปัดออกเสร็จผมก็ล้มแปะมันตรงนั้น แต่ก็ยังดีที่อย่างน้อยยังได้เผชิญหน้ากับไอ้โรคจิตนั่น ไม่ใช่โดนใครไม่รู้เข้าข้างหลังเหมือนตะกี้

คนเบื้องหน้าผมคือชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ตัดผมสั้นเกรียน จมูกค่อนข้างโด่ง ใต้กรอบแว่นหนา คือตาทรงสามเหลี่ยม หน้าตาดูไม่จีนไม่ฝรั่ง ทั้งยังใส่ต่างหูทรงประหลาด ยิ่งทำให้คนตรงหน้าดูไม่เข้าร่องเข้ารอย


น่าสงสัยโคตรๆ!


พอเห็นผมลนลานขัดขืนขนาดนั้น ดวงตาสามเหลี่ยมก็เบิกกว้างขึ้น ก่อนเสียงกระท่อนกระแท่นจะออกจากปาก


“หละ..หละ..เหล่าอู๋ นี่ฉัน..ฉันเอง จำไม่ได้เหรอ”


ผมด่าพ่องมันไป จำได้เชี่ยไร ในใจร้องว่าแย่แล้ว ไอ้หมอนี่มันคนโรคจิตประเภทที่ชอบมโนไปเองว่าเป้าหมายรู้จักตัวเองนี่หว่า อู๋เสียนะอู๋เสีย ย้ายออกมาอยู่คนเดียวได้สองปีไม่มีเรื่องให้เดือดร้อนใจ ทำไมต้องวนมาเจอะตัวอันตรายซะช่วงนี้


“นะ..นะ..นี่นายจำฉันไม่ได้จริง..จริงเหรอ นี่..เพื่อนนาย..ซะ..เซี่ยจื่อหยางไง..ไงล่ะ” หมอนั่นพูดติดอ่างน่ารำคาญไม่พอ ยังสาวเท้าเข้ามาใกล้ผมได้อีก

“เซี่ยจื่อหยางเชี่ยไร ฉันไม่มีเพื่อนชื่อเซี่ยจื่อหยาง!” ผมกระถดตัวหนี คลานถอยหลังท่าประหลาดไม่สนมาดแม่งอะไรอีก


นายแว่นประหลาดยังไม่ละความพยายาม ยื่นมือออกมาให้ผมเหมือนจะช่วยประคองลุกขึ้น ใครจะรู้ว่าจับมือหมอนั่นกลับจะโดนพาไปทำมิดีมิร้ายที่ไหน ผมลนลานถอยหนีหนักเข้าอีก และก่อนที่มือที่ถูกผมมองเมินข้างนั้นจะเอื้อมมาถึงตัวผม ก็มีมืออีกข้างโผล่มาจับไว้

ใจผมเต้นโลดแรงขึ้นด้วยความยินดี มองเห็นสองนิ้วที่ยาวเป็นพิเศษ ไม่ต้องเห็นหน้าผมก็รู้ว่าเป็นใคร


รอดแล้วโว้ยยย!


ผมร้องในใจอย่างลิงโลด ขณะมองคุณตำรวจจัดการโจรโรคจิตแบบม้วนเดียวจบ แทบใช้เวลาไม่ถึงสามสิบวินาที เจ้าคนไม่เข้าร่องเข้ารอยก็ถูกจับล็อคกุญแจมือด้วยสภาพสิ้นฤทธิ์อย่างสิ้นเชิง


จางฉี่หลิงยื่นมือมาให้ผม คราวนี้ผมยื่นมือไปจับไว้โดยไม่อิดออด ออกแรงกระตุกนิดเดียวผมก็ถูกยกลอยขึ้นมายืนบนพื้นอย่างมั่นคงอีกครั้ง

ถ้าไม่กลัวจนแข้งขาอ่อนเกือบจะล้มพับลงไปอีกรอบอะนะ

เคราะห์ดีที่ได้คนข้างห้องประคองไว้ทันท่วงที ผมเลยไม่ต้องลงไปวัดพื้นให้ขายขี้หน้า หมอนั่นมองสำรวจผมเร็วๆหนึ่งรอบ ดูว่าไม่มีบาดแผลภายนอก แล้วจึงล้วงเอาวิทยุสื่อสารออกมาจากอกเสื้อ


“ได้ตัวแล้ว พิกัดที่xxx”

ผมที่โดนโอบไว้แบบถึงเนื้อถึงตัว พลอยได้ยินบทสนทนาที่ดังผ่านมาด้วย ดูเหมือนว่าตำรวจท้องที่จะได้รับแจ้งเหตุว่า ช่วงนี้ในย่านซอยเปลี่ยวบ้านผมและละแวกรอบๆ มีคนแปลกหน้าท่าทางไม่น่าไว้ใจป้วนเปี้ยนไปมา จึงมีคำสั่งให้เพิ่มเวรยามตรวจตราเป็นพิเศษด้วย แม้จะยังไม่เกิดเหตุร้ายแรง เพื่อความสบายใจของประชาชนควรปลอดภัยไว้ก่อน

ไม่นึกว่าคำสั่งออกมาคืนแรก ไม่ทันไรก็เจอผู้ประสบเหตุเสียแล้ว ทั้งยังจับคนร้ายได้คาหนังคาเขาเสียด้วย


“นายไม่เป็นไร?”

ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้าหาผมพลางเอ่ยถาม ผมร้องหาบรรพบุรุษในใจ พี่ครับ..เล่นมองระยะประชิดขนาดนี้ กะจะสำรวจถึงรูขุมขนเลยรึไง

“อืม..ตกใจนิดหน่อยแต่ไม่เป็นไร ขอบใจนายมาก ช่วยได้พอดีเลย” ผมตอบพลางดันๆมือเขาเป็นเชิงบอกให้ปล่อย จางฉี่หลิงมองมือผมมือตัวเอง จากนั้นมองหน้าผมอีกที แล้วจึงยอมปล่อย


“แจ้งทางโรงพักไปแล้ว ไม่นานคงมารับตัว”

หมดคำเสียงหวอแสบหูพร้อมแสงกระพริบวูบวาบก็แล่นเข้ามาในซอยมืด ประตูรถกระบะติดฟิล์มดำเปิดผางออก ร่างอ้วนใหญ่ของนายตำรวจคนหนึ่งเดินออกมาจากตำแหน่งคนขับ ตามด้วยตำรวจใส่แว่นดำอีกคน คุณตำรวจจางผละไปให้ข้อมูลกับเพื่อนร่วมอาชีพครู่ใหญ่ ก่อนจะชี้มือชี้ไม้มาทางผมที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ ทางนั้นพยักหน้าให้ ตบไหล่จางฉี่หลิงป้าบหนึ่ง ก่อนโบกมือเป็นเชิงให้นายไปได้

โจรโรคจิตที่ผมลืมชื่อไปแล้วถูกลากขึ้นกระบะหลังไป พร้อมกันกับคุณตำรวจจางที่เดินกลับมา มือข้างที่มีนิ้วยาวเป็นพิเศษยื่นออกมาหาผม


ผมมองเขา มองมือ แล้วจึงมองหน้าเขาอีกทีเป็นเชิงถาม

“จะไปส่ง” ผมร้องอ๋อ ส่งมือไปให้คนที่ยื่นมาให้ รู้จักกันมาก็นานเกือบปี แต่หมอนี่ก็ยังสงวนคำพูดเหมือนเดิม ทำเอาผมต้องแปลความเหนื่อยหนักกว่าวิเคราะห์ผลประกอบการของบริษัทอีก


“ได้นายช่วยไว้ตลอดเลย ขอบใจนายอีกทีนะ” ผมกุมมือเขากลับ ไม่ได้รู้สึกผิดประหลาดอะไรกับกิริยาชิดเชื้อเกินกว่าปกตินี้ ทั้งยังรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด

ผมรู้ว่าเขาแค่ทำตามหน้าที่ เพราะเคยเห็นเขาจูงมือเด็ก ผู้พิการ คนชรา แถมยังมีอุ้มหมาอุ้มแมวข้ามถนนเป็นประจำ รอบนี้ก็คงเห็นผมตกใจขวัญหาย เลยช่วยจูงมือพาผมเดินเหมือนจูงมือเด็กๆเวลาตกใจน่ะแหละ

อันที่จริงไม่ต้องถึงขั้นจูงมือก็ได้ แต่แค่มีนายอยู่ข้างๆ ฉันก็รู้สึกปลอดภัยสุดๆแล้ว..จางฉี่หลิง


นายตำรวจหนุ่มมองท่าทีสบายอกสบายใจนั้น ยิ้มบางเบาให้เสี้ยวหน้าของคนข้างๆ ใต้แสงสลัวของหลอดไฟนีออนที่กระพริบติดๆดับๆ ขับให้รอยยิ้มนั้นแลดูน่าพิศวงอย่างประหลาด


ฉันอยู่ข้างนายเสมอ..อู๋เสีย


---


ยอมรับว่าเมากาวมากค่ะ..

ไหนล่ะ AU มุ้งมิ้งใสๆ แงงงงงงงงงงงงงงงง /ปิดหน้าวิ่งหนี

วงเวียนชีวิตมากๆ เรื่องจริงผ่านจอเลยครัช




Reply · Report Post