盜墓筆記 One-shot


"ลัญจกรนี้เป็นของปลอม"

จางไห่เค่อเอ่ยเช่นนั้นหลังจากฉกฉวยลัญจกรหยกในมือผมไปส่องกับแสงไฟดู เขากะน้ำหนักขึ้นลงด้วยมือจนแน่ใจ แล้วเขาก็หันมาทางผม "ต่อให้คุณรอจนครบสิบปี ถือลัญจกรนี่ไป ประตูก็ไม่มีวันเปิดออก"

"ไม่จริง" ผมเถียงทันใดโดยไม่แม้แต่หยุดคิด ลัญจกรหยกชิ้นนี้เมินโหยวผิงเป็นคนให้ผมมาเองกับมือ ไม่มีทางที่มันจะเป็นของปลอม

"ฉันเองก็คิดเช่นนั้น แม้แต่ขนาดฉันเป็นคนในสกุลจางสายนอกยังแยกแยะออก ระดับเขาไม่มีทางไม่รู้ว่านี่เป็นของปลอม...เว้นเสียแต่เขาจงใจหลอกคุณ"

หัวใจผมร่วงลงไปถึงตาตุ่ม มือไม้ร่างกายชาไปทั้งตัว เมินโหยวผิงหลอกผม? เป็นไปไม่ได้

"ไม่ ไม่จริง" ผมเอ่ย ปากคอสั่นพร่า "ฉันไม่เชื่อนาย เขามีเหตุผลอะไรจะต้องหลอกฉัน"

"แล้วเขามีเหตุผลอะไรจะต้องพูดความจริงกับคุณ?"

ผมเงียบอึ้ง คิดดูก็จริง เมินโหยวผิงไม่เคยโกหกผม แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นแค่เพราะเขาไม่พูด และถึงเขาไม่เคยหลอกผม ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคำของเขาจะต้องเป็นจริงเสมอไป อาจมีครั้งใดครั้งหนึ่งที่เขาหลอกผมก็ได้ แต่สำหรับเรื่องนี้ ก็นับเป็นการหลอกกันที่ร้ายแรงเกินไปอยู่ดี

พอมาคิดดูอีกที ไม่มีทางที่ลัญจกรดวงหนึ่งจะไปอยู่กับฮั่วเซียนกูแต่แรกแล้ว หรือกลับกัน ในงานประมูล สินค้ามีค่าควรเมืองชิ้นนี้อาจเป็นของปลอม เขาเอาชิ้นที่เป็นของปลอมให้ผม ส่วนตัวเขามีลัญจกรผีที่เป็นของจริงตั้งแต่แรก

ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในตำหนักหลู่ซังหวัง สุสานแรกที่ผมกับเขาได้ไปผจญภัยด้วยกัน เมินโหยวผิงเป็นนักหายตัวมืออาชีพ ระหว่างที่เขาหายไปนั้น เขาไปตามหาลัญจกรผีชิ้นเดียวกับที่เป็นเป้าหมายของนายอ้วนอยู่หรือเปล่า

จางไห่เค่อยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ "ถ้าหากเป็นตามที่คุณเล่า เขาอาจตั้งใจจะกันคุณออกจากเรื่องนี้" นิ้วเรียวยาวของเขาพรมลงไปบนสมุดบันทึกของผมที่กองอยู่บนโต๊ะ "ใช้ทั้งชีวิตของเขา แทนที่คุณอยู่ในนั้นไปตลอดกาล แม้ว่าจะครบสิบปี ต่อให้คุณยังจำเขาได้ เขาก็จะต้องทำให้แน่ใจได้ว่า คุณจะไม่สามารถเข้าไปในประตูบานนั้นไม่ว่ากรณีใดๆ"

ผมเหงื่อซึม ความรู้สึกยังไม่กลับมา ในหัวกำลังปั่นป่วน วิ่งวุ่นหาเหตุผลต่างๆ นานามาปฏิเสธสิ่งที่ได้ยิน แต่ในใจของผมรู้ดียิ่งกว่าใคร แม้ว่าสมองจะยังปฏิเสธ แต่ใจของผมเชื่อไปแล้ว

ในตอนนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงจางไห่เค่อหัวเราะคิกออกมา


END
07/03/2015

Reply · Report Post