Pan2Min

팬미니민 · @Pan2Min

13th Oct 2013 from TwitLonger


[Fiction] Rainy Spell (Part 3) [Luhan X Minseok] >> #RainySpell #Lumin >>>>>> ตอนสามมาแล้วฝากอ่านด้วยค่า ^^

____________________________________________________________________


Title : Rainy Spell (Part 3)
Paring : Luhan X Minseok

Writer : 비판이성
Translator : Pan2Min

Note : เรื่องนี้เป็นฟิคแปลจากต้นฉบับภาษาเกาหลีคะ ถ้าใครอยากอ่านเวอร์ชั่นเกาหลีเมนชั่นมาถามลิงค์ได้นะคะ


/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////



จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

บรรยากาศอันแสนสงบสุขยามเช้าถูกขัดจังหวะด้วยเสียงร้องของนก น้ำเสียงนั้นฟังดูสึกแจ่มใสราวกับกำลังเรียกขานทักทายบางสิ่งแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับไป ตอนนี้มีเพียงแต่เสียงนกที่กำลังออกหากินและเสียงใบไม้ที่เสียดสีกันยามลมพัดมาเท่านั้น

ท่ามกลางแสงสลัวในยามเช้าตรู่ สายตาคู่หนึ่งมองผ่านบรรยากาศเงียบสงบนั้นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าแล้วยกมือขึ้น นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ที่เกี่ยวกันเป็นรูปร่างกลมๆ กดลงกับริมฝีปากบาง ลมหายใจลึกก่อนหน้านี้ถูกส่งออกมาเป็นเสียงยาวๆ

วี้ด~หวิว

ประหนึ่งส่งเสียงเตือนอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างหน้า ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมา เขาหันหน้าหันหลังสังเกตุบริเวณโดยรอบ และดูผ่อนคลายท่าทีลง แต่ก็ยังไม่คลายความระแวง เขาค่อยๆเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง แต่แม้จะระวังแค่ไหนชายแปลกหน้าคนนั้นก็ไม่ทันสังเกตุอยู่ดีว่า บนกิ่งของต้นไม้ต้นใหญ่ที่สูงตะหง่านเบื้องหลังเขานั้น มีชายหนุ่มนั่งอยู่

ลู่หานใช้ตัวพิงต้นไม้ด้วยท่าทางสบายๆ ก่อนค่อยๆยกปืนยาวตั้งขึ้น เขาวางมันติดกับไหล่อย่างเงียบๆ ร่างสูงหลับตาลงหนึ่งข้างอย่างช้าๆ และใช้ตาอีกข้างหนึ่งเล็งไปยังปลายกระบอกปืน...

หนึ่ง

สอง
...
..
.
สาม!


ปั๊ง!!!


ลู่หานขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงปืนที่เป็นสัญญาณเพื่อให้รวมตัวกันดังขึ้น เขาต้องรีบเข้าไปรวมกลุ่มกับเลย์ก่อนที่จะสายกว่านี้ ลู่หานวิ่งผ่านหมู่แมกไม้อย่างเร่งรีบก่อนจะหยุดลงที่ข้างต้นไม้ต้นหนึ่ง กิ่งไม้เลื้อยลงยาวลงมาถึงพื้นด้านล่าง ดูเหมือนมีบางสิ่งที่ดูแปลกปลอมกระเด็นออกจากกระเป๋าของผู้ชายที่ล้มอยู่ พาสปอร์ตปกสีเขียวกับกระเป๋าสตางค์ที่ดูน่ารักและไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นของผู้ชาย ลู่หานหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาดู ทันทีที่เปิดออกก็เห็นรูปของใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างดี ข้างๆกันยังมีรูปครอบครัว และบัตรเครดิตที่ไร้ค่าเมื่ออยู่ที่นี่และคูปองร้านค้าต่างๆอีกหลายใบอยู่ในกระเป๋า ร่างสูงหันไปเช็คดูสภาพเจ้าของกระเป๋าสตางค์อีกครั้งก่อนจะยัดมันลงในกระเป๋ากางเกงของตน

ลู่หานย่อตัวนั่งลงข้างๆร่างที่คล้ายจะแน่นิ่งไปแล้ว แต่ยังพอมีลมหายใจแผ่วเบาอยู่ ผู้ชายคนนั้นกระตุกสั่นหงึกหงัก เขาจับหัวเจ้าของกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาพร้อมกับก้มลงไปกระซิบข้างๆหู

"เจ้าของพาสปอร์ตจะทำยังไงล่ะ...."

"ฆะ...ฆ่า...ฉันสิ....." ความเจ็บปวดส่งผลให้ร่างคนเจ็บต้องกระอักเลือดออกมาก่อนคำพูดจะถูกเค้นออกมาอย่างลำบาก....และสุดท้ายลมหายใจของเขาก็หมดลง....

ร่างสูงที่ได้ฟังขมวดคิ้วทันที ก่อนฝนจะเริ่มตกลงมาอีกครั้ง...





Rainy Spell 3





มินซอกตื่นขึ้นมาในห้องนอนที่ว่างเปล่าในวันถัดมา อากาศยังคงเย็นชื้นอยู่เหมือนเดิม เมื่อมองไปรอบๆก็เห็นผ้าห่มที่กระจัดกระจายอยู่ตรงที่นอนของเฉิน นี่เขาหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ นาฬิกาข้อมือที่ใส่อยู่ก็แตกกระจายจนไม่สามารถบอกเวลาได้เหมือนเดิม มินซอกเดินไปรูดเปิดผ้าม่านที่หน้าต่าง ข้างนอกฝนกำลังตกอย่างหนัก ทำเอาเรี่ยวแรงที่มีหมดไป ร่างเล็กเดินกลับมาที่เตียงด้วยความห่อเหี่ยว นึกขึ้นมาได้ว่าไม่ได้กินอะไรมาสองสามวันแล้ว แต่เมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่พอจะกินได้เลย

มินซอกถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ที่นี่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีทีวี ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์มือถือ ไม่รู้เขาคนเดียวจะผ่านช่วงเวลาอย่างนี้ไปได้อย่างไร กังวลว่าตนจะอยู่ในที่แบบนี้ต่อไปได้หรือไม่ ความรู้ที่เรียนมาจากโรงเรียนก็ดูจะไร้ประโยชน์ จะหยิบจับอาวุธก็ทำไม่เป็น ดูเหมือนอาจจะต้องเริ่มเรียนภาษาจีน ถึงจะน่าผิดหวังแต่คงจะเอาแต่เล่นไม่ได้อีกแล้ว เขาอาจจะต้องไปเข้ากองทัพกับคนอื่นๆ เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาที่อันตรายอย่างนี้ ไม่ตั้งใจจะเก็บของยังชีพนั้นด้วย มินซอกใช้สองมือปิดหน้าตนเองช้าๆ ความรู้สึกท้อแท้ค่อยๆกลับมาอีกครั้ง


'แม่......'


ความคิดถึงครอบครัวแล่นขึ้นมาในหัว ป่านนี้จะอยู่กันอย่างไร ก่อนมาเขาบอกกับครอบครัวว่า จะมาเที่ยวสักหนึ่งเดือน ถ้าไม่ได้ติดต่อกลับไปก็ไม่ต้องเป็นห่วง ตนเองก็ไม่คิดว่าจะมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ จะหวังพึ่งหน่วยกู้ชีพจากเกาหลีก็ดูเหมือนจะไกลห่างความเหลือเกิน

มินซอกค้นหาสัมภาระที่เหลืออยู่ในกระเป๋าใบเล็กของตน ของอย่างอื่นถูกขโมยไปหมด เหลือแต่สมุดไดอารี่และปากกาแท่งเดียวเท่านั้น ถึงแม้จะโดนฝนมาตลอดแต่โชคดีที่ไดอารี่ไม่เสียหายเพราะตอนที่อยู่บนเครื่องบินเขาเอาใส่ในถุงพลาสติกที่ได้รับมา ร่างเล็กหยิบปากกามาถือเอาไว้ อยากจะเขียนเรื่องราวบางอย่างลงไป อย่างเช่นเรื่องที่อยากจะทำหรือไม่ก็เรื่องที่จะสามารถทำได้....

'อยากกลับไปเกาหลี' นี่เป็นเรื่องแรกที่อยากทำ ที่มินซอกเขียนลงไปและร่างเล็กก็เขียนต่อไปว่า 'ต้องปรับตัวเข้ากับที่นี่ให้ได้'ลงไปด้วย ตอนนี้เขานึกอย่างอื่นไม่ออกแล้ว ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีเพราะตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างที่คิดรึเปล่า เขารู้ดีว่าตัวเองไร้ความสามารถแค่ไหน ... มินซอกถือปากกาค้างไว้อย่างนั้นก่อนจะได้ยินเสียงก๊อกแก๊กลอดมาทางประตู

'เฉินรึเปล่า?'

มินซอกรีบยัดไดอารี่ลงในกระเป๋าก่อนจะนั่งด้วยท่าทางแข็งทื่อ เมื่อประตูเปิดออกก็ เสียงฝนก็สาดก็ชัดเจนขึ้นมาอย่างมาก ชายที่เข้ามาในห้องถอดเสื้อกันฝนสีเขียวออกช้าๆ ก่อนจะขยี้และสบัดผมที่เปียกฝนไปมา ...

ไม่ใช่เฉิน แต่เป็นผู้ชายคนนั้น ใบหน้าขาวกับสายตาที่แสนเย็นชาคู่นั้น


.....ลู่หาน.....



"เอ่อ..." มินซอกอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรเขาเลยเลือกที่จะปิดปากลงอีกครั้ง

ความทรงจำอันเลวร้ายยังคงเหลืออยู่ พอไม่มีทางเลือกก็ต้องตามคนใจร้ายนั่นมาที่นี่ ระหว่างเขาทั้งคู่ยังคงมีบรรยากาศที่อึดดัดต่อกันเหมือนเดิม แค่คิดว่าลู่หานจะมาที่นี่อีกทำไมร่างเล็กก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที เขามองดูร่างสูงกว่าถอดเสื้อกันฝนและเช็ดผมที่ค่อนข้างเปียกชื้นนั้นอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง ลู่หานเดินตรงเข้ามานั่งที่เตียงของเฉินที่อยู่ตรงข้ามกับมินซอกโดยไม่พูดจาอะไร ร่างเล็กเฝ้ามองอย่างระแวง เขาเห็นสายตาที่เฉยเมยของลู่หาน ก่อนที่ร่างสูงจะล้วงเอาห่อเล็กๆบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มินซอกมองดูท่าทางนั้นอย่างเหม่อลอย...


....งดงาม.....

ผิวขาวจัด ดวงตากลมโต ขนตาที่เป็นแพยาวทำให้นึกถึงดวงตาของกวาง ภาพด้านข้าง งดงามราวกับภาพวาดพู่กัน ร่างเล็กนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกัน


แต่ เอ๊ะ! 'เทวดางั้นเหรอ...ความจริงก็แค่ไอ้สารเลวคนหนึ่งเท่านั้นแหละ'
ไม่เข้าใจว่าทำไมฟ้าถึงส่งคนเลวแบบนี้ ให้ได้เกิดมาหน้าตาดีแบบนี้ด้วย มันช่างขัดแย้งกันจริงๆ ถ้าเป็นที่เกาหลีประเทศของเขาหล่ะก็ หน้าตาแบบนี้เป็นดาราได้สบายเลยแท้ๆ


ลู่หานหยิบบางอย่างจากห่อออกมาค่อยๆยื่นมือมาทางมินซอก คนตัวเล็กกว่าสะดุ้งออกจากความคิดตัวเองก่อนจะผงะถอยหลังออกไปในทันที ลู่หานจ้องมองท่าทางเลิ่กลั่กนั่น มินซอกลังเลไม่รู้จะทำอย่างไรจนคนตรงหน้าลดมือลงไปก่อน

'จะทำเรื่องไม่ดีอีกรึเปล่านะ?' มินซอกพยายามควบคุมสีหน้าตนเอง เมื่อเห็นสีหน้าที่จ้องกลับมา

"ขอโทษ" ร่างเล็กพูดเสียงอ้อมแอ้ม

"ยังไม่ได้กินอะไรใช่มั๊ย" ถึงแม้ท่าทางจะนิ่งเฉยไม่แสดงออกอะไรแต่น้ำเสียงที่ลู่หานใช้ก็ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนกับเมื่อวาน

ร่างเล็กไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแต่พยักหน้าเบาๆ หรือว่าลู่หานจะเอาอะไรมาให้กินรึเปล่า? มินซอกคิดด้วยความคาดหวัง ลู่หานมองคนตัวเล็กกว่าที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ พลางเลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างๆมินซอก

"ยื่นมือมา"

ใกล้ไป....

มินซอกเงยหน้าขึ้นช้าๆแล้วก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา มืออีกข้างของลู่หานมีเข็มฉีดยาอยู่ นี่มันเหมือนภาพกับที่หลอนขึ้นมาอีกครั้ง ร่างเล็กรู้สึกสับสนนึกถึงตอนที่ตนโดนยานั่น

'ที่ประเทศจีนมีพวกค้ามนุษย์และชอบใช้ความรุนแรงอยู่นี่ รึว่ามันจะฉีดยาเสพติดให้เรา พอเราติดเวลาอ้อนวอนขอยาจากมัน ก็อาจจะต้องขายอวัยวะเพื่อแลกเปลี่ยน'

.....โหดเหี้ยมจริงๆ.....เป็นคำๆเดียวที่ร่างเล็กรับรู้ตอนนี้

อยากจะพูดปฏิเสธออกไป แต่พลันสายตาก็กหันไปเห็นปืนยาวที่ยังคงพาดอยู่ที่หลังของลู่หาน ร่างเล็กกัดริมฝีปากตัวเองแน่นก่อนยื่นมือของตนออกไปช้าๆ ลู่หานเห็นมือสั่นที่ยื่นออกมาจึงเงยหน้าขึ้นมามอง ร่างสูงเห็นใบหน้าของมินซอกซีดเผือด คนตรงหน้าหลับตาแน่นแม้แต่ปากที่เม้มแน่นจนเป็นเส้นสีขาวก็ยังสั่น

"นี่"

มินซอกพยายามหยีตามองข้างนึง ในสายตาของเขาก็เห็นลู่หานที่ถือเข็มฉีดยาอันใหญ่ด้วยใบหน้าที่เฉยชาเหมือนเดิม

"นายเป็นอะไร" เมื่อได้ยินคำถามเย็นชาแบบนั้นร่างเล็กก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

"นายไม่ทำ...ไม่ทำได้มั๊ย?"
"........"
"ฉัน....ฮึก...ฉันจะเชื่อฟัง ..นะ..นะ? อย่าฉีดมันได้ไหม?"
"นี่! คิดว่ามันคืออะไร?"
"ยาเสพติด นายอย่าฉีดมันได้ไหม? ฮึก....ฉันจะเชื่อฟังนายนะ ฮื้อ..นะ? ฉันขอครั้งนี้ครั้งเดียว จริงๆนะ จะไม่ขัดขืนอีกแล้ว อย่าทำนะ?"

ทันทีที่คำร้องขอพรั่งพรูออกมาจากปากคนตัวเล็กพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้น ลู่หานก็ค่อยๆลดมือที่ถือเข็มลงช้าๆ จะทำอะไร จะพูดอะไร จะขัดขืนอะไร มินซอกมองสีหน้าของลู่หานก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความทุกข์ใจ ร่างสูงยิ้มและพูดด้วยหน้าตาเขร่งขรึม

"พยายามจะทำอะไร?"

ร่างเล็กที่ได้ยินคำพูดเย็นชาอย่างนั้นก็ลืมตาขึ้นก่อนจะปิดปากเงียบ ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำตา กลั้นเสียงสะอื้นสั่นเครือไม่ให้หลุดออกมา ลู่หานรู้สึกประหลาดใจเมื่อมองท่าทางของร่างเล็กแบบนั้น...
เขารู้สึกว่ามัน......น่ารักดี

"เปาจื่อ"
"....ฮึก"
"อย่าขัดขืน"

ลู่หานฉวยข้อมือของมินซอกขึ้นมาและชั่วพริบตา เข็มก็ถูกแทงลงไป คนตัวเล็กมองไปที่คนที่ฉีดยาให้ตนช้าๆก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เขายังร้องไห้ไม่หยุดจนร่างไหวไหล่สั่นไปหมด

"อยู่นิ่งๆ" ลู่หานบ่นเบาๆ

มินซอกตกใจขึ้นมา เมื่อตะกี้ตนกำลังนิ่ง ช็อคและคิดว่ายาเสพติดที่ลู่หานฉีดให้ เรียกว่า'เปาจื่อ' เอ๊ะ! 'เปาจื่อ’’งั้นเหรอ? เคยได้ยินแต่โคเคน เฮโรอีนนะ แต่ว่า...ก็มีชื่อยาเสพติดอีกมากมายที่ตนก็ไม่เคยได้ยินชื่อ 'เปาจื่อ'มันก็คงจะมีฤทธิ์รุนแรงและผิดกฏหมายเหมือนกันนั่นแหละ

ร่างสูงได้แต่แอบยิ้มมุมปาก เมื่อมองดูสีหน้าที่หมดหวังของมินซอก ก่อนจะจัดการเก็บเข็มไปอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนครั้งก่อน.....



และตอนนั้นการรับรู้ของมินซอกก็ค่อยๆเลือนลางลง.......


...................
..............
.........
.....
..
.


"ร่างกายเป็นยังไงบ้าง"


แสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าลอดเข้ามาในห้อง คำถามที่ดูธรรมดาของเลย์ทำเอามินซอกตกใจ เพื่อนของนายฉีดยาเสพติดให้ฉันอย่างนั้น...หรือว่านายนี่จะไม่รู้? พอโดนฉีดยานั่นตนก็เลยหลับไปทั้งวัน มินซอกกลั้นคำพูดไม่ให้หลุดปากออกมาแม้แต่กลั้นเสียงกระแอมไอลงไปด้วย ร่างเล็กค่อยๆลุกขึ้นมาก่อนจะลูบหน้าตัวเองอยู่สองสามครั้ง เขารู้สึกว่าร่างกายเบาหวิวและก็ไม่รู้สึกหิวเท่าเมื่อกี้ ทั้งๆที่ไม่ได้กินอะไรแต่ร่างกายมีเรี่ยวแรง สดชื่นราวกับได้กินเครื่องดื่มชูกำลัง

'ถ้าโดนฉีดยาเสพติด ร่างกายจะดีขึ้นแบบนี้เหรอ?'

มินซอกนึกสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน

อี้ชิงที่มองดูร่างเล็กสำรวจร่างกายตนเองตรงนู้นทีตรงนี้ทีก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ

"ดูเหมือนนายจะไม่เป็นไรนะ วันนี้ก็พักไปก่อนล่ะกัน"
"......ฮะ"
"แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาสั่งงานให้นาย"
"...ฮะ"

มินซอกพยักหน้าตอบรับ เลย์ดูลังเลอยู่สักพักก่อนจะลุกจากที่ของตนเอง แล้วอยู่ๆก็จับคางของมินซอกหันซ้ายขวาไปมา ร่างเล็กหลับตาปี๋เพราะรู้สึกงงๆและตกใจ

"พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าตามเฉินออกมาล่ะกัน เดี๋ยวจะให้เด็กนั่นสอนงานให้"

เลย์พูดแค่นั้นแล้วเดินออกไป มินซอกมองตามก่อนที่จะตัดสินใจเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า

"ขอโทษฮะ"
".....ว่าไง"
"เอ่อ...คือว่า...เปาจื่อ.... เปาจื่อคืออะไรเหรอ?

ร่างเล็กตั้งใจไว้แล้วว่าถึงตายก็ต้องรู้ให้ได้ แต่ทันทีที่ได้ยินคำถามจากมินซอก เลย์ก็หัวเราะเสียงดังออกพร้อมเดินออกนอกห้องไป แต่ถึงอย่างนั้นเสียงหัวเราะยังลอดเข้ามาในห้องอยู่ดี ไม่ตอบแถมยังหัวเราะอีก มินซอกรู้สึกแย่เหมือนตัวเองเป็นคนโง่อย่างนั้น

เลย์ที่ออกจากห้องไปก็ยังคงหัวเราะท้องแข็งอยู่ข้างนอกพลางนึกถึงเรื่องๆหนึ่งขึ้นมา

......
...
.

หน้าที่ที่ได้รับวันนี้ลำบากพอดู มีเรื่องที่ต้องสู้รบกันตั้งแต่เช้า มีการโจมตีเข้ามาทุกทิศทาง ลู่หานยิงสายลับฝ่ายตรงข้ามตาย และในระหว่างทางที่เดินกลับค่ายด้วยความเหนื่อยล้า ลู่หานก็บ่นพึมพัมขึ้นมา

"ไอ้นั่นเป็นคนเกาหลี"

เลย์พยักหน้าเงียบๆ ลู่หานไม่พูดอะไรอีก บทสนทนาเงียบไปชั่วครู่ แล้วตอนนั้นลู่หานก็ยกมือขึ้นจับแก้มบวมๆที่เกิดจากการต่อสู้ของตน

"บวมเหมือนซาลาเปาเลย"

หลังจากลู่หานพูดไปอย่างนั้น เลย์ก็หัวเราะราวกับเป็นบ้าขึ้นมาอีก จนเกือบสะดุดล้มกับรากไม้แถวนั้น เรื่องนี้จะเป็นความลับ.....

.
..
.....


"เหมือนจริงๆนั่นแหละ....."

เลย์นึกถึงใบหน้าบวมของลู่หานตอนนั้นแล้วภาพแก้มกลมๆของมินซอกก็ลอยซ้อนทับขึ้นมาทันที


ต่อจากนี้อาจจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นก็ได้...ใครจะรู้.....




...................
..............
.........
.....
..
.




คนเราต้องกินอาหารมันเป็นกฏธรรมชาติ

มินซอกกำลังตั้งใจตักซุปใสๆลงในถาดอาหารให้แต่ละคน เพราะมัวแต่ทำงานหน้าเตาไฟอากาศทั้งร้อน ทั้งชื้น ทำเอาตัวบางชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่ยังไงก็ดีกว่าไม่มีอะไรทำสินะ เฉินฝากงานแจกจ่ายอาหารและคอยเก็บกวาดทำความสะอาดให้กับเขา เฉินตักซุปใสราวกับน้ำให้มินซอกดูเป็นตัวอย่างหนึ่งชาม

'ถ้าพูดจีนก็ไม่ได้ ใช้ปืนก็ไม่เป็น ใช้มีดก็ไม่ได้ก็ต้องใช้ร่างกายแล้วล่ะ' เฉินพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตอนแรกร่างเล็กก็งงๆและเมื่อรู้ว่าตนต้องทำอะไรก็ดีใจเหมือนกับเด็ก

คนที่รู้ภาษาเกาหลีอย่างเลย์กับลู่หานก็แทบไม่ได้เห็นหน้า จะเอาแต่เกาะติดกับเฉินก็คงจะไม่ได้ วิธีที่จะใช้เวลาให้ผ่านไปได้โดยไม่เหงาคงมีแต่การทำงานใช้แรงงานนี่แหละ ร่างเล็กนึกพลางยิ้มออกมาก่อนจะพูดเสียงใสเป็นภาษาจีนออกมา

"多吃点儿!"

.....
...
.

"'ทานให้อร่อยนะครับ'พูดว่ายังไงเหรอ?" ก่อนนอนเขาลังเลเล็กน้อยที่จะถามเฉินไป พอได้ยินคำถามอย่างนั้นเฉินก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

"ไม่ต้องพูดอย่างนั้นก็ได้" เฉินหัวเราะคิกคักก่อนจะพลิกตัวหนี แต่ก็สู้ร่างเล็กที่เพียรพยายามถามเพื่อจะเอาคำตอบไม่ได้

"งั้นนายแค่พูดว่ากินให้เยอะๆก็พอ" เฉินตอบก่อนจะสอนให้มินซอกออกเสียง คนตัวเล็กก็พยายามออกเสียงตาม

.....
...
.

"多吃点儿!"

"ตัวชือเตี่ยน!" ทุกๆวันร่างเล็กจะยิ้มไปด้วย พูดทักทายก่อนตักอาหารให้ ถึงแม้ตอนแรกๆผู้คนจะมองมินซอกแปลกๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักทุกคนก็เริ่มมีอัธยาสัยที่ดีต่อมินซอกทีละน้อย ถึงแม้จะฟังไม่รู้เรื่องก็สามารถสื่อสารกันได้ด้วยภาษามือ

ตอนนี้มินซอกกำลังปรับตัวให้เข้ากับค่ายนี้อย่างช้าๆ

"ตัวชือ...."

คำทักทายและรอยยิ้มจางหายไป เมื่อลู่หานมาปรากฏอยู่ตรงหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน ตั้งแต่ที่มินซอกเริ่มทำงานตักอาหารที่นี่ ร่างเล็กทำหน้างงงวยก่อนจะรีบตักซุปใส่ถาดให้ลู่หาน ร่างสูงเดินถือถาดไปนั่งที่ด้วยท่าทีนิ่งเฉย ขณะที่เลย์นั่งอยู่ข้างๆ มองดูท่าทางของลู่หานอย่างขำๆ

ตั้งแต่เช้าวันฝนตกที่โดนลู่หานจับฉีดยาวันนั้น มินซอกก็ไม่มีโอกาสได้เจอร่างสูงสักเท่าไหร่ เฉินบอกว่าปกติแล้วลู่หานกับเลย์จะยุ่งมากๆ ต้องออกไปตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเพราะกลางวันจะอันตรายเกินไปเวลาไปกลับค่ายต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะงั้นเวลาจะกินข้าวที่ค่ายเลยไม่ค่อยมีเท่าไรนัก

มินซอกมองดูท่าทางของร่างสูงที่กำลังนั่งกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อนั่งกินกับพวกเพื่อนๆแล้วใบหน้าไร้อารมณ์นั่น....ก็ดูค่อยๆจางหายไป ลู่หาน ค่อยๆกินไป คุยกับเพื่อนๆไปด้วย บางครั้งก็หยุดฟังที่คนอื่นคุยบ้าง บางทีก็หลุบสายตาแล้วก็ยิ้ม...

'รู้จักยิ้มกับคนอื่นก็เป็นด้วย...'

มินซอกรู้สึกประหลาดใจ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เลย์ที่แอบเห็นร่างเล็กที่ยืนอยู่หลังหม้อใบใหญ่มองมาทางพวกเขาก็ทำท่าสะกิดลู่หานยิกๆ เมื่อร่างสูงมองตามสายตาของเลย์ไปก็ได้สบตากับร่างเล็กที่ยืนอยู่หลังหม้อนั้น มินซอกตกใจสะดุ้งโหยง ทำทัพพีหลุดมือเสียงโลหะกระทบพื้นดัง 'แกร๊ง' ก่อนจะรีบหลบสายตาไป

"ขอโทษฮะ ขอโทษฮะ!" ถึงจะรู้ว่าในห้องครัวนี้ไม่มีคนเข้าใจภาษาเกาหลีแต่ก็เผลอหลุดปากออกมาตามสัญชาตญาณ

"น่ารักล่ะสิ" เลย์พูดขึ้นมา
"อะไร?" แล้วลู่หานก็ตอบกลับไปแบบส่งๆ

ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรอีก ตักข้าวกินอีกคำโต ก้มหน้าก้มตายัดข้าวเต็มสองแก้ม เลย์ที่เห็นท่าทางแบบนั้นของลู่หานก็ไม่พูดอะไรเอาแต่หัวเราะออกมา

"หูนายแดงหมดแล้วนะ"

ลู่หานได้ยินที่เลย์พูดอย่างนั้นถึงกับสำลัก ก่อนที่จะรีบจัดการกับอาหารตรงหน้าและเร่งรีบเดินออกจากโรงอาหารไป



TBC



นานมากกว่าจะเข็นตอนสามออกมาได้ แพนติดสอบติดขี้เกียจอยู่หลายวัน 5555
ว่าจะหาลงเด็กดีลงบล็อค สุดท้ายก็ยังไม่ได้ลง ตอนนี้คอมเจ๊ง = =; อ่านในทวิตไปก่อนนะคะ 5555555

ใครอ่านแล้วมีอะไรจะบอกหรืองงมีอะไรจะถาม จะคอมเม้น เม้ามอยยังไง ฝากติดแท็ค #RainySpell ให้หน่อยนะคะ จะตามไปอ่านดู ไม่ก็เมนชั่นมาเลยก็ได้ค่า ^^

Reply · Report Post