Pan2Min

팬미니민 · @Pan2Min

21st Sep 2013 from TwitLonger

[FICTION] RAINY SPELL 2 ตอนสองมาแล้ว ฝากอ่านหน่อยคะ ทุกคน


________________________________________________


Title : Rainy Spell (Part 2)
Paring : Luhan X Minseok

Writer : 비판이성
Translator : Pan2Min

Note : เรื่องนี้เป็นฟิคแปลจากต้นฉบับภาษาเกาหลีคะ ถ้าใครอยากฝึกอ่านเวอร์ชั่นเกาหลีเมนชั่นมาถามลิงค์ได้นะคะ


/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


"มินซอกอ่า มินซอก! ยังไม่ตื่นอีกเหรอ"

เสียงของแม่ที่มินซอกคิดถึงดังก้องไปทั่วทั้งบ้าน พร้อมกับกลิ่นอาหารเช้าที่หอมชวนหิวลอยเข้ามาแตะจมูก ร่างเล็กภายใต้ผ้าห่มที่แสนอุ่นที่ยังคงครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่หันมองไปรอบๆดูภาพห้องที่คุ้นเคย

'ฝันอะไรเป็นตุเป็นตะ'

มินซอกที่ยังคงสะลึมสะลือนึกถึงภาพเงาของชายหนุ่มที่สะท้อนอยู่ในหัว

"มินซอกอ่า" เสียงเรียกของแม่ดังขึ้นอีกครั้ง ร่างเล็กรีบร้อนลุกขึ้นพลางขยี้ตา
"จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับแม่" เสียงใสที่ขานตอบรับราวกับอยากจะอ้อนคุณแม่ ร่างเล็กเปิดตู้เสื้อผ้าออกก่อนจะเลือกเสื้อเชิ๊ตสีขาวกับกางเกงยีนส์มาใส่

"นี่ฉันฝันอะไรไปเนี่ย?"

ขณะที่เดินไปทางห้องครัว มินซอกพยายามนึกถึงเรื่องราวในฝัน แต่แล้วจู่ๆก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ดั่งใจ ทุกก้าวที่เดินช้าลงๆ รู้สึกหนักราวกับมีอะไรมาถ่วงขาอยู่

'นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?'

เขามองเห็นหลังของแม่อยู่ข้างหน้า แต่เขาไม่สามารถจะขยับเข้าไปใกล้ท่านได้

"แม่!" ร่างเล็กร้องเรียกหาแม่ของตนแต่แม่กลับไม่หันมา
"แม่!" แม้ว่าจะร้องเรียกดูอีกกี่ครั้ง แม่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้ยินก็ราวกับเสียงของเขาจะไปไม่ถึง

ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วที่รู้สึกที่เหมือนกับว่ากางเกงที่ใส่อยู่ดูจะหนักขึ้นและเสื้อเชิ้ตที่ใส่จะเปียกชื้นขึ้นเรื่อยๆ จนแขนรู้สึกได้ถึงหยดน้ำที่ไหลลงมา

มินซอกหันกลับไปมองข้างหลัง ภาพรอยเท้าที่ย่ำผ่านมากลายเป็นแอ่งน้ำขังขนาดย่อมๆตามขนาดเท้าเล็กคู่นั้นและที่สุดทางนั้นก็ปรากฏชายหนุ่มในความฝันคนนั้น ที่กำลังเล็งปืนมาทางตน!!!




Rainy Spell 2





ปัง!!!

เมื่อร่างสูงตรงหน้าเหนี่ยวไก เสียงปืนดังอึกทึกแหวกความเงียบเข้ามาและตอนนั้นเองมินซอกก็ลุกพรวดตื่นขึ้นมา

คงเพราะรีบลุกขึ้นมาทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ร่างกายที่แสนจะอ่อนล้าบวกกับอารามตกใจในความฝันตอกย้ำให้ร่างเล็กต้องรีบหายใจจนหอบ เหงื่อที่ซึมออกที่ฝ่ามือก็ตอกย้ำสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้


"อู้วว อู้ววว อู้ววว"


ยิ่งได้ยินเสียงลม เสียงนกที่ร้องอยู่ไกลๆแล้ว พื้นซีเมนต์อันเย็นเฉียบและอากาศที่แสนอับชื้นในตึกร้างเก่าๆ ยิ่งตอกย้ำได้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง


'ฝัน ยังไงก็เป็นแค่ ฝัน'

มินซอกคิดพลางยกมือขึ้นปิดหน้า เพื่อกั้นอารมณ์อันมืดหม่นของตน ไม่รู้ว่าฝนหยุดตกไปตั้งแต่เมื่อไร ความเงียบที่ให้ความรู้สึกแปลกๆ เข้าปกคลุมแทนที่ ไม่รู้ว่าตนเองหลับไปนานแค่ไหน แต่ดูเหมือนโชคจะยังโชคดีเข้าข้างอยู่นิด หน่อยเพราะเขารู้สึกสบายตัวขึ้น บางทีไข้อาจจะลดลงแล้วก็ได้ แต่ทว่าอาการเจ็บตามร่างกายก็ยังคงมีอยู่

ความทรงจำก่อนที่จะหลับไปนั้นผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ รอยเข็มที่ยังปรากฏชัดเจนที่ข้อมือของตน แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความฝันเป็นแน่


"เฮ้อออ...."

ร่างเล็กกำลังฝืนยิ้ม เมื่อท้องแบนราบส่งเสียงร้องขึ้นมาทั้งๆที่ยังอยู่ในสถานการณ์อันวุ่นวายแบบนี้ ไม่มีเศษซีเรียลที่ตกเกลื่อนพื้นอีกแล้ว แต่กลับมีร่องรอยของการเผาไหม้บางอย่างติดอยู่ที่ผนัง กลิ่นของอะไรบางอย่างที่ถูกเผายังคงตลบอบอวลอยู่ภายในห้อง ของที่ไหม้ไปแล้วก็คงจะกินไม่ได้แน่ๆ

เรื่องที่ว่าจะต้องอดทดรอจนกว่าหน่วยกู้ชีพจะเข้ามาก็เห็นทีต้องเปลี่ยนความคิดเสียแล้ว เขาจะมีชีวิตรอดออกไปจากป่านี้ได้อย่างไร แต่ถึงยังไงป่าทึบแห่งนี้ก็ต้องมีทางออก ถ้าลองเดินมุ่งหน้าไปทางใดทางหนึ่ง ก็คงจะเจอทางออกสักทาง หากเจอทางออกก็คงจะได้เจอคนและถ้าไม่อยากจะทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ก็ต้องอยู่ให้ได้ แต่ก่อนอื่นเขาคงต้องจัดการกับเสียงประท้วงจากความหิวของตนเสียก่อน อย่างแรก คงต้องเริ่มจากดื่มน้ำจากหลุมน้ำขังที่พอมีเพื่อประทังชีวิตไปก่อน...

ร่างที่ลุกขึ้นอย่างรีบร้อนเกินไปกำลังโงนเงน เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ตาพร่ามัวเหมือนกับดูทีวีที่จูนคลื่นไม่ชัด ร่างเล็กยันมือกับผนังแล้วค่อยๆพยุงตัวขึ้น เมื่อมองไปทางหน้าต่างที่เป็นโครงสร้างกรอบซีเมนต์เปลือยเปล่า ไม่มีกระจก ข้างนอกนั้นปรากฎภาพต้นไม้ที่ขึ้นเรียงตัวกันหนาแน่น


และในตอนนั้นเอง

"หมอบลง!!"




"ปัง ปัง ปัง" เสียงปืนดังขึ้นอย่างโกลาหล จู่ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในป่าอันเงียบสงบแห่งนี้ มีบางอย่างกำลังซ่อนตัวอยู่ภายในป่า

'ก๊า กา ก๊าาา'

พวกนกทั้งหลายกระพือปีกบินหนีขึ้นสู่ท้องฟ้าอันมืดมิด กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ไม่มีตัวไหนหยุดพักทุกตัวต่างหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย ป่าเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต เสียงปืนยังคงดังอย่างต่อเนื่อง พวกนกทั้งหลายวุ่นวายกับการหาที่ให้ตัวเอง เสียงปีกกระพือดังขึ้นอย่างอึกทึกรอบบริเวณนั้น

เมื่อเสียงปืนหยุดลง ความเงียบก็เข้าครอบงำป่านี้อีกครั้ง มินซอกหมอบตัวลงกับพื้นเอามือป้องหัวไว้โดยไม่รู้ตัว ร่างเล็กสั่นเทาเพราะเสียงปืนก่อนจะนึกสงสัยเมื่อแน่ใจว่าตนได้ยินเสียงคน



'หูแว่วเหรอ?'

มินซอกฉุกคิดขึ้นมาได้ถึงตอนที่อ่านเรื่องเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้ยาเสพติด ตอนโดนฉีดยานั้นเข้าไป ร่างกายก็ไม่มีเรี่ยวแรง เมื่อคืนก็เห็นภาพหลอน และจนถึงตอนนี้... ร่างเล็กตบแก้มตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ



'ก็เจ็บนี่'

แต่เมื่อกี้ตนได้ยินภาษาเกาหลีชัดเจนนะ ถึงแม้ว่าจะพูดด้วยความรวดเร็วและสำเนียงที่ออกจะแปลกไปหน่อยก็ตาม ร่างเล็กมองไปข้างนอกอีกครั้งอย่างระวัง แต่ทว่าก็ไม่พบร่องรอยของใครเลยสักคนเดียว

มินซอกรู้สึกแปลกๆ ดูเหมือนว่าป่านี้จะน่ากลัวยิ่งขึ้น ร่างเล็กรีบทรุดตัวลงใต้หน้าต่าง รู้สึกกลัวมากจนความรู้สึกหิวที่มีก่อนหน้านี้หายไปหมด

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังก้องรอบทิศทาง ไม่ใช่แค่คนเดียว มีทั้งเสียงเดินเหมือนลากเท้ากับเสียงฝีเท้าเบาๆปะปนกันไป มินซอกยืนพิงผนังด้วยรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที แล้วจู่ๆที่ประตูก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

ชายหนุ่มคนนี้เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ร่างเล็กรู้สึกโล่งใจที่คนตรงหน้าไม่ใช่ผู้ชายคนเมื่อวานนี้ แต่เมื่อมองเห็นปืนที่สะพายอยู่ข้างหลังแบบเดียวกันความกลัวก็วนกลับมาอีกครั้ง



'เขาเป็นพวกเดียวกันเหรอ?'

การแต่งตัวที่นอกจากขนาดแล้ว นอกนั้นก็เหมือนกันกับไอ้สารเลวเมื่อวานนี้ไม่มีผิดเพี้ยน



เบื้องหลังชายแปลกหน้าผู้มาใหม่นั้นยังปรากฎผู้มาเยือนอีกคน...



เมื่อเห็นใบหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ ความรู้สึกปั่นป่วนในท้องก็พุ่งขึ้นมา ถึงแม้จะมีใบหน้าที่ขาวซีดเหมือนกันแต่ชายหนุ่มที่มินซอกเพิ่งเคยเจอวันนี้มีจมูกปากและตาที่โดดเด่นกว่า แถมยังให้ความรู้สึกสงบเยือกเย็นกว่าอีกด้วย

ชายแปลกหน้าคนแรกเดินตรงมายังมินซอกแล้วยื่นมือให้ ร่างเล็กที่ตกใจกลับถดถอยหลังหนี


"เอ่อ...."

มินซอกเองก็ไม่รู้ตัวว่าเอ่ยอะไรหรือแสดงท่าทางหวาดระแวงอย่างไรออกไป ชายคนข้างหลังนั้นทำเรื่องสกปรกเอาไว้กับมินซอกไม่ใช่แค่เรื่องเดียว

มินซอกถอยออกห่างอย่างไม่ไว้ใจจนหลังชนเข้ากับผนัง ชายหนุ่มขมวดคิ้วแต่ยังคงนิ่ง เขาเก็บมือไปข้างหลังพร้อมกับสีหน้าที่ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ

พวกเขาเริ่มพูดอะไรบางอย่างที่เป็นภาษาจีน มินซอกไม่เคยเรียนภาษาจีนเขาจึงฟังไม่รู้เรื่อง ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกหวาดระแวงอีกครั้ง ถ้าหากได้รู้ว่าพวกเขากำลังพูดอะไร เขาอาจจะสามารถรอดจากที่นี่ไปได้ก็ได้

มินซอกพยายามตั้งใจฟัง แต่ก็ไม่ช่วยอะไร เขาไม่รู้ว่าตนต้องทำอะไร จนเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าสนทนากันจบเขาก็หันมามองที่มินซอกอีกครั้ง



'นี่เราจะต้องพูดอะไรก่อนรึเปล่า'

มินซอกเบาใจลงเมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้แสดงทีท่าว่าจะใช้ความรุนแรงอะไรอีก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับเขาอย่างไรดี ร่างเล็กแสดงสีหน้ากังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนและในตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มตรงหน้าเอียงคอก่อนจะเปิดปากพูด



"นายเป็นคนเกาหลีใช่มั๊ย"

ร่างเล็กตาโตขึ้นทันที ไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าเขากำลังได้ยินภาษาเกาหลีอยู่

........................
...................
...............
.............
..........
......
...
..
.


คนที่พูดกับมินซอกมีชื่อว่า'เลย์' ส่วนผู้ชายอีกคนหนึ่งคือ'ลู่หาน' เลย์พูดแนะนำตัวอย่างง่ายๆก่อนจะมองไปที่ร่างเล็กที่ยังคงตกใจอยู่ ลักษณะการพูดของเขาช่างสงบเยือกเย็น


"ลู่หานเสียมารยาทกับนายใช่มั๊ย?"

"อ่า....."

มินซอกก้มหน้างุดหน้าแดงจนถึงใบหู นายนี่รู้หมดเลยใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง ความทรงจำที่อยากจะลืมกลับเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง มินซอกแอบมองลู่หานที่นั่งหมิ่นๆอยู่ที่ขอบหน้าต่าง สบตากันแว่บหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนีไป เขาคนนั้นยังคงแสดงสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม และเมื่อได้เห็นใบหน้าที่ไม่รู้สึกผิด ก็พาลคับแค้นใจขึ้นมาทันที ตอนนั้นเขาก็มองเห็นปืนที่วางตั้งอยู่ข้างกายร่างสูง


"เมื่อกี้ที่ฉันช่วยชีวิตนายถือว่าใช้คืนให้ล่ะกัน"


คำพูดที่แสนจะสงบเยือกเย็นของเลย์ ทำให้ร่างเล็กต้องตอบรับเสียงอ่อย แม้อยากจะได้รับการขอโทษที่จริงใจกว่านี้ แต่ก็ไม่อยากถูกพบเป็นศพอยู่ที่นี่ โชคดีแค่ไหนที่มีคนที่สามารถพูดคุยกันรู้เรื่องโผล่มาตอนนี้ ในที่สุดตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ออกไปจากที่แห่งนี้ได้สักที เมื่อคิดได้อย่างนั้นร่างเล็กจึงรวบรวมความกล้าเอ่ยไปเบาๆ


"เอ่อ ไม่ทราบว่ามีทางที่จะออกไปข้างนอกมั๊ย?"

"ข้างนอก?"

"คือฉันกำลังเที่ยวอยู่...แล้วอยู่ๆก็ถูกตีหัว....พอตื่นมาอีกทีก็อยู่ในป่านี้แล้ว..." ร่างเล็กพยายามอธิบายออกไป แต่ดูเหมือนตอนนี้ความสามารถทางภาษาของร่างเล็กจะลดลง เขาพูดจาสับสนไปหมดจนเหมือนเรียบเรียงคำพูดไม่ค่อยถูก

มินซอกเล่าว่าเขาวางแผนมาเที่ยวทางตอนใต้ของจีนแห่งนี้ รถเก่าๆคันที่ขึ้นมาก็โดนปืนใหญ่ระเบิดตกใส่ ก่อนที่ตนจะถูกตีเข้าที่ศรีษะและล้มป่วยอยู่ในป่า ได้รับความยากลำบากจากร่างกายที่มีไข้ขึ้นสูงและก็พยายามใช้ชีวิตรอดด้วยการหาของกินจากกล่องยังชีพ มินซอกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เจอเข้ากับลู่หาน เขาไม่อยากจะพูดถึงเหตุการณ์นั้นออกมาจากปากตนเองซักเท่าไรนัก



"แล้วลู่หานก็พานายมาที่นี่ แล้ว?" เลย์เลิกคิ้วมองมายังมินซอก

"ฮ่ะ?"

"ก็แค่จะถามว่านายจะทำอะไร"

จู่ๆเลย์ก็เปิดโอกาสให้มินซอกบอกความต้องการของตนขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน ตอนนั้นร่างเล็กถึงกับยกย่องให้เลย์เป็นพระเจ้าในใจ จากที่ไม่รู้ว่าจะเอ่ยความตั้งใจของตนออกไปได้อย่างไร ตอนนี้ก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว เพียงแค่รู้วิธีมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ให้ได้ นึกได้อย่างนั้นมินซอกก็แสดงสีหน้าเบาใจก่อนจะพูดออกไปด้วยความตื่นเต้นและกังวลเล็กน้อย


"หน่วยกู้ชีพ..จะมา เพราะว่าพ่อแม่คงจะแจ้งการหายตัวไปของฉัน จะต้องมีคนจากเกาหลีมาช่วยฉันแน่นอน นายแค่พาฉันออกไปส่งข้างนอกป่านี้ได้ไหม? ถ้าช่วยพาฉันออกไปข้างนอกล่ะก็ฉันจะยอมทำอะไรก็ได้...."


"เหอะ ไร้เดียงสาจริงๆเลย" ไม่ใช่เลย์ที่เป็นคนพูด ทันทีที่มินซอกพูดจบ การออกเสียงที่ค่อนข้างจะแปร่งๆแต่ฟังยังไงก็เป็นภาษาเกาหลีสวนขึ้นมาทันที ลู่หานที่นั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างกระโดดพรวดลงมายืนกับพื้น

"นะ...นายพูดภาษาเกาหลีได้..." มินซอกถึงกับงงงวย เมื่อได้ยิน

ลู่หานที่สะพายปืนอยู่ข้างหลังเดินมายืนตรงหน้าร่างเล็ก ก่อนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเลย์เป็นภาษาจีน อีกฝ่ายได้ฟังอย่างนั้นก็แสดงท่าคิดก่อนจะยักไหล่เบาๆ มินซอกที่เห็นลู่หานเดินเข้ามากลับถอยหนีอย่างช้าๆ



'ไอ้บ้านี่เข้าใจทุกอย่างที่เราพูด แต่ก็ยังทำแบบนั้นลงไปเนี่ยนะ'

มินซอกรู้สึกเดือดพร่านในใจเหมือนถูกหักหลังซ้ำแล้วซ้ำอีก ลู่ห่านยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเมื่อเห็นสีหน้าของร่างเล็กแล้วก็พูดออกมาอย่างชัดเจน



"หน่วยกู้ชีพไม่มาหรอก ที่นี่ขนาดคนท้องถิ่นจะนำทางเข้ามายังลำบากเลย"

"แค่ให้ฉันออกไป ไม่ต้องเข้ามาก็ได้ แค่นั้นไม่ได้รึไง...." ร่างเล็กพูดขึ้นโดยไม่กล้าสบตา

"ตลกเหรอ ไม่ได้ยินเสียงปืนเมื่อกี้เหรอไง? ออกไปไม่ได้ขืนไปคงโดนพวกนั้นฆ่าตายซะก่อน" พอพูดจบลู่หานก็จ้อง มองไปที่เลย์

"ไม่มีประโยชน์ที่จะพานายออกไป แม้แต่เลย์ก็อาจต้องตายด้วย"


มินซอกฟังคำพูดนั้นแล้วก็ตระหนักได้ว่าตนเข้ามาอยู่ในใจกลางของพื้นที่สงคราม สิบกว่าวันที่เขาเดินเร่รอนพเนจรในป่าลึกแห่งนี้ นับว่าเป็นเรื่องประหลาดที่ไม่เจอแม้กระทั่งสัตว์ป่าซักตัวหรือตอนหลับก็ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงปืน ความหวังที่เคยล่อเลี้ยงอยู่ในใจของร่างเล็กแห้งเหือดราวกับถูกคำพูดของลู่หานสูบไปหมด มินซอกคิดว่าตนอาจจะไม่ได้กลับไปเกาหลีอีกแล้ว....

เมื่อเลย์เห็นใบหน้าที่แดงก่ำเพราะการกลั้นน้ำตาของร่างเล็กก็พูดอะไรบางอย่างเสริมขึ้นมา


"เราไม่ได้อยากให้นายตายหรอกนะ แต่นายเป็นคนเกาหลี อยู่ที่นี่อาจจะเกิดปัญหาอะไรอีกก็ได้ เพราะงั้นเรามีข้อเสนอให้นาย" เลย์กับลู่หานสบตากันชั่วครู่ ก่อนที่ใบหน้านิ่งเฉยของลู่หานจะผงกหัวเหมือนเป็นการอนุญาตช้าๆ

"ก่อนอื่นเราอยากให้นายตามพวกเราไปก่อน ตอนนี้นายคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว แล้วถ้าสถานการณ์ข้างนอกดีขึ้นเราจะบอกทางออกให้"

"......."

"ถ้าโชคดีก็อาจจะได้ส่งนายกลับเกาหลีได้ด้วย"


มินซอกคิดว่าข้อเสนอของเลย์ก็ไม่เลวร้าย เอาจริงๆตนคงไม่สามารถหนีรอดได้คนเดียวในป่าทึบอย่างนี้หรอก แล้วถ้ามองดูดีๆจากการแต่งตัวของสองคนนี้ที่นั่นก็คงจะพออยู่ได้ล่ะมั้ง...

แต่ถึงยังไงเขายังคงกังวลใจเรื่องลู่หาน ขนาดวันแรกที่ได้เจอกันยังทำเรื่องเลวทรามแบบนั้นกับเขาได้ ทั้งข่มขืนและก็ยาเสพติดนั่นอีก แล้วนี่เขาจะตามไปทั้งๆที่ยังไม่รู้อะไรเลยเหรอ จะได้กลับเกาหลีรึเปล่า หรือว่าจะได้ไปเป็นคนติดยาแล้วตายไปในซ่องโสเภนีก็ไม่รู้ เป็นเรื่องยากที่จะเลือกจริงๆ ถึงจะดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นทางเลือกที่แย่ที่สุดรึเปล่า....


"ถ้าหากว่าฉันปฏิเสธ...."


ในตอนนั้นลู่หานที่กำลังบรรจุกระสุนลงไปในปืน ak-47 ของเขาอยู่ พอได้ยินร่างเล็กพูดแบบนั้นแล้ว

'กริ๊ก' เสียงปืนหนักๆถูกยกขึ้นมา มินซอกรีบพูดสวนทันที


"เอ่อ...ไม่ใช่แบบนั้น ฉัน ฉันขอโทษ ฉะ...ฉันหมายถึงฉันจะไปด้วย ....โอเคนะ? ฉันจะไป ขอโทษ"

........................
...................
...............
.............
..........
......
...
..
.


เริ่มเข้าหน้าฝนแล้วสินะ ฝนคงตกหนักขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เมื่อมองดูบริเวณโดยรอบที่มืดลงเรื่อยๆ เลย์ก็บอกให้รีบออกเดินทางด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทางในป่าผืนนี้ยิ่งเดินยิ่งคดเคี้ยวเต็มไปด้วยอันตรายและดูเหมือนยิ่งเดินจะยิ่งลึกเข้าไปเรื่อยๆ ราวกับไม่มีทางออกมาอีก

ร่างเล็กที่สะดุดล้มแล้วล้มอีกเพราะพื้นอันขรุขระ ถึงแม้จะพยายามจดจำทางมากแค่ไหน แต่ก็ยาก เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นใบไม้สีเขียวเหมือนกันไปหมด น่ากลัวจนแทบไม่กล้าหันกลับไปมองอีก สภาพตอนนี้ทำให้เข้าใจคำพูดของลู่หานก่อนออกเดินทางที่บอกว่าถ้าออกไปคนเดียวเขาก็อาจจะตายได้ขึ้นมาทันที

ลู่หานลอบมองมินซอกที่เดินตามด้วยสภาพเหนื่อยหอบ ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย ต่างกับเลย์ที่คอยหยิบยื่นน้ำใจช่วยเหลือผู้ร่วมทางตัวเล็กอยู่ตลอดการเดินทาง ร่างเล็กก็ลอบมองร่างที่สูงกว่าเช่นกัน ถึงเส้นทางจะขรุขระและดูลำบากมากแค่ไหน ลู่หานก็ไม่มีทีท่าจะเหน็ดเหนื่อย แม้แต่เสียงหายใจที่ผิดจังหวะ ก็ไม่มีให้ได้ยิน พลันเมื่อสายตาทั้งคู่ได้สบตากัน แก้มของคนตัวเล็กก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีราวกับแอบทำความผิดมาอย่างไงอย่างงั้น ลู่หานยิ้มเยาะเมื่อมองเห็นร่างเล็กที่ทุลักทุเลเดินตามอย่างเชื่องช้า มินซอกเห็นดังนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป สายตาของเขาก็ยังคงแข็งกร้าวเช่นเดิม...




ลมชื้นๆที่หอบเอาละอองน้ำไว้เต็มเปี่ยมพัดผ่านทำให้ใบไม้สั่นไหว พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ฝนเริ่มตกปรอยๆอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้เกิดความมืดไปทั่วบริเวณ ร่างเล็กที่เพิ่งจะฟื้นจากความหวาดกลัวที่ต้องอดทนอดกลั้นอยู่คนเดียวมาสองสามวันพยายามกระตุ้นตัวเองด้วยความยากลำบาก เพื่อให้ออกจากความรู้สึกกังวลทั้งปวง เขาได้แต่พยายามเตือนตัวเองว่าคงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก....

.........
.....
...
.


จู่ๆลู่หานที่นำหน้าไปก่อนก็หยุดชะงัก ยกมือซ้ายของเขาขึ้นช้าๆ เหมือนกำลังส่งสัญญาณบอกอะไรบางอย่าง เลย์ยื่นมือตัวเองมาจับมินซอกไว้ ร่างเล็กมองไปรอบๆ ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่เต็มบริเวณและเต็มไปด้วยต้นหญ้าที่ขึ้นรกรุงรังให้ความรู้สึกน่าขนลุก

ลู่หานชูนิ้วขึ้นสองนิ้วเป็นสัญญาณและตอนนั้นเอง เนินเล็กๆทางขวามือที่มีกิ่งไม้เลื้อยปกคลุมอยู่ก็ส่องแสงไฟเป็นแนวยาวๆ เป็นสัญญาณออกมาสองครั้ง ร่างสูงตรงหน้าไม่พูดอะไรก่อนจะเริ่มออกเดินอีกครั้ง

และในที่สุดตรงหน้าร่างเล็กก็ปรากฏภาพหมู่บ้านเล็กๆขึ้น

"ที่นี่คือค่ายของเรา" เลย์พูดขึ้นมาสั้นๆ

มินซอกรู้สึกประหลาดใจ อย่างแรกคือที่นี่ไม่ใช่ซ่องโสเภณีอย่างที่เขาคิด อย่างที่สองคือที่นี่ดูดีกว่าที่คิดไว้ และอย่างสุดท้ายคือที่นี่ดูมีการจัดการอย่างเป็นระบบ

ที่นี่มีตึกเล็กๆชั้นเดียวสองสามหลัง สภาพคล้ายๆกับตึกร้างที่ลู่หานเคยพาตนไป มีเต้นท์หลังเล็กๆตั้งเรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ ที่นี่ใช้ต้นไม้กับหญ้าที่ขึ้นปกคลุมและซ่อนทุกอย่างไว้ได้อย่างแนบเนียน ระหว่างต้นไม้ใหญ่สองต้นนั้นมีตึกสีเขียวตั้งอยู่ ขณะที่เดินผ่านช่องแคบๆระหว่างตึก ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างจ้องมองร่างเล็กราวกับเป็นสิ่งประหลาด เสียงภาษาจีนแปลกหูดังขึ้นอย่างเซ็งแซ่ มินซอกก้มหน้าก้มตาเดิน เพื่อหลบเลี่ยงความสนใจพวกนั้น เขายังรู้สึกประหลาดใจกับภาพลักษณ์ของค่ายที่ต่างจากที่ตนเองคาดคิด

เมื่อเข้ามาถึงในค่ายแล้วเลย์ก็คุยกับลู่หานอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผงกหัวทักทายมินซอกแล้วทิ้งร่างเล็กไว้เดินไปอีกทาง

"แล้วเจอกันครับ" ร่างเล็กเผลอตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัว ลู่หานเห็นแล้วยิ้มเยาะ แล้วมองด้วยสายตาล้อเลียน

ร่างเล็กเดินตามลู่หานเข้าไปภายในค่าย ขณะที่เดินเข้าไปนั้นร่างสูงก็ทักทายกับหลายๆคนที่เดินผ่าน แต่ละคนก้มหัวทักทายลู่หานอย่างมีมารยาท ดูจากท่าทางเหล่านั้นแสดงว่าในค่ายนี้ร่างสูงคงมีตำแหน่งที่สำคัญเหมือนกัน

พวกเขาเดินอย่างเชื่องช้า ผ่านเต้นท์ไปสามสี่หลัง จนเข้าไปถึงข้างในสุดที่ ตรงนั้นมีตึกเก่าๆตั้งอยู่

ภายในตึกตกแต่งคล้ายห้องทั่วไปมีเครื่องเรือนเพียงไม่กี่ชิ้น เตียง โต๊ะหนังสือและก็ยังมีวิทยุกับเครื่องส่งสัญญาณไร้สายอยู่ด้วย ร่างเล็กเห็นหนังสือและเอกสารที่กองทับๆกันอยู่ และที่โต๊ะหนังสือนั้นมีผู้ชายคนนึงนั่งอยู่ ผมสีเหลืองทองทำให้เขาคนนั้นดูแตกต่างจากคนอื่นๆและมีแววตาที่เหมือนกับสามารถมองทะลุคนได้ ลู่หานหันไปทักทายสั้นๆก่อนจะพูดกับมินซอก



"นี่หัวหน้าของพวกเรา คริส"

มินซอกกลืนคำพูด'สวัสดีครับ'ลงคอไปอย่างเร็วและทำเพียงแค่ผงกหัวทักทาย คริสให้ความรู้สึกถึงอำนาจที่สูงกว่าใครๆ ร่างเล็กเผลอถอยหลังออกห่าง ทำเพียงกัดริมฝีปากและถูมือตัวเองไปมา

คริสมองมาที่มินซอกด้วยสายตาประหลาดใจแล้วหันกลับไปพูดอะไรสักอย่างกับลู่หานด้วยภาษาจีน ร่างสูงที่ยืนข้างๆมินซอกขมวดคิ้วเหมือนเถียงอะไรสักอย่างกลับไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ คริสที่ได้ฟังคำตอบของลู่หานก็หัวเราะออกมา หนึ่งคนที่หัวเราะร่วนกับอีกหนึ่งคนที่แสดงสีหน้าไร้อารมณ์ให้บรรยากาศที่แตกต่าง ทั้งคู่สนทนากันอีกสองสามคำ

"เฉิน เข้ามา"

คริสหันหน้าไปทางประตูก่อนจะเรียกใครสักคนเข้ามา เหมือนร่างเล็กจะได้ยินเขาเรียกว่า 'เฉิน' ทันใดนั้นก็ปรากฏเด็กหนุ่มหน้าตาแปลกเดินเข้ามาภายในห้อง เด็กหนุ่มก้มหัวทักทายลู่หานทันที เฉินเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้ามินซอกแล้วมองเขาหัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ไม่ยินดียินร้าย



"ตอนนี้นายต้องใช้ห้องเดียวกันกับฉัน"

ตอนนั้นมินซอกก็ต้องประหสาดใจขึ้นมาอีกครั้ง ที่จู่ๆก็ได้ยินภาษาเกาหลี เฉินมองมินซอกอายหน้าแดงที่ตนสะดุ้งตกใจและส่งเสียงดังออกไป ก่อนจะยิ้มกว้างและเดินออกไปนอกตึกไป ก่อนออกเฉินไม่ลืมที่จะตะโกนอะไรบางอย่างเป็นภาษาจีนกับคริสซึ่งทำให้ร่างสูงใหญ่นั้นต้องหัวเราะเสียงดังขึ้นมา ลู่หานขมวดคิ้วมองท่าทางนั้นราวกับไม่พอใจ

"เฉินเป็นคนเกาหลี" ลู่หานบอกเมื่อเห็นสีหน้างงงวงของร่าเล็ก

"อ่า...."

มินซอกหันไปมองที่เฉินอีกครั้ง ค่อยยังชั่วอย่างน้อยในบรรดาคนที่เจอทั้งหมดเฉินดูน่ากลัวน้อยที่สุดแล้ว

เมื่อออกมาข้างนอกก็พบเฉินกำลังรออยู่ เด็กหนุ่มแนะนำที่อยู่ให้ร่างเล็ก ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อมองเห็นสภาพของมินซอกชัดๆ เขาผลักมินซอกไปทางด้านหลังของตึก



"อาจจะลำบากสักหน่อยแต่ก็ล้างตัวหน่อยนะ"

เฉินพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตู ภายในนั้นมีถังน้ำมันใบใหญ่ๆใส่น้ำเต็มอยู่สองสามถังและมีสบู่ราคาถูกๆวางอยู่ด้วย มินซอกคิดว่าที่นี่ช่างอยู่กันแบบง่ายๆจริงๆ

ในที่สุดเขาก็รีบลงมืออาบน้ำอย่างรวดเร็ว เมื่อล้างเนื้อล้างตัวจนสะอาดแล้ว ก็ใส่เสื้อที่เฉินเอามาให้ ถึงจะไม่มีกระจกส่องแต่ดูรู้ว่าเป็นเสื้อผ้าที่เหมือนเลย์กับลู่หานใส่ พลางคิดอยู่คนเดียวว่าถ้าใครมาเห็นเขาตอนนี้ก็คงคิดว่าเป็นตนคนจีนเหมือนกัน ร่างเล็กรู้สึกอนาจใจกับตัวเองเล็กน้อย

เมื่อเข้ามาในห้องนอนมินซอกก็ไม่เห็นอะไรนอกจากเตียงเล็กๆสำหรับหนึ่งคนนอนได้ รู้สึกลำบากใจที่เห็นเฉินล้มตัวลงนอนบนพื้นพร้อมกับรอยยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้นอนบนเตียงผ้าใบ และทันทีที่ล้มตัวลงนอนความง่วงก็เข้าครอบงำทันที

เสียงฝนเปาะแปะดังราวกับเพลงกล่อมนอน สำหรับร่างเล็กแล้วดูเหมือนคืนนี้ จะเป็นคืนแรกที่ได้หลับสนิทจริงๆ.....

TBC


/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


ขอลงในทวิตก่อนล่ะกันเดี๋ยวจัดการสอบเสร็จอะไรเสร็จจะพยายามหาทางลงในบล็อคหรือเด็กดีอะไรประมาณนั้น

ปล.ใครอ่านแล้วมีอะไรจะบอก วานติดแท็ค #RainySpell ให้หน่อยนะคะ จะตามไปอ่านดู ^^

Reply · Report Post