Pan2Min

팬미니민 · @Pan2Min

15th Sep 2013 from TwitLonger

ฝากฟิคให้อ่านหน่อยค่า ^^

[FICTION] RAINY SPELL

Title : Rainy Spell (Part 1)
Paring : Luhan X Minseok

Writer : 비판이성
Translator : Pan2Min

Note : เรื่องนี้เป็นฟิคแปลจากต้นฉบับภาษาเกาหลีนะคะ ถ้าใครอยากอ่านเวอร์ชั่นเกาหลีเมนชั่นมาถามลิงค์ได้นะ 5555
เนื้อเรื่องเป็นแนวบรรยายแบบฟิคเกาหลี อ่านจากภาษาเกาหลีมันสนุกนะ แต่พอแปลแล้วไม่รู้จะน่าเบื่อรึเปล่า ยังไงฝากติชมด้วยนะคะ!!


/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////



ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างทางในป่าทึบอันเขียวชอุ่ม นี่เขาแยกตัวออกมาสิบวันแล้วสินะ และตอนนี้ก็ผ่านไปกว่าหกชั่วโมงแล้วด้วย
มินซอก หนุ่มน้อยผมลอน ตอนนี้เขากุมท้องอันว่างเปล่าของตัวเองไว้แล้วค่อยๆยกตัวเองขึ้น ฝนที่จู่ๆก็ตกลงมาโดยไม่มีสัญญาณใดๆ ทำเอาเสื้อเชิ๊ตสีขาวของเขาเปรอะเปื้อนจนไม่สามารถหาสีเดิมได้เลย แถมดูเหมือนกางเกงที่เปื้อนไปด้วยเศษใบไม้และดินโคลนยังหนักมากอีกต่างหาก รู้สึกราวกับมีน้ำซึมออกมาจากพื้น ในทุกๆก้าวที่เดินไปรอยเท้าคู่เล็กทิ้งร่องรอยแอ่งน้ำขนาดย่อมไว้ตลอดทางที่ย่ำผ่าน



ตอนนั้นความจำก่อนหมดสติไปนั้น ก็ได้แวบขึ้นมาในหัว



ตอนนั้นเครื่องบินได้ผ่านไปยังทิศทางใด...






Rainy Spell 1
Writer : 비판이성






นี่เป็นการออกไปเที่ยวประเทศจีนตามใจเขาเอง ถ้าพูดกันตรงๆแล้ว การแบกเป้แล้วออกไปเที่ยวตามเส้นทางที่คนอื่นเขาไม่ไปกันเนี่ยก็คือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ในขณะที่ผ่านละแวกใกล้เคียงทางตอนใต้ของประเทศจีน รถเก่าๆที่เขานั่งมา ดูเหมือนเบรกจะเสียและนั่นก็เป็นจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด


"กึ้ง! กึ้ง!"


เสียงดังออกมาจากรถจี๊บเก่าๆ คนท้องถิ่นและไกด์ส่งสัญญาณมือบอกร่างเล็กว่าจะซ่อมมัน เขาจึงลงไปดูทิวทัศน์รอบๆ
ป่าทึบและทะเลสาบที่แผ่ออกไปสุดลูกหูลูกตา ช่างเป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆ นี่แหละคือความสนุกของการมาเที่ยวครั้งนี้ มินซอกหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเงียบๆเพื่อถ่ายภาพความงดงามนี้ไว้ก่อนที่จะหันหลังกลับไป ในตอนนั้นเองก็มีเสียงแปลกจากที่ไหนสักแห่งดังขึ้นมา ภาพของลูกปืนใหญ่ที่ลอยละลิ่วมาเป็นเส้นโค้ง ได้ลบร่องรอยของรถจิ๊บคันเก่าๆ อีกทั้งคนท้องถิ่นและไกด์ที่เคยอยู่ตรงนั้นไปจนหมดสิ้น



ฟิ้วววววววววววว


ตู้มมมมมมมม!!!!!!!!


เสียงระเบิดดังขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆหัวของร่างเล็กก็ถูกกระแทกอย่างแรง





เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกที เขาก็นอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่แล้ว ท่ามกลางป่าทึบอันเงียบสงัด ไม่รู้ว่าเป็นเวลาเท่าไรแต่นี่ไม่ใช่เวลากลางดึกแน่ ถึงแม้ว่าพระอาทิตย์ได้ตกดินไปแล้วก็ตาม มินซอกคิดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วครู่ ไม่รู้ว่านี่เป็นความฝันหรืออย่างไร เขาจึงหลับตาไปอีกครั้ง แต่ความเจ็บแปร๊บที่ท้ายทอยก็ทำให้ต้องลืมตาขึ้น

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ใครกันที่ทำให้เขาสลบแล้วเอามาทิ้งไว้ในป่าแบบนี้ ถึงแม้จะเป็นความจริงที่ไม่อยากจะเชื่อก็ตาม แต่ว่ามินซอกก็ยังมีความหวังเกิดขึ้น ใครก็ตามที่พยายามย้ายเขาเข้ามาในที่แบบนี้ คงพาเข้ามาไม่ไกลจากถนนใหญ่เท่าไรนัก เพียงแค่ออกไปจากป่านี้ได้ ก็คงจะเจอใครสักคนแหละน่า ร่างเล็กกำมือแน่นเพื่อเรียกกำลังใจและเริ่มออกเดิน แต่ก็ดูเหมือนไม่นานนักที่ได้รู้ว่า ความหวังที่มีนั้นเป็นการคิดไปเอง.....

ในป่าทึบนั้นยิ่งเดินทางเข้าไปเท่าไร ทางนั้นก็ยิ่งเปลี่ยนไปราวกับป่ากำลังมีชีวิต จากที่ดูเหมือนน่าจะมีซากรถเหลืออยู่ไม่ไกลจากที่นี่ แต่ยิ่งร่างเล็กเดินเท่าไรๆก็ไม่เห็นวี่แววจะเจอสักที สองสามชั่วโมงผ่านไป มินซอกที่เดินสะเปะสะปะไปทั่วอย่างไม่รู้ทิศทาง ใบไม้สีเขียวที่ดูเหมือนกันไปหมด ถูกลมพัดสะบัดไปมาราวกับกำลังโบกมือยินดีต้อนรับและเหมือนกับว่าไม่อยากจะไล่เขาออกไปจากป่านี้

ตัวเขาที่เกิดในเมืองและโตในเมือง การหาทางในป่ารกอย่างนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนตาบอดที่หลงเข้าไปในกรุงโซลเพียงลำพัง ร่างเล็กที่เลี้ยวไปทางนู้นทีทางนี้ที ต้องคอยระวังต้นไม้ที่ขึ้นเรียงตัวกันอย่างหนาแน่น

จนในที่สุดก็ล้มเลิกความคิดที่จะหาทางออกไปข้างนอก มินซอกเริ่มหาอะไรกินจากกระเป๋าเป้ใบเล็กที่ติดตัวมาและเมื่อผ่านไปสามวันขนม 2 ถุงที่เคยอยู่ในกระเป๋าเป้ใบเล็กก็หมดลง.....



'แล้วเขาจะปรับตัวในป่านี้ได้อย่างไรนะ?'



มินซอกคิด เป็นเวลาถึงสามวันที่เขาดื่มน้ำจากหลุมน้ำขังที่พื้น ที่ๆเขาไม่เคยคิดแม้แต่จะสัมผัสหรือแลมองเลยสักนิด การอยู่ในป่าทึบอย่างนี้ ร่างบางก็ได้แต่ภาวนาขอไม่ให้มีสัตว์ป่าดุร้ายออกมา เขาได้แต่นอนหลับๆตื่นๆอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ยิ่งถ้าเป็นกลางคืนด้วยแล้ว ที่นี่ถูกปกคลุมด้วยความเงียบสงัดราวกับป่าที่เคยมีชีวิตก่อนหน้านี้ได้ตายไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น นานๆครั้งถึงจะมีเสียงกรอบแกรบดังออกมา



อู้ววววว อู้ววววววว



เสียงนกดังมาจากที่ไกลๆ ยิ่งพอได้ยินเสียงอย่างนั้นแล้วร่างบางก็ยิ่งข่มตาหลับไม่ลง รู้สึกเสียสติราวกับเป็นนักแสดงอยู่ในหนังสยองขวัญ เขาได้แต่พูดกับตัวเองว่า



“เขาจะตายไม่ได้ เขาต้องรอดออกไป”



แต่ทว่ามินซอกก็ไม่ได้ย้ายตัวเองออกห่างจากที่ที่ตัวเองฟื้นขึ้นมาไม่ไกลนัก ตัวเขาเองก็ได้แต่หวังว่าเมื่อพ่อแม่รู้ว่าตัวเขาหายตัวไปจากการท่องเที่ยวและไม่ได้ติดต่อกลับไป คงส่งหน่วยกู้ชีพมาช่วยเขาแน่ๆ มินซอกหวังอย่างนั้นจริงๆ

และนั่นเป็นสองวันก่อนที่ฝนจะตกลงมา.....








ฝนตกที่ในป่าอันรกร้างนี่มันโหดร้ายมาก สายฝนตกกระหน่ำเทลงมาเป็นสายอย่างไม่มีหยุด น้ำฝนที่ตกกระทบใบไม้นั้นแตกกระจายเป็นละอองฝนทำให้เกิดหมอกหนาขึ้นมา หมอกหนาเหล่านั้นเหมือนกับกับดักที่กำลังคืบคลานเข้าโอบรัดราวกับอยากจะกินคนเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น

สายฝนที่ตกลงมาอย่างแรงไม่มีหยุดนั้น ทำเอาร่างเล็กที่เปียกชุ่มไปทั้งตัวนั้นต้องทนหนาวสั่นไปไปทั้งวัน มินซอกพยายามหลบฝนระหว่างต้นไม้ใหญ่แต่ทว่าฝนก็ตกหนักมากแม้แต่ต้นไม้ใหญ่ก็ไม่สามารถทัดทานความแรงของมันได้ มินซอกพาร่างกายอันหนาวสั่นของตน พยายามหักกิ่งไม้ที่ขวางทางอยู่อย่างยากลำบากเขาพอเจอที่ที่หนึ่งและจะใช้มันเป็นที่กำบังหลบฝนในตอนนั้น

หลายวันผ่านไป ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ในที่สุดร่างเล็กก็รู้ตัวว่าอาจจะตายได้เนื่องจากไข้สูงที่กำลังเผชิญอยู่ หลังจากเป็นไข้สูงอยู่นาน ในตอนนั้นเอง สุดสายตาของเขาก็ได้เหลือบไปเห็นไปกล่องอะไรสักอย่าง ที่ถูกบรรจุอยู่ในชูชีพเล็กๆ ถูกโปรยลงมาสองสามกล่องพร้อมกับเครื่องบินที่บินผ่านไป....






มินซอกกำลังรู้สึกว่าร่างกายตัวเองจะหลุดเป็นชิ้นๆในทุกๆก้าวที่เดินไป เขาได้แต่เพียงแต่ลากขาไปรอบๆในบริเวณที่อยู่เท่านั้น รองเท้าผ้าใบที่เคยใหม่ถูกแช่ในน้ำ ซึ่งในทุกครั้งก้าวที่เดินให้ความรู้สึกเหมือนกับมีโคลนและน้ำไหลออกมา

ภายในสมองของร่างเล็กขุ่นมัวราวกับมีเมฆปกคลุมไว้และเมื่อลองคิดดูแล้วทางนี้ที่กำลังเดินอยู่ก็เหมือนกับทางที่เคยผ่านมาแล้ว ยิ่งไข้ขึ้นสายตาก็ยิ่งพร่ามัว แต่ก็เหมือนจะยังโชคดีอยู่บ้าง เมื่อในที่สุดเขาเจอของที่ต้องการ เมื่อสายตาของเขาได้เห็นภาพกากบาทสีแดงที่ถูกวาดบนผ้าร่มชูชีพสีขาวท่ามกลางสายหมอกอันขมุกขมัวนั้นเอง

เมื่อร่างบางได้เห็นภาพเครื่องหมายนั้นก็ยิ่งทำให้เข้าใจอะไรมากยิ่งขึ้น พื้นที่ในเขตนี้คงจะเป็นพื้นที่สงครามและ กล่องยังชีพกับเครื่องหมายกาชาดสีแดงที่ถูกโปรยลงมา ก็คงเพื่อแจกให้กับประชาชนผู้ประสบภัยจากสงครามนี่เอง

มินซอกที่ยังคงจับไข้อยู่นั้นได้แต่คิดว่าภายในกล่องที่อยู่ใต้ชายผ้าร่มชูชีพที่แผ่ปกคลุมอยู่นั้น ถ้ามีของที่พอจะกินได้ก็คงจะดีสินะ เขาคงจะยืดชีวิตของตนเองได้ไปอีกหน่อย เมื่อคิดได้อย่างนั้นร่างเล็กจึงรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายเอื้อมมือไปทางกล่องที่มองเห็นอยู่ข้างหน้า....

ฟุบ!

มือที่กำลังยื่นออกไปหยุดชะงักและตกลง....







มีชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ๊ตเก่าๆสีขาวยืนอยู่

ถึงแม้ว่าร่างเล็กสายตาจะพร่ามัวเพราะพิษไข้แค่ไหนก็ตามก็รู้ได้ทันทีว่า....อันตราย

ด้านตรงข้ามของป่าปรากฏร่างของชายหนุ่มที่บนไหล่ของเขามีปืนยาวพาดอยู่ เขาเคลื่อนไหวตัวอย่างรวดเร็วเหมือนกับคุ้นชินทางมานาน ร่างนั้นฉวยคว้ากล่องยังชีพนั้นขึ้นมาก่อนคลายเชือกชูชีพเล็กนั่นออกไปและเปิดฝาเพื่อทำการสำรวจว่ามีของกินอยู่ในกล่องนั้นหรือไม่ ชายหนุ่มเคลื่อนไหวราวกับมองไม่เห็นมินซอก แต่ว่าถ้าหากมินซอกไม่มีกล่องนั่นเขาอาจจะอดตายอยู่ตรงนี้ก็ได้นะ จะอยู่หรือตายดีล่ะ ร่างเล็กถามตัวเองในใจก่อนจะเปิดปากตัวเองออกอย่างลำบาก

"เอ่อ...คุณ..."

มินซอกรู้สึกว่าเสียงที่เปร่งออกมามันช่างแหบพร่า ราวกับไม่ใช่เสียงของตัวเอง ได้แต่ตำหนิตัวเองที่เอ่ยภาษาเกาหลีโง่ๆออกไปทั้งที่ที่รู้แก่ใจว่าเขาคนนั้นคงไม่เข้าใจ ร่างเล็กพยายามยกตัวขึ้นอีกครั้งและก็เริ่มสงสัยในสายตาของตัวเองเมื่อจ้องมองใบหน้าขาวซีดของชายหนุ่มที่มองมายังตนอย่างนิ่งเฉย ในหัวของมินซอกวุ่นวายและสับสนไปหมด แถมยังนึกคำศัพท์ภาษาอังกฤษออกเพียงไม่กี่คำเท่านั้น จะพูดออกไปดีไหมนะ?

ชายหนุ่มถอยออกไปจากมินซอกอีกสองสามก้าว เมื่อมองดูดีๆแล้วท่วงท่าการขยับตัวของเขากับภาพป่าไม้อันเขียวชอุ่มที่อยู่เบื้องหลังดูจะกลมกลืนกันไปหมด แต่ชายหนุ่มรูปงามกับที่แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยดินโคลนอันเปอะเปื้อนกับเศษใบไม้ที่ตกอยู่ทั่วมันช่างเป็นภาพที่ขัดกันจริงๆ




'หรือนี่จะเป็นเทวดาที่มาจากท้องฟ้าที่จะลงมาช่วยเขารึเปล่านะ'




มินซอกครุ่นคิดและมองอย่างเหม่อลอยไปที่ร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ มินซอกลังเลที่จะเอ่ยบทสนทนากับชายหนุ่ม



"เอ่อ...คุณ...can you help me?"




ร่างเล็กลองพูดภาษาอังกฤษออกไปอย่างขัดเขินแต่ใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นยังคงเฉยเมย จมูกและปากเล็กๆบนใบหน้าขาวๆอันเกลื้ยงเกลา อีกทั้งดวงตาโตที่ดูน่ารักของร่างสูงนั้นทำแค่เพียงจ้องมองมาที่ร่างเล็กของมินซอกเท่านั้น มินซอกรู้สึกตกตะลึง ถึงแม้ชายหนุ่มคนนี้จะหน้าตาอ่อนหวานและสง่างามแต่ก็รู้สึกได้ถึงความหงุดหงิดจากร่างสูงเหมือนกัน

มินซอกชี้ไปที่กล่องนั้น พลางทำท่าเลียนแบบท่าการกิน สองมือของร่างเล็กยกมือพนมเพื่อแสดงการขอร้อง ตอนนั้นชายหนุ่มมองลงมาชั่วครู่แต่ก็ไม่ได้แสดงทีท่าใดๆอีก ร่างเล็กเหลือบมองปืนยาวที่ชายหนุ่มสะพายอยู่บนไหล่ ตนคงไม่มีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวไปมากกว่านี้แล้ว แถมโอกาสที่จะขโมยกล่องนั้นมาได้ก็คงจะกลายเป็นศูนย์ไปโดยปริยาย เขาคงต้องยอมตายอยู่ตรงนี้ดีกว่าขโมยกล่องนั้นมา ร่างเล็กคิดอย่างนั้นจริงๆ



!!!!!!!!!!





และร่างเล็กก็ต้องผวาเมื่อรู้สึกถึงวัตถุเย็นเฉียบมาจ่ออยู่ที่เอวของเขา มีชายหนุ่มอีกคนที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนกำลังจ่อปืนมาที่เอวของเขาอยู่...

ตุ๊บ ตับ ตุ๊บ ตับ

ตัวอุ่นๆของร่างเล็กที่นอนขดคู้อยู่บนพื้น มินซอกรู้สึกเจ็บปวดราวกับตัวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อหลังของร่างเล็กที่โดนกระทืบเข้าอย่างแรงแต่ชายหนุ่มคนนั้นก็ยังคงนิ่งเฉยและทำเพียงแค่มองมาที่ร่างเล็กที่นอนอยู่บนพื้นเท่านั้น สติของมินซอกเริ่มหลุดลอยไปเรื่อยๆ เขาพยายามตั้งสติ และเริ่มรู้สึกว่าถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดไปแล้วเขาก็คงต้องตายอยู่ตรงนี้เสียล่ะมั้ง...

.........................
.....................
................
...........
........
.....
..
.

ชายหนุ่มพาร่างเล็กเดินเลี้ยวไปมาในป่าทึบ พาเขามายังตึกร้างที่ไหนไม่รู้แห่งหนึ่ง ที่นี่เป็นตึกซีเมนต์เก่าๆเมื่อสิบปีที่แล้วน่าจะเคยเป็นบังกาโลมาก่อน ตลอดทางที่เดินมาร่างเล็กถูกปากกระบอกปืนจ่อทิ่มเข้าที่เอวอย่างนับครั้งไม่ถ้วน จนรู้สึกเจ็บแปรบๆอยู่ที่เอว ชายหนุ่มไม่พูดอะไรกับเขาสักคำใช้เพียงปืนจี้แถวๆเอวเพื่อบอกทิศทางที่จะไป หากทิ่มไปทางซ้ายก็เลี้ยวซ้าย หากทิ่มไปทางขวาก็เลี้ยวขวาราวกับอยากจะบอกว่าหากไม่อยากตายก็ให้เดินไปเงียบๆ



"ฮึกกก อั๊กกก"



มินซอกล้มลงกับพื้น ร่างบางขดตัวร้องครวญคราด้วยความความเจ็บปวด ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ๆมาก่อนจะนั่งยองๆลงข้างๆร่างบาง เขาจับตัวมินซอกให้หงายขึ้นอย่างแรงและ ร่างที่หนากว่าเอื้อมมือมาคลายหัวเข็มขัดของร่างเล็กออก...มือขาวซีดหยาบกระด้างขยับอย่างรวดเร็วราวกับไม่เปิดโอกาสให้มีช่องว่างใดๆให้คนใต้ร่างได้ต่อต้าน ร่างเล็กแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำตอนที่เสื้อกับกางเกงที่เปียกชุ่มของเขาถูกจับถอดออกไป ....

ไม่รู้จะพูดเป็นภาษาอย่างไร ร่างเล็กได้แต่ปัดป่ายมือไปสะเปะสะปะแทนการสบถอย่างแค้นเคือง เขาไม่กล้าจะขัดขืน และเมื่อกางเกงถูกดึงลงไปกองที่หัวเข่า ความรู้สึกเย็นวาบก็แผ่ไปทั่วกระดูกสันหลังของร่างเล็ก





นี่เขากำลังจะถูกข่มขืน







ในชีวิตที่เกิดมาเป็นผู้ชายของเขา ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้ ร่างเล็กที่เข้าใจสถานะของตนเองอย่างแจ่มแจ้งก็เริ่มดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย มินซอกใช้แรงทั้งหมดที่มีพยายามดันไหล่ร่างสูงออกไป แต่ก็ไม่เป็นผล คนตัวเล็กจึงจ้องมองไปที่ชายหนุ่มด้วยแววตาอ้อนวอน...


"วะ..ไว้ชีวิต..ผมเถอะ....ยะ..อย่าทำอะไรผมเลยนะ"


"......."


"คุณ...ยะ..อย่าทำแบบนี้เลย...ขะ....ขอร้อง....นะ?"


สุดท้ายร่างเล็กก็พบว่าการร้องไห้คือวิธีที่ดีที่สุด ขณะที่เขาหน้าซีดและตัวสั่นหงึกด้วยความกลัวอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต ชายหนุ่มคนนั้นกลับมองเขาอย่างนิ่งสงบ

ชั่วพริบตาเดียวที่ร่างเล็กถูกจับพลิกคว่ำลง และทันใดนั้นร่างสูงก็ดึงชั้นในของตนลงก่อนจะพลิกตัวเองขึ้นมาเหนือร่างเล็กที่หมอบคว่ำอยู่ หัวเข่าของคนใต้ร่างสูงที่ถูไถอยู่กับพื้นซีเมนต์เย็นๆก็เริ่มเจ็บขึ้นมา

"อั๊กก" ชายหนุ่มต่อยเข้ามาที่กลางลำตัวของร่างเล็กอย่างแรงโดยไม่เปิดโอกาสใดๆให้คนตัวเล็กได้ปัดป้องเลย ร่างเล็กอ่อนแรงและรู้สึกเจ็บปวดราวกับตัวจะทะลุเสียให้ได้

"ฮึก" ร่างเล็กหายใจเข้า กระตุกสั่นไปทั้งตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นชั่วพริบตาเดียว ทันทีที่อาการกระตุกของร่างเล็กอ่อนแรงลง ชายหนุ่มที่หยุดชะงักอยู่เมื่อครู่ก็เริ่มผลักร่างเล็กลงกับพื้นอีกครั้ง....



"อ๊าาาา อ๊ากกก" ไม่ทันที่จะได้คิดอะไร มินซอกก็ต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด


"อ๊ะ อ๊าาา...ยะ..อย่าทำ..."


"......."


"ยะ...อย่านะ...อะ...ไอ้บ้า!"

"ฮึก....อ๊าาา ยะ...หยุดนะ!"



แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าร้องตะโกนอะไรออกไปบ้าง ความรู้สึกสับสนวุ่นวายและสมเพชตัวเองตีกันอยู่ภายในหัวของเขา ร่างสูงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงอ้อนวอน มือหนาคว้าต้นคอของร่างเล็กที่เอาแต่ต่อต้าน ก่อนจะกดหัวลงกับพื้นอย่างแรง

ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก

ชายหนุ่มเคลื่อนไหวร่างกายใส่คนตัวเล็กอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ร่างทั้งร่างของคนถูกกระทำต้องสั่นไหวอย่างแรงตามจังหวะแรงกระทำของคนด้านบน น้ำตาไหลจากดวงตาแดงช้ำอาบเต็มสองแก้มที่เจ็บแสบเพราะถูกถูไถไปกับพื้นซีเมนต์หยาบ ดวงตาที่พร่าเลือนเหมือนกับสมองของร่างเล็กในตอนนี้

กึง กึ้ง กึ่ง กึ้ง

เสียงหัวเข็มขัดของร่างสูงกระทบกับต้นขาของมินซอกทำให้เกิดเสียงแปลกๆ ยิ่งได้ยินเสียงชวนให้คลื่นเหียนนั่นร่างเล็กได้แต่คิดว่าสู้ตายไปเสีตอนนี้ยังจะดีกว่า


สำหรับเขานับเป็นเวลานานแสนนานที่ต้องมารับรู้เสียงครางที่น่าสะอิดสะเอียนของตนที่เล็ดลอดออกมา...


...…………………
.....................
...........
.....
..
.





ติ๋ง....

ติ๋ง...

ติ๋ง...

เสียงหยดน้ำฝนดังลอดเข้ามาในหู ชวนให้นึกถึงเสียงหยดน้ำใหญ่ๆที่หยดตกลงมาบนผืนน้ำแล้วแผ่วงกว้างเป็นวงๆ

เปาะแปะๆๆๆๆๆๆ

ซ่าาาาาาาาาาา

ทันใดนั้นเสียงฝนดังซ่าที่สาดเข้ามา ก็ทำให้มินซอกไม่อาจจะทนหลับต่อไปได้ เขาจึงค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ ภาพเพดานอับชื้นที่ดูแปลกตากับพื้นสีขาวเย็นเฉียบก็ปรากฏขึ้นในสายตา

'ที่นี่ที่ไหน?'

ร่างเล็กหลับตาลงช้าๆ...และลืมตาขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกเย็นที่ข้างๆแก้ม และความรู้สึกเจ็บร้าวอย่างรุนแรงที่สะโพกตอกย้ำถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ขึ้นมา คนตัวเล็กนึกถึงความทรงจำอันเลวร้ายนั้น พลางกัดริมฝีปากล่างของตน ไม่อยากแม้แต่จะก้มลงมองช่วงล่าง มินซอกกลั้นใจและเค้นเอาแรงที่มีก่อนที่จะพยายามดึงกางเกงชื้นๆของตนขึ้นมา

ร่างเล็กพยายามรวบรวมแรงที่มีทั้งหมดขึ้นมา ความรู้สึกเจ็บจี๊ดกับรอยเล็บมือที่ต้นคอของตนทำเอาปวดร้าวขึ้นมาที่หัวใจ ร่างเล็กพยายามอดทนกั้นน้ำตาไม่ให้ทะลักออกมาอย่างเต็มที่ และทันทีที่ยกตัวเองขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก ในสายตาก็ปรากฏภาพซองสีเงินวางอยู่สองซอง

'นี่มันคือซองของของยังชีพที่อยู่ในกล่องนั้นนี่'

มินซอกมือสั่นก่อนจะคว้าซองที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมา ดูเหมือนตั้งใจวางเอาไว้เพื่อจ่ายเป็นค่าบริการอย่างไงอย่างนั้น ร่างเล็กบีบซองสีเงินจนแน่น และแล้วน้ำตาที่พยายามกั้นเอาไว้ก็เอ่อล้นออกมา...



"ฮึกๆๆๆ ฮื่อออออออออ"



ตัวอุ่นๆของเขารู้สึกเจ็บราวกับถูกทุบตีอย่างแรงในทุกครั้งที่ขยับตัว แม้กระทั่งเสียงกรอบแกรบของซองที่อยู่ในอ้อมอกของเขาก็ส่งเสียงออกมาราวกับรู้สึกโศกเศร้าไปกับเขาด้วย บางทีมันคงเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะมั้ง?

"ฮึก..ไอ้คนชั่ว..." ไอ้สัดนรก ไอ้บ้า คนชั่ว สารเลว คำสบถที่อยู่ในใจถูกพ่นออกมาจากปากปางอย่างเครียดแค้นให้กับไอ้ชั่วที่กระทำเหมือนเขาเป็นอีตัวโสเภณีแบบนี้ น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ร่างเล็กยังคงกำซองนั้นไว้ในมือแน่น ร่างกายที่อ่อนแรงเพราะพิษไข้ตลอดสองสามวันที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้เรี่ยวแรงที่เคยมีก็ยังไม่กลับมา มือที่กำอยู่จริงๆได้เพียงแต่สั่นเแค่นั้น

แต่ว่าตอนนี้เขาต้องมีชีวิตต่อไป จะกินอย่างไร จะอยู่อย่างไรก็ต้องกลับไปเกาหลีให้ได้ ความคิดที่อัดแน่นเต็มหัวของร่างเล็ก จู่ๆก็ทำให้มือมีแรงขึ้นมา



"ปัง!" ซองสีเงินที่เคยกำแน่นอยู่ในมือนั้นแตกระเบิดออกเพราะแรงบีบ ซีเรียลแห้งกรอบหล่นกระจายเต็มพื้น มินซอกมองไปที่ซีเรียลที่กระจายเต็มพื้นที่สกปรกนั่นอย่างใจลอย มองดูมือสั่นๆของตนเองที่ค่อยๆเอื้อมไปกวาดเอาเศษซีเรียลนั้นเข้าปากอย่างช้าๆ...



หมับ! จู่ๆก็มีมือจากด้านหลังมาคว้าข้อมือของเขาไว้

!!!


ผู้ชายคนนั้น!!!!!!




มินซอกตกใจหน้าซีดก่อนจะสะบัดแขนตนออกอย่างรวดเร็ว แต่ร่างกายผอมแห้งของชายหนุ่มกลับมีแรงเหนือกว่า สายตาหยาบกระด้างนั้นมองมาที่ร่างเล็กอย่างอ่านไม่ออกว่าต้องการอะไร ทันใดนั้นแขนของมินซอกก็ถูกบิดไปข้างหลังอย่างแรงก่อนที่ขายาวจะเตะลงที่ข้อพับขาของเขา เข่าของร่างเล็กทรุดลงในทันที แขนที่ถูกบิดรู้สึกเจ็บราวกับจะหลุดออกจากกัน มินซอกรู้สึกเจ็บปวดเกินจะทนก่อนจะกรีดร้องออกมา

"โอ๊ย...จะ...เจ็บ...ปะ...ปล่อย!!" ชายหนุ่มคุกเข่าลงและกดมินซอกให้คว่ำลงอย่างแรง แขนที่ถูกจับล็อคไว้ทั้งเจ็บและสั่นด้วยความเจ็บปวด ร่างเล็กน้ำตาไหลด้วยความเจ็บและความสั่นกลัว


'มาทำไมนะ มาทำไมอีกนะ' มินซอกตัวกระตุกสั่น เรี่ยวแรงทั้งหมดดูเหมือนจะตกอยู่ในกำมือของร่างสูงไปหมดเมื่อแขนถูกล็อคไว้แบบนี้

'รึว่าเขาจะทำเหมือนเมื่อคืนอีกนะ?'มินซอกรู้สึกกลัวและสับสนราวกับจะเป็นบ้า




และตอนนั้นเอง



'จี๊ด' .......เจ็บ.......จากที่รู้สึกเจ็บที่แขนอยู่ชั่วครู่ ร่างกายร่างเล็กเริ่มหยุดสั่นและค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง ชายหนุ่มเดินถอยหลังออกไปช้าๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่มือขวาของเขาถือเข็มฉีดยาอันใหญ่ขนาดประมาณสองนิ้วมืออยู่ ร่างเล็กจ้องมองมันอย่างสับสนและตกใจ

"นั่นอะไร ... อันนั้นมันคืออะไร?"

ชายหนุ่มคนนั้นกดสายตามองลงมาอยู่ชั่วครู่ ร่างสูงเริ่มค้นหาอะไรบางอย่างที่กระเป๋ากางเกง มินซอกก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกฉีดอะไรเข้าไปแต่สัญชาตญาณบอกเขาว่ามันต้องเป็นสิ่งที่ไม่น่าไว้ใจแน่นอน อาจจะเป็นไปได้ว่ามันคือยาที่ส่งผลต่อประสาท และตอนนั้นร่างเล็กที่รู้สึกว่าอุณหภูมิในร่างกายจากที่เคยร้อนมากอีกทั้งประสาทการรับรู้ทั้งหมดก็ค่อยๆลดตัวลงอย่างช้าๆ รู้สึกหัวใจเต้นแรงเหมือนกับเลือดจะสูบฉีดอยู่ในร่างอย่างพลุ่งพล่าน หัวหมุนติ้วๆ รู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อก็ดูเหมือนจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ สติก็เริ่มจะเลือนลางไกลออกไปทุกที....

ภาพชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้าเริ่มพร่ามัวในเวลาอันรวดเร็ว มินซอกก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยาเสพติดจริงๆหรือเปล่า ถ้าทั้งข่มขืนและยังมียาเสพติดอีก เจ้าคนบ้านั่นก็ชั่วช้าสารเลวจริงๆ ร่างเล็กเค้นแรงเฮือกสุดท้าย มองไปยังผู้ชายคนนั้น พลางตั้งสติอยู่ชั่วครู่หนึ่ง

ชายหนุ่มมองมาที่ร่างอันอ่อนแรงของมินซอก แล้วจัดการห่อเข็มฉีดยานั่นด้วยผ้าเช็ดมือให้เรียบร้อย ชายหนุ่มจัดเข็มให้เข้าที่ทีละนิดๆ และตอนนั้นเองก็มีอีกคนที่ปรากฏขึ้นมาเบื้องหลังของร่างสูง......

"ใครหน่ะ?" ผู้มาใหม่เอ่ยถามกับชายหนุ่มพลางมองไปยังร่างเล็กที่นอนแผ่อยู่บนพื้น รอยยิ้มน้อยๆปรากฏที่มุมปากของชายหนุ่ม...

"เลย์"
"ไม่ตอบสินะ ลู่หาน"

ไม่ได้อยากท้าทายหรอกนะ แต่ลักษณะการพูดที่สงบเยือกเย็นของเลย์ ทำให้ลู่หานมีอาการแปลกๆนิดหน่อย ไม่ใช่สีหน้าเฉยเมย ไม่ใช่สีหน้าลำบากใจ แต่ก็ไม่ใช่สีหน้าที่แสดงความพอใจด้วยเหมือนกัน


"ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้ากินซีเรียลแบบนั้นเข้าไปก็คงได้จัดการเพิ่มอีกศพนะสิ"
"นายอยากพาไปด้วยเหรอ?"

การพูดอย่างมีศิลปะคงเป็นข้อดีของเลย์ ลู่หานไม่พูดอะไร เงียบ ไม่ตอบคำถามของเลย์ และเริ่มจุดไฟอยู่ใกล้ๆกับผนังอย่างเงียบๆ ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีก พื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงฝนที่ไม่รู้หยุดไปตั้งแต่เมื่อไร....


TBC



Reply · Report Post