[SF] "เนื้อคู่ประตูถัดไป, ตอน: ไฟดับ [YUNJAE,JREN, by รนรด พฮร วลรว วว33 คค. :) (ครึ่งหลัง)









ตัดกลับมาที่ห้อง 511 อีกที

หลังจากที่ตะโกนโวยวายขอความช่วยเหลือจนหอบแดก ย้ำ...ว่าหอบแดก! คิมแจจุงก็นั่งแหมะลงบนขอบเตียงของไอ้ปาร์ค ตั้งแต่เกิดมานอกจากตะโกนด่ายุนโฮแล้วก็ไม่เคยใช้เสียงได้เหนื่อยเท่านี้ ให้ตายเถอะ...กูเหนื่อยมาก! แล้วไอ้หมีบ้าชื่อชองยุนโฮแม่งก็ไม่ช่วยห่าอะไรเลย นั่งกระดิกตีนเล่นไอแพดอยู่นั่นแหละ กูขอให้ไอแพดมึงแบดหมด!

“เหนื่อยมั๊ยจวง?” สาดดดดดดดด ยังมีหน้ามาถาม!

“เหนื่อยเซ่! มึงนะ ไม่ช่วยกูเลย ปล่อยกูแหกปากอยู่คนเดียว!!”

“กูบอกมึงแล้วว่าเหนื่อยเปล่า...ถ้าไอ้พวกนั้นจงใจแกล้งเราจริง ต่อให้มึงแหกปากจนลูกกระเดือกหลุดมันก็ไม่มาเปิดให้หรอก คงเช้านู่นแหละกว่ามันจะมาเปิดให้...มึงอ่ะดื้อ”

“ว่ากูเหรอ!?”

“ชมมั้ง...” ว่าแล้วก็ยักคิ้วสองที ก่อนจะโปรยยิ้มระดับห้าส่งไปให้ตีนควีนเจกระตุกเล่นๆ เห็นมันยิ้มแบบนี้แล้วกูคันทุกที ไม่ใช่คันหูนะ คันตีนอยากเตะปากมันเนี่ย! คิดดูเถอะ...ขนาดมีแค่แสงสว่างจากไอแพดหน้ามันยังกวนตีนได้แจ่มชัดในมโนภาพอ่ะ!

“โว้ยยยยยย ไอ้พวกบ้า! แกล้งกูอยู่ได้ แกล้งกูทำม๊ายยยย ฮือออ กูอยากกลับห้อง!” พอทำอะไรยุนโฮไม่ได้ควีนเจก็กลับมาโวยวายต่ออีกรอบ โวยวายให้มันเหนื่อยตายแม่งเลย! พอตายเป็นผีกูจะกลับมาหลอกไอ้พวกบ้านี่ที่แกล้งกูคืนนี้ให้หมด!!

“เลิกโวยวายซักทีน่า...”

“ก็กูอยากกลับห้องอ่ะ กูจะกลับห้องๆ”

“ไม่อยากอยู่ห้องกูขนาดนั้น? ทำไม...กลัวกูจับปล้ำรึไง?”

“เออ!” อ้าว...แม่ง...เสือกกลัวจริงอีก...

ยุนโฮถึงกับหลุดขำ ควีนหนอควีน...ตอบตรงไปตรงมาชัดเจนเกินไปแล้ว...
รู้ได้ไงเนี่ยเตงงงงว่าเค้าเล็งจะปล้ำอยู่ หึหึ...

“มั่นใจจริงนะว่ากูอยากปล้ำมึงอ่ะ”

“แน่นอน...เพราะกูสวย” อื้อหืออออออออ ขนาดมืดๆ ชองยุนโฮยังเห็นเลยว่าคิมแจจุงทำหน้ามั่นมาก เอาเถอะ...มึงสวยจริง...กูยอม...

กูรู้นะว่าใครๆ ก็อยากปล้ำมึงเพราะมึงสวย
แต่สำหรับกู...ไม่ใช่แค่เพราะมึงสวยกูถึงได้อยากปล้ำ (ห๊ะ?)

“จะบอกอะไรให้นะ กูอ่ะ...ไม่ปล้ำใครแค่เพราะว่าสวยหรอก”

“........................”

“กูจะปล้ำแค่คนที่กูชอบเท่านั้น” ยุนโฮพูดเสียงนุ่ม ก่อนจะส่งยิ้มผ่านแสงหน้าจอไอแพดมาให้ รอยยิ้มแบบนี้ที่แจจุงไม่เคยเห็น มันไม่ใช่หนึ่งในรอยยิ้มห้าระดับของชองยุนโฮ มันดูอบอุ่น...และอ่อนโยน

หรือว่านี่จะเป็นรอยยิ้มระดับที่หก?

แต่ยังไม่ทันจะสงสัยอะไรมากไปกว่านี้ ร่างสูงก็ลุกจากเตียงตัวเองที่นั่งกระดิกตีนเล่นไอแพดอยู่เมื่อกี๊ไปที่ตู้เย็น ยุนโฮหยิบโค้กออกมาสองกระป๋อง กระป๋องนึงโยนให้แจจุง ส่วนอีกกระป๋องก็เปิดซดเอง

ดวงตากลมคู่โตของควีนเจแห่งหออาร์ตมองไอ้หมีหน้ามึนเจ้าของห้อง 511 ที่นั่งลงทำท่าจะกลับไปเล่นแองกรี้เบิร์ดในไอแพดต่อเงียบๆ แววตาจากดวงตาคู่นั้นเหมือนกำลังครุ่นคิดและสงสัยในอะไรบางอย่าง วูบนึง...ที่สายตาเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นแวบขึ้นมา ก่อนที่แจจุงจะตัดสินใจถามคำถามหนึ่งออกไป

“ยุนโฮ...”

“หืม?”

“มึงจะปล้ำกูมั๊ย?”

ห๊ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ชองยุนโฮถึงกับสำลักโค้ก ร่างสูงหันขวับไปมองเจ้าของคำถาม พยายามมองลึกเข้าไปในดวงตาของคนที่นั่งอยู่ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกล ถึงจะเห็นแค่ลางๆ ในความมืด แต่ยุนโฮก็เห็นสีหน้าและแววตาจริงจังของแจจุง มองแล้วมองอีก จ้องแล้วจ้องอีกก็หาสิ่งที่บอกว่าล้อเล่นไม่เจอ

“นี่มึงเมาโค้กเหรอจวง?”

“กูถามมึงต้องตอบ...มึงจะปล้ำกูมั๊ย?”

“ไม่” ทันทีที่คำเดียวสั้นๆ หลุดจากปากใครอีกคนเป็นคำตอบ ควีนเจผู้ยิ่งใหญ่ก็รู้สึกเหมือนหัวใจหลุ่นวูบดังตุ้บ ถ้าให้เปรียบ...ก็เหมือนลูกโป่งใส่น้ำที่ถูกปล่อยลงพื้นให้แตกดังโพล๊ะ มันไม่ได้เจ็บ...แต่จุกเบาๆ อย่างไม่มีเหตุผล

มึงบอกว่ามึงจะปล้ำแค่คนที่ชอบ...
แต่มึงจะไม่ปล้ำกู...ก็แปลว่า...

มึงไม่ได้ชอบกูงั้นสินะ?

เชี่ยเอ๊ยยยยย หน่วงมาก
หัวใจกูหน่วงได้ส้นตีนมาก!

“ชิ...ถึงมึงจะปล้ำกูจริงกูก็ไม่ยอมให้มึงปล้ำหรอก!” ทำเป็นเสียงดังกลบเกลื่อน ทั้งที่ในหัวเหมือนมีคนมาแอคโค่พูดย้ำซ้ำๆ

ไอ้ยุนโฮไม่ได้ชอบมึง
ไอ้ยุนโฮไม่ได้ชอบมึง
ไอ้ยุนโฮไม่ได้ชอบมึง

คิมแจจุงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกนี่คืออะไร
ผิดหวัง เสียดาย...หรือเสียใจกันนะ?

“นี่จวง...” คนที่สะบัดหน้างอนไปอีกทางไม่ยอมหันมาตามเสียงเรียก อยู่ๆ ก็ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากสบตา ไม่อยากรับรู้ด้วยซ้ำว่ามีคนๆ นี้อยู่ข้างๆ

ไอ้ยุนโฮไม่ได้ชอบมึง
ไอ้ยุนโฮไม่ได้ชอบมึง
ไอ้ยุนโฮไม่ได้ชอบมึง

ไม่ได้ชอบกูก็ไปไกลๆ ตีนกูเลยไป! แม่ง!!!

“แจจุง” เสียงนุ่มใส่กูอีก ฮือออ

“คิมแจจุง”

หมับ!

คราวนี้ไม่หันก็ต้องหัน เพราะไอ้หมีสามเต้ามันไม่เรียกอย่างเดียว แถมยังคว้ามือเขาไปจับไว้อีกต่างหาก หันขวับมามองอีกทีก็ต้องสะดุ้ง ผงะถอยหลังหนีแทบไม่ทัน ก็ไอ้หมีบ้ามันเล่นมานั่งข้างๆ กันตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ พอหันไป...หน้าเลยอยู่ห่างกันนิดเดียว มะ...มะกี๊น่ะ...จมูกเกือบชนกันอยู่แล้วนะ!

“จับมือกูทำไม? ปะ...ปล่อยเลย ลามปามใหญ่แล้วมึง”

“ก็มึงไม่หันมามองหน้ากูอ่ะ”

“ตอนนี้กูหันแล้วไง ปล่อยสิ...”

“ไม่ดีกว่า มือมึงนิ่ม...กูอยากจับไปนานๆ”

ให้จับตลอดชีวิต...ตลอดไป...ได้ยิ่งดี

“มึงรู้มั๊ยทำไมกูถึงไม่ปล้ำมึง” ยุนโฮถาม แจจุงส่ายหน้าตอบไปว่าไม่รู้ ทั้งที่ในใจ...

ไอ้ยุนโฮไม่ได้ชอบมึง
ไอ้ยุนโฮไม่ได้ชอบมึง
ไอ้ยุนโฮไม่ได้ชอบมึง

ประโยคนั้นมันยังดังอยู่...

“เพราะกูอยากให้ความสำคัญกับคนที่สำคัญ อยากทะนุถนอม...สิ่งที่มีค่า...ถึงจะเป็นคนที่ชอบกูก็จะไม่ขืนใจ...” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นแผ่วเบาให้ได้ยินกันสองคน ยุนโฮยังจับมือแจจุงไว้ เช่นเดียวกับสายตา...ที่ยังมองลึกความไปในดวงตาของคนตรงหน้า ราวกับจะสื่อความหมาย...

“กูอยากให้เรากอดกันเพราะกูอยากกอดเขา...แล้วเขาก็อยากกอดกู...” พูดจบแค่นั้น แล้วก็คลี่ยิ้มอ่อนโยน รอยยิ้มแบบนี้อีกแล้ว...ทั้งอ่อนโยนและอบอุ่น...รอยยิ้มแบบนี้ที่ทำใจกูสะเทือนอีกแล้ว

เหี้ย...โคตรหล่อ!!!!!

“เชี่ย...” ควีนเจถึงกับหลุดอุทานแล้วเบือนหน้าหนี สู้สายตาไอ้หมีบ้านี่ต่อไปไม่ไหว ดีนะที่มองเห็นแค่ลางๆ มืดๆ ถ้าเห็นสว่างๆ กูว่ากูตายอ่ะ! คิมแจจุงได้กลางร่างเป็นสาวน้อยแรกรักละลายตายคาอกมันแน่ๆ!

“ด่ากูทำไม?”

“มึงอ่ะเชี่ย...เอาหน้าไปห่างๆ กูเลย” ไปไกลๆ ตีนกูเดี๋ยวนี้ อย่ามาหล่อใส่กู...กูเขิน...

“เอ๊า เป็นงั้นไป ว่าแต่...ที่กูพูดเมื่อกี๊มึงเข้าใจกูใช่ป่ะ?”

“ไม่รู้ ไม่เข้าใจ เออ กูไม่เข้าใจ กูไม่รู้” อิสาวน้อยแม่งซึน ถ้าไฟมาตอนนี้คงเห็นว่าหน้าแดงแปร๊ดไปไหนถึงไหน แล้วยังเสือกปากแข็งบอกไม่เข้าใจ

“หึ...มึงโง่อ่ะดิ” ไอ้นี่ก็รักมาก รักแรงด่าแรง ยิ่งรักยิ่งด่า

“อะ...ไอ้...”

“กูว่าไปนั่งเล่นที่ระเบียงกันดีกว่า ข้างนอกลมเย็น ในห้องแม่งร้อน” ยังไม่ทันจะได้ตอบโต้ ในหัวยังคิดคำด่าไม่ออกเลยเถอะ ยุนโฮก็ลุกขึ้นยืนแล้วลากแจจุงไปที่ระเบียง ก่อนจะเปิดประตูกระจกออกกว้างๆ ให้ลมโกรกที่สุด จับควีนเจคนสวยนั่งปุ๊กลงที่พื้น แล้วตัวเองก็นั่งตามลงข้างๆ

“เย็นขึ้นมั๊ย?”

“ก็ดี...” ควีนเจทำเป็นตอบส่งๆ แล้วกระดกโค้กกระป๋องในมือขึ้นซด ทำเป็นไม่ใส่ใจ ไม่สนใจไปงั้น แต่ความจริงคือกำลังควบคุมสติและน้องหัวใจของตัวเองอยู่ จุดนี้...ใจกูยังไม่กลับมาเต้นในจังหวะที่ปกติ มันยังสั่นๆ ยิ่งนั่งใกล้ๆ กันใจกูก็ยิ่งสั่น TT

“ที่จริงไฟดับแบบนี้ก็ดีนะ”

“ยังไง?”

“ก็...เพราะไฟดับกูถึงได้มีเวลาอยู่กับมึงสองคนแบบนี้ไง...” เช้ดดดดดดดดดดดดดดดดด ไอ้ยุนโฮมึงอย่ามา! ยะ...อย่ามาหล่อใส่กูแบบนี้นะ!! แค่หน้ามึงก็หล่อมากแล้ว อย่ามาหล่อมากกว่าเดิมด้วยคำพูดของมึงเลย ฮือๆๆ

“บะ...บ้า! ไม่เห็นจะดีตรงไหน!” คนสวยเสียงดังกลบเกลื่อนอีกแล้ว แต่ใครอีกคนเหมือนจะรู้นิสัยนี้ของแจจุงดีเลยเอาแต่อมยิ้มชอบใจ

“ที่จริงกูมีเรื่องอยากคุยกับมึงเยอะแยะ แต่เจอหน้ากันมึงก็ด่ากูตลอด...กูเลยไม่ได้คุยกับมึงซักที”

“ถ้ามึงไม่กวนตีนกู กูก็ไม่ด่ามึงหรอก...”

“งั้น...ถ้ากูพูดกับมึงดีๆ มึงก็จะพูดดีๆ กับกูใช่ป่ะ?” จบคำถาม คนถูกถามก็ก้มหน้าก้มตาพยักหน้า เห็นแล้วก็ต้องยิ้มกว้างกว่าเดิม ก็ไอ้ท่าทีกัดปากก้มหน้าแบบนี้ มันเป็นท่าทีที่แจจุงชอบทำเวลาเขินชัดๆ

“แจจุง...”

“หืม?”

“มึงว่า...ตอนนี้เราเป็นอะไรกัน...”

คำถามนี้เล่นเอาได้ยินแล้วถึงกับต้องหันขวับ แต่แทนที่หันไปแล้วจะได้สบตากับคนถาม แทนที่จะได้ค้นหาในดวงตาคู่นั้นว่าความหมายของคำถามนั้นคืออะไร แต่ก็ไม่ เปล่าเลย...ยุนโฮไม่ได้มองแจจุงเลยซักนิด เรียวตาคมสีเข้มเหม่อมองไปไกลอย่างไร้จุดหมาย แจจุงไม่แน่ใจ...ว่าสายตาของยุนโฮจะไปหยุดอยู่ที่พระจันทร์ดวงกลมๆ ดวงนั้นรึเปล่า

“ความสัมพันธ์ของเรา...มันยังไงวะแจจุง?”

“ก็...พะ...เพื่อน...เพื่อนไง เราเป็นเพื่อนกัน”

“แค่เพื่อนเองเหรอ...” ประโยคนี้กับเสียงนุ่มๆ แผ่วเบาที่ฟังดูเหงาๆ นี่...ทำเอาแจจุงใจหล่นวูบ ก่อนที่หัวใจดวงนั้นจะเต้นรัวผิดจังหวะไปหนึ่งสเต็ป มึงหมายความว่ายังไงยุนโฮ? มึงพูดแบบนี้...มึงอยากเป็นมากกว่าเพื่อนของกู...ใช่มั๊ย?

แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากถามให้แน่ใจ ยุนโฮก็หันกลับมาสบตากัน แล้วถามแจจุงต่อด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“มึงไม่ได้เกลียดกูใช่ป่ะจวง?” ปากมึงยิ้ม หน้ามึงหัวเราะ แต่ตามึงเศร้าว่ะไอ้หมี...

“กู...กูไม่ได้เกลียดมึง” กูไม่เคยเกลียดมึง...ถึงปากจะพูดอยู่นั่นว่าเกลียดนักเกลียดหนา แต่ความจริงแล้ว...กูก็ไม่เคยเกลียดมึงจริงๆ เลยซักครั้ง...

“งั้นแสดงว่ามึงก็ชอบกูอ่ะดิ?”

“มั่วแล้วมึง!” เชี่ยเอ๊ย...กูกำลังจะซึ้ง หมดมู้ดเลย เซ็ง!

แจจุงทำหน้ามุ่ย ส่วนยุนโฮก็เอาแต่ขำ ไม่รู้ทำไม เห็นหน้าควีนเจคนสวยแล้วอดแกล้งไม่ได้ ที่จริงก็อยากจริงจังพูดให้เป็นเรื่องเป็นราวอยู่ แต่เห็นแล้วมันหมั่นเขี้ยวอ่ะ อยากแกล้งอ่ะ

“แหมๆ บอกว่าชอบให้เค้าชื่นใจหน่อยก็ไม่ได้นะเตงงงง” ทำเสียงเล็กเสียงน้อยได้ตอแหลสุดๆ พลางยื่นหน้าระรื่นเข้าไปใกล้ๆ แต่แทนที่คราวนี้แจจุงจะด่ากลับเหมือนทุกที ควีนคนสวยกลับนั่งเท้าคางลงกับเข่าที่ชั่นขึ้นมา แล้วบ่นอุบอิบออกมาเบาๆ คำพูดประโยคนั้นที่เหมือนไม่ได้ตั้งใจให้ได้ยินแต่ก็ได้ยินไปแล้ว พอได้ยินไอ้คนที่กวนตีนอยู่ถึงกับต้องชะงัก

“ทีมึง...ยังไม่เห็นบอกให้กูชื่นใจบ้างเลย...” สมองหมีๆ ประมวลผลประมาณสามวิ ก่อนที่เรียวปากหยักจะค่อยๆ เผยยิ้มออกมา อยากจะยิ้ม ยิ้มให้กว้างๆ ยิ้มให้อ่อนโยนที่สุดเพื่อคนๆ นี้

“ขอให้กูเป็นผู้ชายที่ดีกว่านี้อีกซักนิด...แล้วกูจะบอกมึงนะ...”

แจจุงไม่รู้ว่าตัวเองได้ยินผิดไปรึเปล่า ไม่รู้ว่าเข้าใจอะไรผิดไปมั๊ย ใบหน้าหวานเลยค่อยๆ หันมา สบตากับร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ดวงตากลมโตประสานกับเรียวตาคม ต่างฝ่ายต่างมองลึกเข้าไปค้นหาในแววตาของกันและกัน อยากจะรู้ถึงความหมายที่สื่อมา อยากจะเข้าใจ...และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่อยู่ข้างใน

“มึงจะรอกูมั๊ย...” ยุนโฮถามอีกครั้ง คำถาม...ที่ไม่รู้ทำไมได้ยินแล้วต้องยิ้ม แจจุงคลี่ยิ้มบาง แต่ก็ดูสวยที่สุดสำหรับใครอีกคน

“อื้อ...กูจะรอ...” สิ้นเสียงหวาน สายตาสองคู่ก็ประสานกันอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีแรงดึงดูดบางอย่างรั้งให้เคลื่อนกายเข้าหากัน ใบหน้าของยุนโฮและแจจุงเข้าใกล้กันมากขึ้น มากขึ้น... เริ่มสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดใบหน้า ใกล้...จนแทบแนบชิด กระทั่งแจจุงปิดเปลือกตาลง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความรู้สึก แล้วยุนโฮก็...

จุ๊บบบ

กดจูบเบาๆ ลงไปที่มุมปากอิ่ม มันไม่ใช่จูบ แต่มันเป็นจุ๊บ มันไม่ได้จุ๊บที่ปากแต่เป็นมุมปาก เกือบแล้ว อีกนิดเดียวจะถึงปากแล้ว

“ไม่ใช่ที่ปากเหรอ?” อิสาวน้อยถึงกับงง ตาโตๆ โตหนักกว่าเดิม ทำหน้าเหรอหราได้น่าจุ๊บอีกทีมาก

“มึงอยาก?”

“ไอ้บ้า!” แจจุงแว้ดแก้เขินเบาๆ(เหรอ?)ไปหนึ่งดอก ก่อนจะผลักหน้าไอ้คนที่ยิ้มอยู่ได้ไปไกลๆ เบื่อหน้ามันแล้ว ไม่อยากเห็นหน้ามันแล้ว มาหล่อใส่กูแล้วยังมาจุ๊บกูอีก กูเขินตัวจะแตก!

“ที่ไม่จูบเพราะให้เกียรติหรอก...” ยังมีหน้ามาทำเสียงนุ่ม หยุดเถอะชองยุนโฮ!

“ไว้รอมึงใจอ่อนเมื่อไร ไม่ใช่แค่ที่ปาก...แต่กูจะจัดให้ทั้งตัวเลย” พูดจบก็ยิ้มมมมม ยิ้มให้ควีนเจคนสวยตายกันไปข้าง

เรียนท่านผู้มีอุปการะคุณโปรดทราบ ขอให้ทุกคนลุกขึ้นยืนไว้อาลัยให้กับคิมแจจุง
เนื่องจากบัดนี้...นางได้ระเบิดตัวเองเขินตายไปเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณค่ะ

และขณะที่คู่พระคู่นางเมนหลักของเรื่องกำลังองค์ได้ที่ ทั้งคู่ก็หารู้ไม่ว่า ณ มุมนึงใต้หอมีใครบางคนกำลังซุ่มอยู่ข้างพุ่มไม้ ที่คอมีกล้อง Nikon เลนส์ซูมถึงดาวอังคารห้อยอยู่ ส่วนในมือก็กำลังกดไอโฟนทวิตรูปยิกๆ

จุดนี้เชวซีวอนอยากบอกว่าคุ้มมาก! ชาตินี้กูเกิดมาคุ้มมาก!
ช็อตยุนแจจุ๊บปากกันเมื่อกี๊กูอยากบอกว่าฟินชิบหายยยยยยยยยยยย!!

กูอุตส่าห์ลงทุนลงแรงซุ่มอยู่ข้างพุ่มไม้อุทิศโลหิตเป็นอาหารยุงตั้งนานสองนาน ในที่สุดผลบุญของกูพระเจ้าก็มองเห็น ในที่สุดความพยายามของกูก็เป็นผล!

ซีวอนมองข้อความที่ตัวเองกำลังจะทวิตด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะกด tweet


QUOTE
@Siwon407 จุมพิตใต้แสงจันทร์...ถ้าคืนนี้แม่งไม่ได้กัน ไอ้ยุนเป็นหมัน! http://twitpic.com/939srw



เพียงชั่วพริบตา...ข้อความพร้อมรูปจากกล้องเลนส์ซูมถึงดาวอังคารช็อตที่ซีวอนรัวได้ตอนยุนโฮจุ๊บปากแจจุงพอดีก็ถูก retweet 100+

เชวซีวอนอยากจิร้อง กูปลื้ม กูตื้นตัน กูปริ่ม ไม่เสียแรงที่กูไซโคไอ้ชางมินกะไอ้คิบอมให้ไปสับคัทเอาท์ดับไฟอย่างลับๆ แม่งทั้งหอ ไม่เสียงแรงจริงๆ ที่กูวิ่งจากชั้นหนึ่งขึ้นไปล็อคห้องไอ้ยุนโฮ แล้ววิ่งลงมานั่งตากยุงรอฉากพวกมันได้กันอยู่ตรงนี้

โอ้ววววววว มายบิวตี้ฟูลเวิร์ลลลลลลลล โลกนี้แม่งช่างสวยงามเหลือเกินนน ~

.
.
.

และฟิคเรื่องนี้จะจบลงอย่างสมบูรณ์ไม่ได้ถ้าไม่มี...

“เร่เข้ามาจ้ะ เร่เข้ามา! เทียนไขขายถูกๆ จ้า เทียนพรรษาก็มีนะจ๊ะ จุดทีสว่างไสวสดใสไปถึงชาติหน้าจ้า!”

“เอ้าเร้ววววว เร้วๆๆๆๆ ซื้อเทียนไขรับส่วนลดซื้อไม้ขีดไฟตราพญานาคสองหัวสิบเปอร์เซ็นต์จ้า และหากเดินเข้ามาภายในยี่สิบวินาทีนี้ รับฟรี! ไม้ขีดไฟเพิ่มในกล่องหนึ่งก้านจ้า!”

มินพันเล่ม และ บอมหัวไม้ขีด
สองคู่ชั่วแห่งปฐพี ณ บัดนี้ได้ปรากฏกายแล้ว!!

กิจการใหม่ของชิมชางมินและคิมคิบอมคือขายเทียนไขเล่มเหลืองๆ กับไม้ขีดไฟตราพญานาคสองหัว อย่างที่บอก...สองคนนี้เสมือนเกิดมาเพื่อกันและกัน เมื่อคนหนึ่งขายเทียน อีกคนเลยต้องขายไม้ขีดไฟ เพราะถ้าไม่มีไม้ขีดไฟแล้วมันจะจุดเทียนยังไง? และถ้าถามว่าขายไฟฉายเลยง่ายกว่ามั๊ย? สะดวกกว่ารึเปล่า?? จุดนี้ชางมินตอบได้ว่าง่ายกว่าเยอะแต่ต้นทุนมันสูง ไฟฉายกระบอกนึงราคาไม่ใช่ถูกๆ ค่าถ่านไฟฉายอีก ไอ้คิบอมที่เพิ่งโดนโกงหวยเมื่อเดือนที่แล้วคงสู้ไม่ไหว สุดท้ายหลังจากคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนภายในห้านาทีหลังไฟดับ ชิมชางมินกับคิมคิบอมก็ไปเหมาเทียนไขเล่มสีเหลืองๆ กับไม้ขีดไฟตราพญานาคสองหัวมาเปิดกิจการ ก่อกำเนิดเป็น มินพันเล่ม และ บอมหัวไม้ขีด ในตำนานเช่นนี้แล

เรียกได้ว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เทียนไขสีเหลืองๆ กับไม้ขีดไฟก้านเล็กๆ หัวแดงๆ อูยยยยยย คลาสสิคชิบหาย ชีวิตนี้ใครเกิดมาไม่เคยไฟดับแล้วจุดเทียนไขกับไม้ขีด แม่งเสียชาติเกิดอ่ะ!

สองเพื่อนซี้รับทรัพย์กันมือเป็นระวิง คิบอมถึงกับแอบปาดน้ำตาที่ได้กิจการขายไม้ขีดไฟตราพญานาคสองหัวมาช่วยถอนทุนคืนจากการถูกโกงหวยเมื่อเดือนที่แล้ว เช่นเดียวกับชางมินที่นึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ แผ่นมาสเตอร์ลิมิเต็ดอิดิชั่นน้องมิยาบินั้นไซร้ไม่รอดมือพี่แน่เดือนนี้!

และทั้งคู่ก็อดคิดไม่ได้ว่า...ตัดสินใจถูกแล้วจริงๆ ที่ยอมร่วมมือกับไอ้ซีวอน ตอนแรกที่มันมาขอร้องให้ช่วยไปแอบสับคัทเอาท์ดับไฟในหอก็อิดออดอยู่ เพราะไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง แต่มาถึงตรงนี้จะมีปัญหาก็ช่างมัน จะโดนจับได้ก็ช่างแม่ง ขอกูโกยเงินเข้ากระเป๋ากูก่อน ฮิๆๆ อีกอย่างทำแบบนี้ก็เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ดับไฟหอทีพวกกูได้เงิน ส่วนไอ้ยุนกะไอ้แจก็ได้กัน ฮิ้ววว~

ถัดจาก มินพันเล่ม และ บอมหัวไม้ขีด
คนที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ก็คือ...คิมจุนซู...

ขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายกันอยู่ข้างล่าง จุนซูก็นั่งทำสมาธิสงบจิตสงบใจอยู่คนเดียวบนดาดฟ้า เขากำลังจะทำพิธีไล่ผีและส่งวิญญาณร้ายที่ทำให้หออาร์ตอันเป็นที่รักเกิดอาเพศจนไฟดับกลับนรกภูมิไป คนตัวเล็กนั่งอยู่บนเสื่อที่รายล้อมด้วยสายสิญจน์เหมือนในหนังผีทั่วไป จริงๆ เขาควรจะมีลิซซี่เป็นผู้ช่วย แต่นางก็ไม่รู้หายหัวไปไหน คืนนี้จุนซูเลยต้องฉายเดี่ยวทำพิธีคนเดียว

เสียงบริกรรมคาถาดังขึ้นอีกครั้ง ริมฝีปากบางขยับมุบมิบบ่นภาษาอะไรก็ไม่รู้ออกมาแบบฟังไม่ได้ศัพท์ ขณะที่มือข้างหนึ่งก็นับลูกประคำมะขามป้อมไปเรื่อยๆ เม็ดแล้วเม็ดเล่า จากตาทิพย์ที่จุนซูมองเห็น ผีตนนี้เป็นผีสาวเหนือ ผีแม่หญิงเมืองเจียงใหม่ที่อิมพอร์ตมาจากประเทศไทย ดังนั้นการจะไล่ผีของภาคไหนเราก็ควรเอาวัฒนธรรมของที่นั่นเข้ามาสู้

จุนซูจัดของเซ่นไหว้เป็นชุดขันโตก แต่บังเอิญ...จุนซูมีแค่ขันกับแหนมเซเว่นเท่านั้น ชุดขันโตกเซ่นไหว้วิญญาณร้ายเลยกลายเป็น เอ่อ...ขันน้ำสีชมพูมีรูรั่วที่ก้น กับแหนมเซเว่นมีพริกหรอมแหรมสองมัด...

“สงสัยคงต้องใช้ไม้ตาย...”

เอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวและสายตามุ่งมั่น ก่อนจะแกะแหนมในขันตรงหน้าเข้าปากเป็นการปลุกใจ แล้วคิมจุนซูก็หยิบเล็บปลอมที่เค้าใช้สำหรับฟ้อนเล็บมาใส่ทีละนิ้ว ทีละนิ้ว... (แม่งไปหามาจากไหนวะคะ??)

เมื่อขันพร้อม แหนมพร้อม เล็บพร้อม เขาก็ลุกขึ้นยืน สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วก็...

“ต่อนยอน ต๊ะ ต่อนยอน~ ต๋อนยอน ต๊อนยอน ต๋อนยอน~”

ร้องเองฟ้อนเองเลยจ้ะ!

ท่ามกลางแสงจันทร์กลางท้องฟ้าที่มืดมิด ท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดผ่านต้องกาย และท่ามกลางความวุ่นวายในคืนที่ไฟดับ คิมจุนซูโดดเดี่ยวอยู่บนดาดฟ้า และต่อนยอนกับเล็บปลอมอยู่เพียงลำพัง...

“ต่อนยอน ต๊ะ ต่อนยอน~”

.
.
.

จบมั๊ย?

.
.
.
.
.

จบไม่ได้!
จะจบได้ยังไงในเมื่อปาร์คยูชอนยังไม่ออก!!

เอาล่ะ...
เรามาจบซีซั่นแบบฟินาเล่กับผู้ชายคนนี้กันเถอะ!

.
.
.

ปาร์คยูชอนปวดขี้อีกแล้ว...
หลายวันแล้วแต่เขาก็ยังปวดขี้อยู่...

ช่วงนี้ระบบขับถ่ายไม่ค่อยดี กินอะไรเข้าไปแม่งก็เหมือนจะท่อตรงออกตูดหมด ยิ่งเมื่อกี๊กินส้มตำหอยดองเข้าไป ให้ตายเถอะคุณพระ... กูยังแดกข้าวเหนียวไม่หมดเลย หอยดองแม่งเดินทางถึงลำไส้ใหญ่แล้วอ่ะ!

สุดท้ายก็ปวดขี้ไปตามระเบียบ...

แต่ตอนปวดขี้จะไม่เดือดร้อนเลยถ้าปวดในห้องของตัวเอง ถ้าอยู่ห้องตัวเองปวดปุ๊บก็ขี้ปั๊บได้เลยไง แต่จุดนี้ไอ้บ้าซีวอนดันบังคับขู่เข็ญให้ไปอาศัยอยู่ห้องมันซักพัก เห็นมันบอกว่ามีแผนจะให้ไอ้ยุนกับไอ้แจได้กันคืนนี้ ไอ้เรารึก็เห็นแก่หอยดองฟรีที่มันเลี้ยง แล้วก็เห็นแก่เพื่อนที่จะได้เป็นฝั่งเป็นฝา เลยยอมๆ ไปนั่งกินส้มตำหอยดองที่ห้องไอ้ซีวอนมัน แล้วพอปวดขี้ขึ้นมา ทีนี้ลำบากเลย...ขี้ที่ไหนก็ไม่สบายใจเท่าขี้ที่ห้อง คือ...ก็ไม่ได้เป็นคนเรื่องมากหรืออะไรนะ แต่กูไม่สบายใจอ่ะ ขี้ที่อื่นแล้วกูไม่สบายใจ เหมือนมันไม่สุดยังไงบอกไม่ถูก

แต่จะให้กลับไปขี้ที่ห้องตัวเองก็ไม่ได้ ไอ้ยุนกับไอ้แจกำลังเข้าได้เข้าเข็ม ยูชอนเลยต้องจำใจเข้าไปขี้ในห้องน้ำห้องไอ้ซีวอน แล้วแบบ...ส้วมแม่งส้วมซึมอ่ะ! มึงห้องถูกใช่มั๊ยเนี่ยชายวอนนนนนน มึงไม่ยอมเพิ่มห้าร้อยเพื่อให้ได้ชักโครกใช่ม๊ายยยยยย ชิบหายละ ข้อเข่ายิ่งไม่ได้อยู่ ให้กูมายองๆ นั่งส้วมซึม ฮืออออออ เดี๋ยวเกาต์กูกำเริบอีกจนได้!

ก่อนจะทำหน้าเบ้กับกลิ่นตดที่ลืมตัวปล่อยออกมาเพราะกลั้นไว้ไม่อยู่ เล่นมาเป็นก๊าซแบบนี้แล้วปาร์คคงไม่มีทางเลือก ถ้าปล่อยไว้นานๆ ก๊าซอาจกลั่นตัวเป็นของเหลวได้ ดังนั้น ยูชอนเลยตัดสินใจวิ่งเข้าห้องน้ำชายวอน ค่อยๆ ถอดกางเกงแล้วนั่งยองๆ บนส้วมซึม ปล่อยตัวปล่อยใจให้สบาย ปล่อยสมองให้ว่างเปล่า หลับตาพริ้ม แล้วก็...

จ๋อม~

“อ่า...” มวลสารก้อนใหญ่หลุดรอดไป ปาร์คยูชอนรู้สึกสบายตูดยิ่งนัก ดีที่เป็นจ๋อมใหญ่ๆ ดีที่หอยดองยังไม่ออกฤทธิ์มวลสารเลยยังมีสภาพเป็นของแข็งอยู่ ยังไม่ถึงขั้นของเหลว...

พอขี้เสร็จยูชอนก็เอื้อมมือจะไปคว้าขันมาล้างตูด แต่ปรากฏว่าขันสีเขียวสะท้อนแสงในห้องน้ำไอ้วอนแม่งเสือกรั่ว! เวรเอ๊ยยยยยยย รั่วเป็นรูเบ้อเร่อ! มึงทนใช้มาได้ไงตั้งนาน เอ๊ะ หรือว่าที่ผ่านมามึงไม่เคยล้างตูดเลยฮะเชี่ยวอน??

“แม่ง...” ปาร์คทำหน้าเซ็ง เออ...กูใช้ทิชชู่เช็ดเอาก็ได้วะ ยังดีที่มันยังมีสำนึกติดกระดาษทิชชู่ไว้ในห้องน้ำอยู่บ้าง คิดแล้วก็เอื้อมไปม้วนๆ ทิชชู่มาเช็ดตูด เช็ดไปเช็ดมา สงสัยองศาขยับมือจะผิดจังหวะไปหน่อย สสารที่ยังคงหลงเหลืออยู่แถวๆ ขอบรูตูดเลยเปื้อนมือเข้าให้ ยอดชายนายปาร์คถึงกับเบ้หน้ากับสสารสีเหลืองที่ติดอยู่ปลายนิ้ว

“อี๋ๆๆ” กูรังเกียจอ่ะ ขี้กูเองก็เถอะ กูรังเกียจ ฮืออออออออออ

“อี๋ๆๆ แหวะๆๆๆๆๆ” ยูชอนพยายามสลัดสสารนั้นออกจากนิ้ว มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ คนเราพอรังเกียจอะไรก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดมัน ยูชอนทั้งสลัด ทั้งสะบัด แล้วก็ร้องอี๋ๆ แต่ก็ไม่รู้สลัดสะบัดอีท่าไหน มือดันไปฟาดกับอ่างน้ำราดส้วมข้างๆ เข้า แรงฟาดนี่ไม่ใช่เบาๆ ซะด้วยนะ

“อูยยย เจ็บชิบ...” พอเจ็บแล้วก็เผลอส่งนิ้วเข้าปาก แบบที่ชอบทำตอนเด็กๆ พอโดนอะไรบาดนิดบาดหน่อย เจ็บนิ้วเล็กน้อย ยูชอนก็ส่งเข้าปากหมดหวังดูดนิ้วให้หายเจ็บ

แต่เดี๋ยวก่อน...
แต่เดี๋ยวนะ...

ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสลิ้น ความจริงบางอย่างที่ยอดชายนายปาร์คหลงลืมไปก็ผุดขึ้นมาในซีรีเบลลัม...

เดี๋ยวก่อน...เดี๋ยว...นิ้วในปากกูนี่................................................ใช่นิ้วที่เปื้อนขี้มั๊ย.......?

ไอ้ห่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
กูลืมไปว่านิ้วเปื้อนขี้!!!!!!!!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ปาร์คยูชอนอยากตาย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ถ้าโลกนี้สำหรับกูจะอยู่ยากขนาดนี้! ถ้ามึงจะทำร้ายกูกันขนาดนี้!!
พวกมึงฆ่ากูเถอะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ถึงว่าสิทำไมนิ้วกูแม่งรสเฝื่อนๆ เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!

.
.
.


แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงอย่างงดงามกับความอัปยศของปาร์คยูชอน...
ฟินาเล่จ้า~!!! >____<




The END









กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เป็นการจบซีซั่นได้อุบาทว์มากจ้ะ พี่ป๊ากโดนทำร้ายแบบฟินๆ ตลอดดด ฮ่าๆๆ

จบไปแล้วกับตอน ไฟดับ ตอนสุดท้ายของเนื้อคู่ประตูถัดไปซีซั่นนี้
อยากบอกว่ากดดันมากที่ต้องแต่งเป็นคนสุดท้าย เพราะแต่ละคนที่แต่งก่อนหน้าแม่ง...
...จัดฮาซะแบบมาเต็ม!!

ยังไงก็ขอเป็นตัวแทนของนักเขียนคนอื่นๆ อีกสี่คน อันได้แก่ รนรด. พฮร. คคบ. และ วว.33
ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและรุงรังด้วยกันมาตลอดซีซั่น
ขอขอบคุณทุกเสียงหัวเราะที่ทำให้เรามีกำลังใจในการแต่งซีรี่ย์นี้ต่อไป (ถุย อินางเอก)
ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณจากใจเลยจ้า

อยากบอกว่าไม่ใช่แค่คนอ่านนะที่ฮา คนแต่งแต่งไปก็เพลียไป
......รับสิ่งที่ตัวเองแต่งไม่ค่อยได้ค่ะ! 555555555555

หวังว่าจะได้เจอกันอีกในซีซั่นต่อไปเนาะ ฮิๆๆ บ๊ายบาย~









Reply · Report Post