.









เนื้อคู่ ประตูถัดไปเดอะซีรี่ย์



สวัสดีค่ะ
ทุกคนกำลังอยู่กับ 'เนื้อคู่ประตูถัดไปเดอะซีรี่ย์' นะจ๊ะ! ต้องบอกก่อนว่าฟิคเรื่องนี้เกิดมาจาก 4 สาว -รนรด พฮร วลรว วว33- องน้องเร็นจากวง nu'est มาก เลยกรี้ดๆกันออกมาเป็นฟิคเรื่องนี้
พวกเราอยากให้ฟิคเรื่องนี้มีบรรยากาศออกมาประมาณซิทคอม เพราะฉะนั้น ช่วยอินกันด้วยนะคะ 555+

ที่สำคัญ - เนื้อคู่ประตูถัดไปเดอะซีรีย์ของเราจะออกอากาศทุกวันอังคารและพฤหัส เวลาประมาณ 23:45 น.
(ก่อนข่าวห้ามิติ -ห๊ะ!) ~

อีกนิด : เวลาใครพูดถึงฟิคเรื่องนี้ในทวิตเตอร์ ช่วยติดแท๊ก #boynextdoortheseries ด้วยนะ! แล้วเราจะเข้าไปแอบส่อง~



ปล. วันนี้มาเร็วหน่อยจ้า พอดีติดภารกิจว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า เลยต้องรีบนอน อยู่ดึกไม่ได้





อ่านตอนที่ 1 : ฝนตก : click



















ตอน : ฟ้าร้อง


























ควีนเจตื่นแล้ว...



แจจุงรู้สึกขี้เกียจลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้เหลือเกิน ซึ่งอันที่จริงมันก็ไม่ใช่แค่เช้าวันนี้หรอก มันเป็นแทบจะทุกๆเช้าที่เขาขี้เกียจตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีห้า เพื่ออาบน้ำแต่งตัวไดร์ผมเลือกเสื้อผ้ารองพื้้นคอนทัวร์หน้า เพื่อให้เป๊ะที่สุดก่อนจะไปเรียน


เช้าวันนี้ก็เช่นกัน นาฬิกาปลุกลายคิตตี้ส่งเสียงปลุกแต่เช้าตรู่เพื่อปลุกคิมแจจุง หรือ ควีนเจคนสวยแห่งสินกำ คณะสุดอาร์ตแห่งมหาวิทยาลัยโซลให้ตื่นมาปฏิบัติภารกิจยามเช้าเหมือนเฉกเช่นทุกวัน



อันที่จริงแจจุงก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหนักหนาหรอก การตื่นเช้าน่ะ แต่…




ตึ๊งงง!




ไอโฟนส่งเสียงทักทายตั้งแต่ลืมตาตื่น แจจุงปรือตามองเจ้ามือถือที่นอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นท่ามกลางกองผ้า มือเรียวหยิบเจ้าไอโฟนขึ้นมาดู ดวงตากลมโตปรือมองอย่างสุดความสามารถเพราะยังไม่ได้ใส่คอนแทกส์ ก่อนแทบจะปาไอโฟนราคาแพงทิ้ง



แม่งง...นี่แหละ สาเหตุที่ควีนเจไม่อยากจะตื่นไปมหา'ลัยในหลายๆวันนี้ ไม่อยากพบหน้าผู้คน ที่คอยยัดเยียด ข่มขืนใจ จะให้แจจุงเป็นแฟนไอ้ยุนโฮให้ได้




ไอ้เชี่ย Mr.Beautiful World ไอ้เชี่ยชีวอน แม่งงงง เพราะมันแท้ๆเลยที่แอบเสยมุมกล้องถ่ายรูปแจจุงกับไอ้ยุนโฮในคืนนั้น อัพขึ้นทวิต และส่งต่อจนดังไปไกลถึงคณะกันดารอย่างคณะประมง


ไอ้รูปเวรนั่นถูกพูดถึงมาเป็นเวลาสามวันแล้ว สามวันแล้วที่คนในคณะและหออาร์ตจะคอยเดินแซว แจจุงแฟนยุนโฮ ยุนโฮแฟนแจจุง


สามวันแล้ว ที่เด็กติ่งที่เขาไม่รู้จัก คอยแต่จะเมนชั่นมาหาเขา อวยพรให้รักกับไอ้ยุนโฮไปนานแสนนาน



เช่นเดียวกับเข้านี้




QUOTE

@mjjeje อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่แจจุง เช้าแล้วอย่าลืมไปปลุกพี่ยุนโฮนะคะ รักกันนานๆนะ ไฟต์ติ้งง จุ้บๆ





งามไส้ไหมล่ะ! เช้ดเดดดดดโด้ว แจจุงอยากกรอกซันซิลสูตรยูโกะ ยามาชิตะฆ่าตัวตาย แจจุงอยากตาย แค่ทุกวันนี้ต้องอาศัยอยู่ห้องข้างๆกัน สูดอากาศในแอสโมสเฟียร์โซนเดียวกัน เห็นหน้ากัน นั่งเรียนแถวเดียวกัน แจจุงก็แทบกระอักแล้ว


อยากจะบอกว่าวันไหนที่ไม่ต้องพบปะหน้าไอ้ยุนโฮ วันนั้นจะเป็นอะไรที่ฟินนาเล่ชีวิตมาก


แต่ถามว่ามีวันนั้นไหม............ม่ายยยมี





แจจุงจ้องไอโฟนด้วยความอาฆาตแค้น ก่อนปามันลงกับเตียง ยกมือสวดภาวนาในใจ ให้อภัยให้อภัย สัพเพสัตตา คนสวยยกมือนวดถุงใต้ตาเบาๆ ก่อนถอนหายใจ

ไม่ไหวล่ะ ชวนฮีชอลไปดึงตาดีกว่าไหมเนี่ย






แจจุงลุกขึ้นเปิดม่าน ก่อนต้องเบะปาก เมื่อก้าวออกไปที่ระเบียงแล้วมองลงไปด้านล่าง พบว่าไอ้แฟนกำมะลอผู้ซึ่งทุกคนพยายามจะยัดเยียดให้เขา มันกำลังวิ่งอยู่ที่สนามบอลที่อยู่ติดกับหออาร์ต กับเพื่อนสนิทอย่างชีวอน


และดูเหมือนยุนโฮจะเห็น ไอ้บ้านั่นยกมือโบกให้แจจุง แล้วส่งจูบมาให้หน้าแดงเล่น แจจุงเงื้อหมัดต่อยอากาศอย่างขลาดเขิน ก่อนปิดประตูระเบียงดังปัง




เช้ดแม่ง! รู้สึกใจสั่นไม่มีสาเหตุ ไอ้ยุนโฮ เอาอีกแล้ว!





แล้วนี่...กลิ่นอะไรวะเนี่ย



แจจุงยู่จมูก กวาดตาไปรอบๆห้องพัก ที่อาศัยอยู่กับคิมจุนซู เพื่อนรักที่บ้าไสยศาสตร์เข้าเส้นเลือด ก่อนพบว่าต้นเหตุของกลิ่นประหลาดๆคือเทียนสามเล่มที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือจุนซู และถูกจุดอย่างสว่างไสว พร้อมกับมีเชือกสยองๆพันรอบ ใจกลางระหว่างเทียนสามเล่มมีกระดาษขาวๆอะไรสักอย่างวางอยู่




พิธีกรรมอะไรของไอ้อ้วนอีกเนี่ย?




"จุนซู เอาอีกแล้วนะ" ควีนเจบ่นฮึดฮัดก่อนเดินไปดับเทียนลงแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างสบายใจเฉิบ จุนซูยังไม่เลิกล้มอีกหรือไงนั่น อัญเชิญเทพเจ้าดุริยางค์บ้าบออะไร




















แจจุงก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองสงบสุขอยู่ดีๆนั่นแหละ จนกระทั่งประมาณเจ็ดโมง ที่คิมจุนซูตื่นขึ้นมา พร้อมกับไอ้ข้างๆห้องที่เพิ่งกลับมาจากการออกกำลังกาย และเหมือนทุกๆห้องมันจะตื่นขึ้นมาหากินกันพร้อมเพรียงกันราวกับนัดกันมา ผนังกั้นห้องก็บางเหลือเกิน ชนิดที่ว่าเสียงรอบๆตัวนี่มันช่างเซอร์ราวด์ ดุ่มด๊าวด๊าว มากๆจนแจจุงรู้สึกว่าไม่สามารถคอนทัวร์หน้าให้มีมิติได้ เขาได้ยินเสียงไอ้ยูชอนเหมือนจะหาเสื้อไม่เจอ เลยทำท่าจะเดินไปยืมชีวอนที่อยู่ห้องถัดออกไปอีกห้าห้อง ไอ้ชางมินห้องตรงข้ามก็คงตื่นแล้ว แม่งเปิดหนังโป๊ด้วยเสียงระดับดิจิตอลอะโดบีมากๆ สาดดดด ไอ้เชี่ย มึงหาความสุขจากเรือนร่างน้องมิยาบิแต่เช้าเลยนะ กะจะให้แม่งเงี่ยนกันทั้งหอพักตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าหรือไงฟระ ไม่นับห้องอื่นๆอีก ดีนะ ว่านี่เป็นแค่หออาร์ตฝั่งชาย ถ้ามีฝั่งหญิงด้วย แจจุงคงรู้สึกว่าสมองเขาคงเต้นตุบๆหนักกว่านี้แน่ๆ



แล้วนี่ จุนซูอะไรของมันอีกเนี่ย?



มือเรียวจับแปรงคอนทัวร์แน่นก่อนตวัดตามองหน้าจุนซูที่เริ่มกรีดร้องทันทีที่ลืมตาตื่น





"ไอ้แจจจจจจจจจจจจ"




จุนซูยืนมองเทียนสามเล่มบนโต๊ะทำงานของตนเองด้วยหัวใจสลายราวกับโดนชายหนุ่มที่ตั้งใจไปสารภาพรักหักอก ริมฝีปากเล็กๆเบะออก ค้อนหางตาใส่แจจุงอย่างเจ็บปวด



"อะไร?"

"แกดับเทียนทำไมมมมมม โฮฮฮฮฮ"



แจจุงถึงกับผงะที่จุนซูร้องไห้ต้อนรับเช้าวันใหม่กับเขาด้วยน้ำเสียงที่อัลตร้าเซอร์ราวน์สุดๆ ดวงตากลมโตกวาดมองใบหน้าเพื่อนรักก่อนถอนหายใจ



"จุนซู ตัดใจเถอะ เทพเจ้าดุริยางค์ท่านคงไม่มาแล้วล่ะ" แจจุงพยายามปลอบใจเพื่อน แต่…

"ใครว่ากันเล่า! เราไม่ได้อัญเชิญท่านเทพแล้ว เรากำลังทำพิธีต่างหาก เนี่ย เห็นไหม เห็นไหมมมมม!" จุนซูกรีดร้องหนัก ก่อนชูไอ้กระดาษกลางวงเทียนขึ้นมาปะหน้าแจจุง แจจุงค่อยๆหยิบกระดาษออกมาช้าๆ และมองหน้าจุนซูอย่างหวาดๆ

"…อะ…อะไร"

"ก็เนี่ย ดูสิ"


จุนซูจัดแจงพลิกกระดาษหงายขึ้น และที่ปรากฏต่อหน้าแจจุงคือรูปในวันนั้น รูปที่ไอ้เชี่ยบิวตี้ฟูลเวิร์ลด์ชเวชีวอนถ่าย เช้ดโด้วววววว ใครปริ้นท์มาให้ไอ้อ้วนนี่ทำพิธีวะ กูจะตามไปบอมบ์บ้านแม่งงงง



"เนี่ย ฮึก…ยูชอนอุตส่าห์ปริ้นท์มาให้เราทำพิธี ตามตำราบอกว่าถ้าจุดเทียนสามอันวางเป็นสามเหลี่ยม พันรอบด้วยเถากุหลาบ แล้วใส่รูปคู่รักลงไปตรงกลางตอนเวลาเที่ยงคืนสิบสองนาที จะทำให้คู่รักคู่นั้นรักกันตลอดไป แจจุงอ่ะ!!!!! มาดับเทียนเราทำไม เราอุตส่าห์ตั้งใจทำให้แจจุงกับยุนโฮ เนี่ย อีกแปปเดียวก็แปดโมง เราจะดับเทียนได้พอดี แจจุงทำพิธีกรรมเราพังหมดเลยอ๊า!"




จุนซูครวญครางอย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงหน้า ในขณะที่แจจุงรู้สึกว่าดีเหลือเกินที่ดับเทียนลงไป ประกอบกับว่าเริ่มรู้สึกเพลียที่มีรูมเมทเป็นจุนซู T_____T แจจุงเพลีย เพลียเหลือเกิน



"จุนซู ฉันกับยุนโฮไม่ได้รักกัน" แจจุงพยายามอธิบายเป็นรอบที่ล้าน แต่จุนซูที่เป็นมนุษย์ที่ปักใจเชื่อสิ่งที่มองไม่เห็นมากกว่านั้น ยากที่จะเชื่อแจจุงได้จริงๆ

"ไม่เชื่อ! แจจุงจะโกหกเราทำไม ชอบก็ชอบสิ ไม่เห็นจะเขินเลย"



จุนซูว่าพลางเก็บกวาดพิธีกรรมด้วยอารมณ์นอยด์สุดๆ แจจุงถอนหายใจก่อนกลับไปสนใจสิ่งที่ทำค้างไว้อยู่


จุนซู มึงดูยังไงว่ากูเขิน เลยไม่ยอมรับว่ากูชอบยุนโฮ ป่วยการจะพูด พูดไปเดี๋ยวแม่งก็เข้าตัวกูอีก กูเพลียและปลงมากๆ พอเห้อะ


แจจุงถอนหายใจ ก่อนยัดแม้คบุ้คลูกรักลงกระเป๋าสะพายเตรียมจะอออกไปเรียน เป็นเวลากับที่ฝีเท้าดังขึ้นที่หน้าห้อง



ปัง ปัง ปัง!!



ควีนเจได้แต่ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดกับการมาเยือนของใครบางคนในเช้าตรู่แบบนี้ คือถ้าเป็นไอ้เชี่ยปาร์คมาขอยืมเสื้อแจจุงตั้งใจจะด่าให้ แม่งงงง ไม่รู้จักส่งซักส่งรีด เดี๋ยวควีนเจตบดิ้น


“ไอ้แจเปิดดดดด”

“อะไรปาร์ค”

“ลูกสาวมึงมาหามึงอ่ะ เปิดเร็ว น้องเขายืนรออยู่เนี่ย” ไอ้ปาร์คตะโกนเข้ามาทำให้แจจุงต้องลุกจากโต๊ะเครื่องแป้งไปเปิดประตู แล้วก็พบว่าไอ้ปาร์คในสภาพน่าสมเพชยืนค้ำหัวน้องเร็นอยู่ พร้อมกับเสื้อเชิ้ตหนึ่งตัวที่คาดว่าแม่งคงไปยืมมาจากชีวอน ไม่ก็ซึงฮยอนแน่ๆ ฟอร์ชัวร์ ควีนเจฟันธง

“อะไรแต่เช้าปาร์ค อ้าววว.........เร็น มาทำไรอ่ะลูก” แจจุงยกมือโบกให้ปาร์คที่เดินสวมบ็อกเซอร์กลับเข้าห้องไปก่อนยกมือลูบหัวน้องรหัสที่เขารักเสียเหลือเกิน หนูเร็นเบะปากทำหน้าจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ

“พี่แจจจจจจ ไอ้เจอาร์อ่ะ ฮืออออ มันดึงหางม้าเร็นยุ่งไปหมดเลยยยย” เด็กน้อยบ่นงุ้งงิ้งให้ควีนเจอดเอ็นดูไม่ได้ แจจุงลูบหัวกลมๆที่กระเซอะกระเซิงเบาๆก่อนจูงมือเข้าห้องไป

“ไหน...มา แล้วทำไมไปทะเลาะกับไอ้เจอาร์มันแต่เช้าล่ะเร็น” แจจุงจริงๆแล้วอ่ะ แอบชอบและเอ็นดูน้องเจอาร์นะ ก็เด็กมันหล่อนี่ แต่เพราะมันกวนตีนเหมือนพี่มันนั่นแหละ เลยญาติดีด้วยไม่ค่อยจะลง

“ก็เร็นเอาผ้าลงไปซักอ่ะ แล้วไอ้เจอาร์มันเพิ่งไปซ้อมบอลกลับมา มันแกล้งเร็นอ่า มันดึงผมเร็น”

“โอ๋ๆ ไม่ร้อง ไหนให้พี่ช่วยมัดผมซิ” แจจุงลูบหัวกลมๆอย่างเอ็นดู ก่อนเหลือบมองจุนซูที่ยังยืนบริกรรมคาถาอะไรสักอย่างไม่เลิก

“จุนซูไปอาบน้ำไป เดี๋ยวก็ไม่ได้กินข้าวเช้าหรอก”

“แจจุง คืนนี้ฉันกับลิซซี่จะขึ้นไปทำพิธีผูกจิตของนายกับยุนโฮบนดาดฟ้า ถ้านายกล้ามาพังพิธีกรรมฉันอีกนะ จะได้รู้กัน”



ควีนเจได้แต่ถอนหายใจเบาๆ...



เออ.........มึงจะทำอะไรก็ทำไปเถอะจุนซู กูยอมแพ้ กูปลง กูเพลีย









































“ฮิ้วววว ฮิ้ววววววว อ้าว ควีนเจกับสามี วันนี้สวีทจังเลยน้า มาพร้อมกันอีก วู้ววววววว”



“เงียบไปเลยไอ้สัด ชีวอน รู้งี้กูจะเอาขี้เถ้ายัดปากมึงตั้งแต่เจอกันตอนปีหนึ่ง” แจจุงตะโกนด่าก่อนโยนสัมภาระลงบนโต๊ะอาหารอย่างหงุดหงิด ก็โต๊ะเดียวกับชีวอนนั่นแหละ เพราะโรงอาหารกลางใกล้กับหออาร์ตมากที่สุด ทำให้บรรดาประชากรชาวอาร์ตจะหอบสังขารอันร่วงโรยในตอนเช้ามาทานข้าวกันที่นี่ก่อนเข้าเรียน โรงอาหารกลางกับหออาร์ต ใกล้ชนิดที่ว่าเดินมายังได้


อากาศวันนี้ค่อนข้างขมุกขมัว ฝนทำท่าจะตกแต่ยังลีลา เลยมาแค่ฟ้ามืดครึ้ม ไม่มีแสงแดด อากาศช่างน่านอนยิ่งนัก


เช้านี้แจจุงมีปัญหากับชีวิตนิดหน่อย ทำให้ต้องมาพร้อมไอ้ยุนโฮ แต่ก็ไม่ได้มากับสองคน รู้ไว้ซะ เพราะจุนซูกับยูชอนก็มาพร้อมกัน!


“โอ้โห ควีนเจเป็นอะไรจ๊ะ ทำไมวันนี้ดุอย่างกะแดกพิทต์บูลมาทั้งคอก”

“ฟายยยยยยยยย มึงเลิกล้อกูว่าเป็นแฟนกับไอ้อ้วนนั้นก่อนดิ กูจะได้หายหงุดหงิด” แจจุงขยับปากด่าราวกับไฟท่วม ถ้าเป็นซุปเปอร์ไซย่าคงพ่นไฟไปแล้ว



“ที่รักก็บอกเขาไปสิว่าเมื่อเช้าซ้อนจักรยานออกมาพร้อมกัน จะอายทำไม กิ๊วกิ๊ว”



และต้นเหตุหลักๆก็ไอ้เชี่ยนี่แหละ ตัวดี ชองยุนโฮ......แม่ง อะไรๆก็มาจีบกูอยู่นั่น จะตีกันตายอยู่แล้ว ชอบหรือไงวะ ใครๆก็มาล้อว่ากูเป็นแฟนมึงทั้งๆที่ตีกันทุกวันทุกคืนเนี่ย



“หา ไอ้จวง มึงซ้อนยุนโฮมาจริงๆเหรอวะ?” ไอ้ชีวอนตาเหลือก

“เปล่า” แจจุงเบือนหน้าหนี

“มึงจะโกหกไอ้ชีวอนมันทำไม บอกมันไปเลยว่าเรารักกันแค่ไหน”

“ฟวย ที่ไหนล่ะไอ้ยุนโฮ เออ! กูซ้อนแม่งออกมาจริงๆ ก็จักรยานกูล้อแบนนี่ แม่งถ้ารู้ว่าใครเจาะนะ กูจะเอามาร์ตินไปเจาะหัวแม่ง”

“โอ้วววว ไอ้เชี่ย พวกมึงนี่สวีทกันได้แอ้ดวานซ์มากอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ มีซ้อนท้งซ้อนท้าย” ไอ้ชีวอนหัวเราะร่วนก่อนหยิบไอโฟนเตรียมกด

“ไอ้เชี่ยวอน มึงจะทวิตอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย ไอ้ห่า คลาดสายตาไม่ได้เลยนะมึง”

“อ๊ะๆ ถ้ากูไม่ทำ สาวๆก็ไม่ได้ฟินนาเล่กับชีวิตสิจ๊ะ เขาเชียร์พวกมึงจะตาย”

“ควายยยยยยยยยย”

“ชีวอน กูถ่ายรูปมาด้วย มึงมาทวิตเครื่องกู มาๆ”

“ไอ้ปาร์คคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!!!!!!!!!!!!!!”




แจจุงได้แต่หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนกับเพื่อนๆที่ไม่สามารถบอกได้จริงๆว่าใครเต็มบ้าง ได้แต่ปลงและถอนหายใจว่าทำไมรอบๆตัวเขาถึงได้มีแต่บุคคลเหี้ยๆรายล้อมไปหมด ไม่ว่าจะไอ้ยุนโฮปวนตีนปากหมา ลูกน้องในปากแม่งได้รับการอบรมมาอย่างดีจากผู้เป็นเจ้าของ หน้าตาก็หล่ออยู่หรอก แต่เอาไว้มึงเป็นสุภาพบุรุษได้ก่อนนะ กูจะเปลี่ยนใจมาชอบมึง จุนซูก็อีกคน บ้าไสยศาสตร์จนแทบจะดำดิ่งอยู่กับตำราหนังหมาของมัน ว่างๆก็ต้องชวนลิซซี่ (สาวน้อยคณะเดียวกันนี่แหละ บ้าไสยศาสตร์และการดูดวงพอกัน) ไปตามหาตำราบริกรรมคาถาใหม่ๆที่ร้านประจำ ชื่อร้าน ‘สะกดจิต’ ขายของอะไรเทือกๆนั้นแหละ แบบที่จุนซูมันชอบอ่ะ จุนซูก็ทำมาหลายพิธีกรรมแล้วนะ แต่แจจุงก็ไม่เห็นว่ามันจะได้ผลเลยสักครั้ง


ไอ้ยูชอน ไอ้เชี่ยนี่ก็กวนตีน พูดอะไร ไม่เคยจะได้อย่างนั้น ชี้นกเป็นขี้ ชี้ไม้เป็นปลวก สั่งอะไรไม่เคยได้ดั่งใจ แถมไอ้ชีวอน ไอ้เชี่ยนี่ตัวดีของแท้ แม่ง ชอบนักเอาเรื่องเหี้ยๆไปตีแผ่เนี่ย มีความสุขเหลือเกิน




QUOTE

@siwon407 Hello Beautiful World! เช้านี้อากาศเย็นจังเลยนะครับ ฝนตกบ่อยดูแลตัวเองด้วยนะ เพราะเราคงไม่มีใครมาดูแลหัวใจเหมือนคู่นี้ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย




นั่นไง! ก็บอกไม่ให้ทวิต ทวิตอยู่นั่น กูเกลียดมึง T_____________T




แจจุงถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก คิดไม่ออกว่าจะกินอะไร พอๆกับคิดไม่ออกนั่นแหละว่ามีเพื่อนปกติๆบ้างไหมในคณะแห่งนี้ พูดถึงคนปกติ......เอ้อ ยังเหลือสองคนนั้นนี่น่า เพื่อนร่วมคณะที่นับได้ว่าสนิทกันเลยของแจจุง...



“ชีวอน ชางมินกับคิบอมอ่ะ?” เสียงหวานถามหาเพื่อนอีกสองคน ที่เป็นเพื่อนสนิทของไอ้ยุนโฮมันนั่นแหละ แต่ปัจจุบันได้วิวัฒนาการมาสนิทกับแจจุงด้วย ก็เรียนด้วยกันมาตั้งสามปีแล้วนี่

“โน่นอ่ะ แม่งขายของกันอยู่โน่น”



ชีวอนโบ้ยไปยังมุมสุดของโรงอาหารที่มีผู้คนมากมายรุมล้อมกันอยู่ แจจุงยกมือปาดหน้าผาก......ที่กูบอกว่าแม่งปกติกูขอถอนคำพูด



“หอแม่งเปลี่ยนกุญแจใหม่ แต่มึงไม่ต้องห่วงนะ ไอ้ชางมินมันไปได้มาแล้ว”

“เช้ดโด้วววววววววว”



แจจุงล่ะนับถือ



คืองี้ ต้องให้แจจุงเล่านิดหน่อย ว่าชิมชางมินกับคิมคิบอมเป็นรูมเมทกัน สนิทกันราวกับเกิดมาเพื่อกันและกัน สันดานชาติชั่วนี่ก็ไม่ได้จะต่างกันสักเท่าไหร่นัก และพอมาอยู่ด้วยกัน คนเพี้ยนๆสองคนจึงได้บังเกิดไอเดียทำสิ่งเหี้ยๆให้ได้อุบัติขึ้น...



ชิมชางมินแม่งปั๊มกุญแจหอขายครับ ย้ำ!!!!!!!!!!!!!!! ปั๊ม-กุญ-แจ-หอ-ขาย



ครับ นั่นล่ะ......คือหออาร์ตเป็นหอใน เป็นหอของเด็กคณะสินกำไง ปิดหอตอนสี่ทุ่ม แต่ก็นั่นล่ะ สี่ทุ่มยังปล่อยผีไม่สะใจเลย แล้วใครเล่าจะกลับหอ ไอ้ชางมินมันหัวใส แม่งขโมยกุญแจพี่ยามมาได้ แล้วแม่งก็ก้อปขาย ใครๆก็ต้องมาซื้อกับแม่งอ่ะจ้ะ เพราะคงไม่มีใครเหี้ยได้เท่ามันแล้ว ก้อปกุญแจหอขาย พระเจ้า ควีนเจแทบไม่อยากเชื่อในวันแรกที่มันบอกในวงเหล้า (มันบอกด้วยว่า เพื่อน้องมิยาบิและน้องอาโออิ มันทำได้ทุกอย่าง คือแม่งเก็บเงินเพื่อสองสาวโดยเฉพาะอ่ะครับ แผ่นลิมิต่ง ลิมิเต็ด ขอ......อย่าให้พลาด คิบอมแอนด์ชางมินไม่เคยพลาด)


ดังนั้น ไอ้ชางมินมันเลยได้ฉายาว่า “ชิมกุญแจผี” ไปด้วยเหตุผลประการละฉะนี้



แต่...ยังไม่หมด มาดูธุรกิจของไอ้คิบอมกันบ้าง คิบอมอาจจะไม่ใช่ธุรกิจใหญ่ แต่เป็นธุรกิจที่หลากหลาย เรียกได้ว่าใครๆก็ต้องการตัวแม่ง...ไอ้คิบอมเป็นเจ้ามือโต๊ะแชร์ประจำหอ ทุกสิ้นเดือนมันจะได้รับการเรียกหามากที่สุด พอๆกับวันที่ 1 และ 15 คือคิบอมแม่งขายหวย ตอนเช้าขายหวย ตอนบ่ายเรียงเบอร์ มาอย่างจัดเต็ม



เมื่อมี “ชิมกุญแจผี” แล้ว เราจะขาด “บอมเลขเด็ด” ไปได้อย่างไร



สมแล้วที่เป็นรูมเมทกัน...ชิมกุญแจผี และ บอมเลขเด็ด




“แจจุง ถ้ามึงจะซื้อกุญแจหอใหม่มึงซื้อให้กูด้วยหนึ่งดอกนะ”

“มึงรีบไหมชีวอน รีบมากไหมมมม?”

“กูแค่ถาม”

“เดี๋ยวไปซื้อกับมันในคลาสก็ได้ มึงนี่” แจจุงบ่น “แล้วกูจะกินอะไรดีเนี่ย เห้อออ คิดไม่ออกอ่ะ”

“นี่มึงลดความอ้วนเหรอ?” ชีวอนที่เคี้ยวไปคุยไปกวาดตามองเพื่อนตรงหน้าไป

“เปล่า กูแค่เพลียเกินกว่าจะเดินไปหาอะไรลงท้อง”

“งั้นก็ไม่ต้องเดิน”

“ไม่ได้ ไม่กินข้าวเช้าแล้วกูตัวเหลือง ไม่เอา”

“กูไม่ได้บอกไม่ให้มึงไม่กิน กูจะบอกว่าโน่นนนนน.........ฮันนี่มึงเดินกลับมาแล้วโน่น”





“อ่ะ นี่...ข้าวหน้าหมูเกาหลีของตัวเอง ส่วนชิเกนี่ของเค้า”





เยสเข้! แจจุงอยากจะลงไปนอนแดดิ้นตาย แต่ทำได้เพียงเบิกตามองหน้ายุนโฮที่ถือถาดอากาศกลับเข้ามาพร้อมอาหารเช้าของเขา โดยมีลูกไล่ลิ่วล้อปีศาจอย่างไอ้เจอาร์เดินหน้ากวนตีนตามมาด้วย


“มึง...มึงซื้อมาให้กูทำไม?”

“ก็กูอยากซื้อ จู่ๆกูก็องค์ลงอ่ะ จะแดกไม่แดก” ยุนโฮทำหน้ากวนตีน

“มะ...เอ่อ...”




คือไม่ใช่แจจุงไม่มีฟอร์มนะ แต่ฟอร์มกับของฟรีมันคนละเรื่องกันโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย



“อ...เออๆ จะกินให้ก็ได้ เห็นว่าซื้อมาแล้วนะก็กลัวเสียของ”

“เหรอ เหรอๆๆๆๆ”

“หุบปาก!”

“โอ้ววว ควีนเจสวยดุ” ไอ้ชีวอนยักคิ้วกวนตีน

“มึงอีกคน ชีวอน เงียบไปเลย” แจจุงเบ้ปากใส่ก่อนหมุนตัวกลับมาจะนั่งกินข้าว มือเล็กจับช้อนเหล็กแน่น แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องหน้าแดงเพราะสบตากับยุนโฮเข้าเต็มๆ...

“มะ...มองอะไร”

“มองควีนเจ”

“กูชื่อแจจุง เดี๋ยวปั๊ดด” แจจุงเสตาหลบอย่างเขินอาย เขาก็มีหัวใจนะเฟ้ยยยยยย มาจ้องตากันแบบนี้หัวใจแจจุงก็เต้นแรง แจจุงก็เขินเป็นนะเฟ้ย!

“เหรอ.......เหรอๆๆๆ”

“หุบปาก!”

“โถ่ เลิกเขินเหอะจวง ไหนๆเขาก็เข้าใจผิดกันไปทั้งมหา’ลัยแล้ว เราก็ทำให้เป็นเรื่องจริงไปเลยดิวะ”

“พ่อมึงดิ ไม่เอาหรอก”

“ทำไมอ่ะ”

“ไม่รู้เว้ย เงียบน่ายุนโฮ”

“อ๋อ...รู้แล้ว มึงแอบชอบกูจริงๆใช่ไหมล่ะ ใช่ป่ะๆ”

“ไม่ใช่! โอ้ย พอเลยนะยุนโฮ มึงบ้าหรือไง”




เปรี๊ยงงงงงงงงงงง!





ไม่ทันจะด่าได้จบประโยค ฟ้าก็ร้องเสียงดังลั่นจนแจจุงสะดุ้ง ทิ้งช้อนยกมือปิดหูแทบจะทันที ใบหน้าหวานก้มงุดๆกับอกตัวเอง



“เห้ย แจจุง เป็นไร กลัวเหรอ?”

“ปละ...เปล่า”

“มานั่งข้างกูมา” ยุนโฮตบพื้นที่ข้างๆตัวพลางดันเจอาร์ที่นั่งดินอยู่ข้างๆให้เขยิบไป

“มะ...ไม่ต้อง มึงนั่งกินไปเงียบๆนั่นแหล......”




เปรี๊ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!




ฟ้าคำรามระลอกสองทำเอาแจจุงสะดุ้งหนักก่อนผวาเบียดหาชีวอนแทบจะทันที



“กูว่าฝนจะตกว่ะ” ชีวอนมองออกไปนอกโรงอาหาร ก่อนก้มลงกดยิกๆกับไอโฟน

“กูกลัวอ่ะ”

“ไหนบอกไม่กลัว” ยุนโฮเลิกคิ้ว

“โอ้ยย มึงนี่”



และก่อนที่จะมีฟ้าร้องระลอกสาม และแจจุงจะได้วีนจนไมเกรนแดกกันยกคณะ ยุนโฮก็สุภาพบุรุษพอที่จะย้ายตัวเอง เดินอ้อมมานั่งข้างๆแจจุง โดยที่แจจุงก็ได้แต่นั่งอึ้ง...มองหน้าคนที่ถือวิสาสะมานั่งข้างๆอย่างงงๆ และเขินด้วยหน่อยๆ


“มาทำไม”

“เดี๋ยวกูย้ายกลับไปจะหนาว” ยุนโฮยักคิ้วกวนตีน

“มึงรีบกลับไปเล...”






เปรี๊ยงงงงงงงงงงงง เปรี๊ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!





เหมือนฟ้าจะเป็นใจให้ยุนโฮเหลือเกิน เพราะยังไม่ทันจบประโยค ฟ้าก็ร้องติดกันสองเปรี้ยงให้แจจุงต้องผวากอดแขนคนข้างตัวไว้แน่น จะจงใจหรือไม่จงใจก็แล้วแต่ แต่ยุนโฮก็ยิ้มไม่หุบเสียแล้ว



“ไหน...ไหนไล่กูไปไง” ยุนโฮยักคิ้วอย่างกวนตีน เล่นเอาแจจุงที่เพิ่งรู้ตัวต้องเม้มปากแน่นอย่างเขินและอายในเวลาเดียวกัน

“เปล่า...กูไม่ได้อยากอดแขนมึง กูกลัวต่างหาก ชิ” แจจุงดันแขนอีกฝ่ายออก ก่อนพยายามก้มหน้าก้มตาทานข้าว ซึ่งดูท่าแค่จับช้อนยังลำบาก

“กินเข้าไปเยอะๆเลยมึงอ่ะ เย็นนี้ต้องเตรียมงานโฮมให้รุ่นพี่ที่คณะนะเว้ย”

“เออ รู้แล้ว”



แจจุงบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ เวลานี้เขานึกอยากให้มีตำราหนังหมาของจุนซูปรากฏอยู่ตรงหน้า เขาจะร่ายคาถาให้ไอ้ยุนโฮหายตัวไปไกลๆ เลิกทำให้เขาเขินเสียที.
























ชองยุนโฮรู้สึกประสาทเสียนิดหน่อยกับอากาศแสนแปรปรวนวันนี้...แดดออก ฝนตกปรอยๆ แต่ฟ้าร้องตลอดวันจนนักศึกษาหญิงกรี๊ดๆๆๆ กันทั้งคลาส ตั้งแต่เช้ามาแล้วเนี่ย เช่นเดียวกับคนข้างๆตัวของเขา คิมแจจุงที่ขโมยเสื้อโค้ทของเขาไปห่ม แล้วห่อตัวแน่นิ่งอยู่ในนั้น ราวกับว่ามันจะกันเสียงฟ้าร้องได้



ไม่ใช่ว่าแจจุงญาติดีกับยุนโฮแล้วหรืออะไรหรอกนะ แต่วันนี้มีวิชาที่เรียนรวมกันทั้งรุ่นไง แล้ววันนี้แจจุงต้องซ้อนจักรยานไอ้ยุนโฮมาจากหอใช่ป่ะล่ะ แล้วกว่าจะมาจากโรงอาหารกลางมาถึงคณะ อาจารย์เริ่มสอนไปแล้ว อันเป็นสาเหตุให้แจจุงและผองเพื่อนในแก๊งค์เกือบสิบต้องมุดประตูหลังเข้ามา มุดเรียงๆตามกันมา อีท่าไหนไม่ทราบได้ แจจุงก็มานั่งจุ้มปุ้กอยู่ข้างๆเขาเรียบร้อยแล้ว




เปรี๊ยงงงงงงงงงงงงง!




คนสวยข้างๆตัวยุนโฮสะดุ้งอีกครั้งจนยุนโฮอดหัวเราะไม่ได้ นั่นทำให้สายตากลมๆนั้นตวัดมองมาทางเขาอย่างเอาเรื่อง ยุนโฮส่ายหัวเบาๆก่อนกลับไปมองสไลด์หน้าห้องอย่างเบื่อหน่าย เขาว่าวันนี้ท้องฟ้าแม่งโคตรกวนตีนอ่ะ ฝนแม่งฟีทเจอร์ริ่งกับแดดอยู่นั่น ลีลาว่ะ จะตกก็รีบตกเลยได้ไหมล่ะ มาทำเป็นตกปรอยๆ แล้วฟ้าก็ร้อง หนวกหูชิบ



“ไอ้ท็อป...ท็อปมึงตื่นมาฟังข้อสอบ” ยุนโฮสะกิดเพื่อนสนิทของเขาที่นั่งข้างๆกันและกำลังหลับไปถึงขั้นนิพพาน ฟินนาเล่ชีวิตชิบหาย พ่อแม่ส่งมาเรียน เชี่ยนี่มานอน หลับสบายจังนะมึง


ยุนโฮมีเพื่อนสนิทที่สนิทกันมากๆอย่างปาร์คยูชอน ส่วนเพื่อนที่สนิทรองๆลงมาก็มีไอ้ชางมิน คิบอม ท็อป แล้วก็ชีวอน แต่ละองค์นี่เด็ดๆทั้งนั้น ส่วนที่ยุนโฮสนิทกับแจจุง เป็นเพราะปาร์คมันสนิทกับทุกคน รวมทั้งแจจุง และแจจุงก็คงทะเลาะกับยุนโฮมากไป จากที่เกลียดๆเลยกลายเป็นสนิทกันไปทั้งๆที่ยังไม่ชอบขี้หน้าซะงั้น


แต่จริงๆมันก็สนิทกันทั้งคณะนั่นแหละ เพราะนักศึกษาส่วนใหญ่ของคณะอยู่หออาร์ตกันหมด วันๆก็ไม่ทำอะไรอ่ะ ถ้าไม่กินเหล้าก็วงไพ่ เป็นวงจรอุบาทว์ไปเรื่อยๆ สนิทกันแบบไม่สนเพศ ผู้ชายด่าผู้หญิงนี่ไม่ผิด เพราะแม่งถือว่าเท่าเทียมกันทั้งคณะ จริงๆตอนปีหนึ่งก็ยังเป็นคนกันอยู่หรอก แต่พออยู่ด้วยกันมาได้สักระยะแม่งก็เริ่มและ อาจจะด้วยเหล้าหรืออะไรไม่ทราบได้ เอาเป็นว่าตอนแรกเหนียมอาย เกรงใจเหลือเกิน หลังๆนี่ด่าพ่อล้อแม่ มีความสุข



“เมื่อไหร่ฟ้าจะหยุดร้องเนี่ย” เสียงพึมพำจากคนข้างๆตัวทำให้ยุนโฮต้องหันไปสนใจ

“อะไร?”

“ฝนตกหนักชิบหายเลย” ยุนโฮมองออกไปนอกหน้าต่าง เออ จริงด้วย จากที่ฝนแม่งลีลา ตอนนี้จัดเต็มมาก เทลงมาอย่างกะไม่เคยตกมาก่อนในชีวิต

“กอดกูได้นะ”

“พ่อมึงสิ”

“ฮ่าๆ”



ยุนโฮไหวไหล่ก่อนลงมือจดเล็กเชอร์นิดหน่อยๆพอให้เป็นมารยาทในการเข้าเรียน ก่อนเขาจะมองลงไปที่แถวด้านล่าง แล้วสะกิดเพื่อนที่นั่งอยู่อย่างเบามือ


อย่างที่บอกไป ในคณะสินกำสนิทกันแบบเท่าเทียมใช่ไหมล่ะ......แต่มีอยู่หนึ่ง...หรือสอง เออ นั่นแหละ ที่ต้องยกให้เลย ว่านางไม่เคยผิด อยู่เหนือกฎทั้งปวงบนโลกใบนี้




“ฮีชอล...”

“......”

“ฮีชอลโว้ย”

“อะไร” น้ำเสียงติดจะรำคาญของผู้ชายหัวแดงที่รวบเป็นหางม้าเหวี่ยงตรงมายังยุนโฮ ทั้งๆที่ดวงตายังจ้องนิตยสารเล่มหนาในมืออยู่

“มึงสนใจกูหน่อย ต่อให้มึงจ้องให้ตายไอ้ผู้ชายหล่อน้อยกว่ากูในหนังสือก็ไม่มาเป็นผัวมึงหรอก”

“อ๊ายยยยยยยย ไอ้ยุนโฮ เดี๋ยวมึงศพไม่สวย เมียมึงอยู่ไหนเนี่ย กูจะฟ้องไอ้แจ” คิมฮีชอลสะบัดหางม้าสีแดงเพลิงมาด่ายุนโฮอย่างเต็มตัว ขอบอกว่าผมทรงนี้สีนี้ ถ้าไม่ใช่คนๆนี้ อย่าทำ

“มึงนี่นะ บ้าผู้ชายว่ะ มึงคิดเหรอว่าเขาจะเอามึง?”

“ไอ้ยุนโฮ ไอ้ปากหมา เขาไม่เอากูหรอก แต่มึงอ่ะ มาเป็นผัวกูเลย”

“เห้ย ไอ้เชี่ยไม่เอา ฟ้าผ่า”




เปรี๊ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!




“ไม่ทันขาดคำเลยเห็นไหมมึงอ่ะ” ยุนโฮหัวเราะหึหึ

“แล้วมึงมีอะไร?”

“กูจะยืมเลคเชอร์จียงอ่ะ จดไม่ทัน”

“หน้าอย่างมึงจดด้วยเหรอ เลคเชอร์ กูนึกว่ามโนเอง เห็นก่อนสอบทีไรมานั่งซีร็อกซ์จนแทบเป็นหมันทุกที”

“ฟาย จดสิวะ เออ เอามา จียง เล็คเชอร์หน่อย”



คิมฮีชอลกับควอนจียงเป็นอีกสองผู้ยิ่งใหญ่ในคณะ ไม่รู้ว่าเพราะว่าไฮโซหรือว่าแปลกจนน่ากลัวก็ไม่ทราบได้ คนเขาถึงได้ยอมให้สองคนนี้ตลอด อารมณ์ว่าฮีชอลกับจียงถูกเสมอ ทั้งฮีชอลและจียงเรียนแฟชั่นดีไซน์เหมือนแจจุง เรียกได้ว่าหากคิบอมเกิดมาเพื่อชางมิน แจจุง ฮีชอลและจียงก็คงเกิดมาเพื่อกันและกันอย่างแน่นอน


มีควีนเจแล้ว ก็ต้องมีควีนฮี และ ควีนจี จัดไป.........อย่าให้เสีย



“ยุนโฮ...”



เสียงหวานดังพึมพำอยู่ข้างๆหู ยุนโฮที่กำลังลอกเลคเชอร์จียงอยู่เลิกคิ้ว ก่อนหันไปมองหน้าคนที่กลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าจนแทบไม่เป็นอันเรียน


“วอท?”

“กูยืมหูฟังหน่อยดิ”

“เอาไปทำไร ทำไมไม่เรียน”

“...ไม่ให้ยืมก็ไม่ต้อง กูยืมปาร์คก็ได้” ควีนเจผู้แสนจะขี้งอนเบ้ปาก สะบัดหน้าไปหาปาร์คที่นั่งถัดเข้าไปด้านใน แต่ยังไม่ทันจะอ้าปาก หูฟังบีทส์สีแดงดำยอดฮิตก็หล่นปุลงตรงหน้า

“เอ้า...เอาไป ไม่เห็นต้องขี้งอนขนาดนี้เลยควีนเจ”

“กูไม่ได้ขี้งอนแล้วกูก็ชื่อแจจุง ไม่ได้ชื่อควีนเจ” แจจุงแยกเขี้ยว แต่มิวายหยิบหูฟังมาต่อไอโฟนตัวเองแทบจะทันที

“จ้า...จ้า”
























อาจจะเป็นเพราะฝนที่ตกกระหน่ำแบบไม่ลืมหูลืมตาสลับกับเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าที่ดังต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศใต้ถุนคณะสินกำดูอึมครึมผิดปกติ หลังจากเลิกเรียน...........กลับหอเหรอ? ไม่มีวันซะล่ะ แบบนั้นชีวิตจะฟินาเล่ไปหน่อยล่ะมั้ง ดังนั้นก็เลยจัดเต็มกับงานโฮม ซึ่งเป็นงานที่จัดให้กับรุ่นพี่ศิษย์เก่าทั้งหลาย งานที่ทำมาเป็นอาทิตย์แล้วไม่เสร็จสักที สาเหตุที่ไม่เสร็จก็ไม่รู้จะไปโทษใคร ก็เป็นกันหมดคณะทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง ทำงานสามแดกเหล้าซะเจ็ด ชาตินี้จะเสร็จไหมล่ะจ๊ะ


แต่วันนี้คงไม่มีเวลาชิวแล้ว เพราะใกล้งานมากถึงมากที่สุด แม้จะฝนตก เปียก แฉะ เลอะ แต่สุดท้ายนักศึกษาทั้งหลายก็ต้องหิ้วแปรง สี ไม้กระดาน และสิ่งของนานาชนิดมากองใต้ถุนคณะและเริ่มลงมือทำ แต่นั่นไม่ใช่กับคิมจุนซูและลิซซี่ ที่ไม่ว่าเพื่อนๆจะก้มหน้าก้มตาทำงานแข็งขันกันขนาดไหน พวกนางกลับก้มหน้าก้มตาอยู่กับกระดาษหน้าตาประหลาดบนลังไม้เก่าๆในมุมอับของใต้ถุนคณะ



“จุนซู มาช่วยกันระบายสิวะ อู้อีกแล้ว ลิซซี่ด้วย” ส่วนควีนเจที่นั่งหน้าบูดอยู่ฝั่งตรงข้ามไอ้ยุนโฮที่ถือวิสาสะหิ้วสีและแปรงมาหาแจจุงโดยไม่ได้ขออนุญาตสักคำ ก็ได้แต่ตะโกนเรียกเพื่อนให้มาทำงาน คือแม่งคนอื่นเขาก็ทำกันหลังขดหลังแข็ง ขนาดท็อปที่ชีวิตมันมีแต่ละครเวทีกับนอน ยังอุตส่าห์มาช่วยเหลาไม้เลย (คือท็อปเป็นผู้ชายที่พูดไม่รู้เรื่อง แต่ถ้ามีไดอะล็อกมันจะพูดได้หล่อเหลามาก มันเลยได้เป็นพระเอกละครเวทีคณะมาสองปีแล้ว)


“เดี๋ยวสิแจจุง เรากำลังทำเพื่อแจจุงอยู่นะ”


แจจุงเบ้ปาก คิดในใจ......อะไรที่เพื่อกูแม่งจัญไรหมดแหละจุนซู








“มาทำไมให้อายบ้านนาเล่านวลน้อง ไม่ต้องกลับคืนมา วันจะไปไม่ลา หนีหน้าไปกับหนุ่มเมืองหลวง ทิ้งคนข้างหลังนั่งน้ำตาร่วง มันเจ็บในทรวงพุ่มพวงรู้หรือป่าว ทิ้งเคียวคราดไถไปเลยเดือนเก้า”





ยังไม่จบ ไอ้จุนซูยังวุ่นวายอยู่กับตำราหนังหมาของมัน โดยมีลิซซี่ร่วมด้วยช่วยกัน ไอ้ปาร์คก็วิญญาณนักร้องบ้านนอกเข้าสิ่ง แม่งหยิบแปรงขึ้นมาเป็นไมโครโฟน ไม่ใช่แค่ปาร์คคนดียว ไอ้ชีวอนถึงกับเอากระป๋องสีมาเคาะประกอบจังหวะ มีชางมินกับคิบอมเต้นเป็นแดนเซอร์รูดเสาประกอบฉากอยู่ด้านหลัง



“โว้ยยย หนวกหูว้อย มึงจะทำงานดีๆหรือจะทำด้วยน้ำตาห๊ะ ยูชอน” แล้วก็เป็นคิมฮีชอลที่ลุกขึ้นมาเท้าสะเอวเอาพู่กันชี้หน้าด่าปาวๆ แต่ดูเหมือนยูชอนจะไม่สนใจสักนิดเดียว


“อ๊ะๆ......เมียจ๋าปาร์คมาแล้วจ้ะ อยู่นี่แล้วน่ะ เขยิบมาใกล้ๆตะล๊ะล่าาาา”


ไม่ร้องเปล่า แม่งหอมแก้มฮีชอล ปาร์คแม่งหอมแก้มฮีชอล ฮีชอลสะดุ้งตกใจยกใหญ่ มือไม้อ่อน แปรงเปิงล่วงจากมือหมด ปาร์คยิ้มเผล่ ส่วนฮีชอลยืนกุมแก้มหน้าแดง แล้วก็เริ่มเข้าพระเข้านางกัน.........


“ไอ้ปาร์คคคคคคคคคคคคคคคคคค”

“แอร๊ยยยยยยยยยยย กูหนีก่อนนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” ไอ้ปาร์คมันคงเป็นเชี่ยที่แบบว่า กวนตีนคนเก่งที่สุดในโลก แบบไม่มีใครสนใจมัน มันก็จะกวนตีนชาวบ้านจนเขาสนใจมันได้ แต่ถึงไม่มีใครสนจริงๆ มันก็สนใจตัวเองได้


ปาร์ควิ่งตีนเปล่าออกไปกลางลานจอดรถหน้าคณะเรียบร้อย โดยมีฮีชอลวิ่งตามพร้อมร่มหนึ่งคันในมือ แม่ง ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้ แจจุงอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าปาร์คมันเป็นผู้เป็นคนกว่านี้ แจจุงอาจจะจะคิดว่ามันชอบฮีชอล แต่เพราะมันเป็นครึ่งผีครึ่งคน แถมอยู่กันมาตั้งสามปีแล้วแบบนี้ ทำให้ทุกคนปลง และยอมแพ้ว่าจริงๆแล้วแม่ง ปาร์คไม่มีทางชอบฮีชอลหรอก พอๆกับที่ฮีชอลก็ไม่มีวันชอบปาร์คนั่นแหละ แต่มันก็สนิทกันมากสองคนนี้



“เอาล่ะ...แจจุง!”



มาแล้ว...คิ

Reply · Report Post