เนื้อคู่ ประตูถัดไปเดอะซีรี่ย์


สวัสดีค่ะ
ทุกคนกำลังอยู่กับ 'เนื้อคู่ประตูถัดไปเดอะซีรี่ย์' นะจ๊ะ! ต้องบอกก่อนว่าฟิคเรื่องนี้เกิดมาจาก 4 สาว -รนรด พฮร วลรว วว33- องน้องเร็นจากวง nu'est มาก เลยกรี้ดๆกันออกมาเป็นฟิคเรื่องนี้ :)
พวกเราอยากให้ฟิคเรื่องนี้มีบรรยากาศออกมาประมาณซิทคอม เพราะฉะนั้น ช่วยอินกันด้วยนะคะ 555+

ที่สำคัญ - เนื้อคู่ประตูถัดไปเดอะซีรีย์ของเราจะออกอากาศทุกวันอังคารและพฤหัส เวลาประมาณ 23:45 น.
(ก่อนข่าวห้ามิติ -ห๊ะ!) ~

อีกนิด : เวลาใครพูดถึงฟิคเรื่องนี้ในทวิตเตอร์ ช่วยติดแท๊ก #เนื้อคู่เดอะซีรีย์ ด้วยนะ! แล้วเราจะเข้าไปแอบส่อง~


ก่อจะไปอ่านฟิคนอื่นต้องแนะนำตัวละครหลักๆกันก่อนเนาะ ทุกคนจะได้รู้จักน้องเร็นของเรา!
(จิ้มลิ้งเลยจ่ะ!)
http://i246.photobucket.com/albums/gg109/WannWann33/-.jpg
http://i246.photobucket.com/albums/gg109/WannWann33/--1.jpghttp://i246.photobucket.com/albums/gg109/WannWann33/64e02e14.jpg
http://i246.photobucket.com/albums/gg109/WannWann33/69de0b05.jpg

เรียบร้อยแล้ว ไปอ่านกันเลย!





,

ตอน : ฝนตก

เสียงฝีเท้าดังเข้ามาภายในล็อบบี้ของหอพักนักศึกษาคณะศิลปกรรมอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เจ้าของเสียงฝีเท้าเหล่านั้นจะทิ้งรอยคราบโคลนตามพื้นรองเท้าเอาไว้ให้แม่บ้านของหอพักต้องเหนื่อยใจเล่น ปกติในเวลาแค่หกโมงเย็นแบบนี้ นักศึกษาส่วนใหญ่จะยังไม่กลับหอกันหรอก โดยเฉพาะเมื่อนักศึกษาของหอพักนี้คือนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะที่ได้ชื่อว่า “อาร์ตชิบหาย” เหตุการณ์ที่นักศึกษาพากันแห่กลับหอกันอย่างรวดเร็วแบบนี้จึงถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำอีกวันหนึ่งขอหออาร์ตเลยทีเดียว

ภายในห้อง 510 กำลังเกิดการประชันกันแบบนานาชาติสามัคคี เสียงดนตรีที่ดังออกมาจากห้องๆนั้นมีทั้งเสียงกีต้าร์ที่นั่งบรรเลงโดยหนุ่มน้อยที่สุดในห้องอย่างจงฮยอนหรือชื่อที่พี่ๆมักเรียกเขาก็คือเจอาร์ โดยมีเสียงกลอง(?) เสียงเปียโน(?) และเสียงปี่(????????)ดังประสานไปอย่างพร้อมเพรียง

“เชี่ย…เจอาร์มึงเล่นดีๆ มึงเล่นผิดคอร์ด!”
“เห้ย! โทษผมได้ไงพี่ ผมเล่นถูกแล้ว ผมเรียนเอกดนตรีนะเว้ย!”
“แต่มึงเรียนดนตรีคลาสสิค ซีวอน…มึงเล่นเปียโนของมึงให้ดีเลยๆ ข่มน้องมึงซะ”
“จัดไป!”

ชเวซีวอน…หรืออีกชื่อคือมิสเตอร์บิวตี้ฟูลเวิร์ล (Mr.Beautiful World) ฉายาอันน่าประทับใจที่ใช้เวลาสั่งสมบารมีของชื่อนี้มาตั้งแต่ปี 1 หยิบเปียโน(?)คู่ใจขึ้นมาพาดที่ตัก ก่อนจะออกแรงเป่าสายแล้วกดคีย์บอร์ดอย่างคล่องแคล่ว โดยมีเพื่อนรักอย่างปาร์คยูชอนนั่งเป่าปี่(?????????????)สีบานเย็นอยู่ข้างๆ

“ย่าห์ย่าห์ย่าห์!!!!!!!!!!”

“โอย….ล่มๆๆๆ ล่มหมด!”
“ปาร์คมึงขี้บ่นว่ะ!”
“ไอ้เชี่ยยุนเลยแม่ง มึงเป็นกลองมึงห้ามตะโกนนะสราดดดด”
“เออ มึงเป่าปี่สีชมพูของมึงไปเหอะ…”

ยุนโฮยิ้มมุมปาก ยิ้มแบบที่สาวๆคงหลงเสน่ห์ แต่กับเพื่อนรักที่เห็นไปถึงลำไส้ขดที่หกสิบเก้ารู้ดีว่านี่คือการยิ้มกวนตีนระดับสาม (ยิ้มกวนตีนของยุนโฮมี 5 ระดับ เราจะค่อยๆบอกคุณในภายหลัง) ปาร์คยูชอนหยิบปี่(????????)คู่ใจของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง นี่แหละ เขาคืออัจฉริยะ ปาร์คยูชอนเชื่ออย่างนั้น เขาไม่ได้เรียนเอกดนตรี แต่เขาสามารถเสกสรรดนตรีที่ทรงพลังเทียบเท่ากับโมสาร์ทบีโธเฟ่น ชูเบิร์กโชแปงหรือแม้แต่พี่ตูนบอดี้สแลมได้ปาร์คยูชอนมองปี่สีบานเย็นสดใสในมือตัวเองด้วยสายตาภาคภูมิใจ ก่อนจะทอดสายตามองออกไปยังนอกอาคารที่มีสายฝนตกกระหน่ำ นี่แหละ….นี่แหละคือศิลปะอย่างแท้จริง!!!!

“ไอ้ยุนโฮ…มึงรู้มั้ยว่าเรากำลังสร้างผลงานเอกของโลก” ปาร์คยูชอนทำหน้าอิ่มบุญ ก่อนจะมองตรงไปยังเพื่อนตัวสูงด้วยสายตาแรงกล้า ซึ่งแน่นอนว่าท่าทางจริงจังแบบที่มันจะมีให้เห็นนานๆครั้งทำให้ซีวอนและเจอาร์ต้องหันไปมองหน้าคนมีฝันอย่างสงสัยและงุนงงด้วยเช่นกัน

“พวกมึงดูนี่! ปี่ของกู เปียโนของไอ้ซีวอน และเสียงกลองจากมึง…เมื่อรวมกับเสียงกีต้าร์ของไอ้เจอาร์กับเสียงฝนตกแบบนี้…พวกมึงคิดดู๊ มันโคตรคลาสสิคอ่ะมันพรีเมี่ยมมากๆ มันฟินนาเล่ระดับสามสิบห้าโชแปงXโมสาร์ทเลยนะเว้ย!!!”

เช้ดโด้ว!!!!
ถ้าไม่ใช่ปาร์คยูชอนมันคงคิดไม่ได้

ปี่เด็กเล่น เปียโนที่จริงๆแล้วมันคือเมโลเดียนกีต้าร์โปร่ง (ยังดีที่มันคือเครื่องดนตรีจริงๆ) กับ…เสียงกลองของยุนโฮที่ว่า เจ๋งล่ะ เยี่ยมเลย พวกนายมั่นใจกันมากจริงๆ

“เออๆ…มึงฉลาด มึงอัจริยะ มึงเก่ง มึงเทพ มึงเล่นดังๆดิ๊ปาร์ค เพลงมึงมันเมพขริงๆ ไม่มีใครสร้างสรรค์ได้ดีเท่ามึงแล้ว”
“จริงหรอวะไอ้ชอง”
“เออ เร็วๆ กูอยากตีกลองแล้วเว้ย”
“จัดไปเพื่อนรัก!”

และแล้ว…เสียงดนตรีที่แสนอัจฉริยะก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง…

.
.

ภายในห้อง 511 บรรยากาศช่างต่างกับห้องข้างๆอย่างลิบลับ คิมแจจุงกำลังนั่งทาเล็บอยู่บนเตียงนอน ในหูมีหูฟังขนาดใหญ่ครอบอยู่ เขาต้องฟังเพลงของ Katy Perry ไปด้วยเสมอเวลาที่อยากทาเล็บ เพราะมันจะทำให้สีเล็บออกมาชิคและแนวอย่างน่าประหลาดใจ

ในขณะที่เตียงข้างๆมีร่างของรูมเมทกำลังนั่งอ่านตำราโบราณเล่มใหญ่เท่ากระด้งฝัดข้าวอย่างจริงจัง พลางพึมพำคาถา(?)พร้อมกับทำไม้ทำมือประกอบการร่ายคาถาไปด้วย

“จุนซู…เสียงอะไรน่ะ…”

พอทาเล็บเสร็จแจจุงก็เอาหูฟังออก เขาว่าเขาได้ยินเสียงแทรกมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่นึกว่าเป็นซาวน์ใหม่ของเคที่ เพอร์รี่ ซึ่งปรากฏว่ามันไม่ใช่ เพราะพอเอาหูฟังออก ไอ้เสียงเพลงแปลกๆ กับเสียงดังตึงๆๆๆก็ยังดังอยู่เหมือนเดิม แถมเสียงที่ว่าเหมือนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลด้วย

“จะ…แจจุง…นายได้ยินหรอ?”

จุนซูเหลียวซ้ายแลขวาอย่างหวาดๆ ขนแขนสแตนอัพแบบไม่ต้องใช้สแตนอิน ตำราเล่มนี้ขลังจริงๆ แค่เขาลองพึมพำคาถาไปไม่ถึงสามบท เขาก็สามารถอัญเชิญเทพแห่งดุริยางค์มาได้แล้ว ขนาดแจจุงยังได้ยินเสียงเลย

“แจจุง…นายต้องอย่าบอกใครเรื่องนี้นะ…”จุนซูกระซิบ ก่อนจะกวักมือให้แจจุงเข้ามาใกล้ๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมโน้มหน้าไปหาเพื่อนแต่โดยดี

“เรื่องอะไร?”
“ไม่ๆ ถ้านายจะฟัง นายต้องยืนขึ้นแล้วพนมมือเหนือศีรษะ จากนั้นกระโดดเป็นวงกลมสามรอบก่อน”

จุนซูเอ่ยอย่างจริงจัง เขาจริงจังเสมอในเรื่องไสยศาสตร์พวกนี้ ในขณะที่แจจุงกลับทำสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด พอกันกับจุนซูล่ะ ถ้าจุนซูเชื่อเรื่องไสยศาสตร์มากแค่ไหน แจจุงยิ่งไม่เชื่อเรื่องพวกนี้มากเท่านั้น ขอเถอะ นี่มันปี 2012 แล้วนะ!

“อย่าให้ฉันทำอะไรแบบนั้นน่ะจุนซู…นี่! เหมือนเสียงมันจะเงียบไปแล้วนะ…” แจจุงพูดไปก็ใช้ไดร์เป่าเล็บตัวเองไป เขาได้เทคนิคนี้มาจากร้านเพ้นท์เล็บหน้ามอนั่นแหละ เลยขโมยมาใช้ตามเสมอเวลาต้องทาเล็บ

เสียงเงียบไปแล้วจริงๆ ตอนนี้เสียงที่ได้ยินมีแต่เสียงฝนตก จุนซูมองแจจุงอย่างอึดอัดและสงสาร เขาอึดอัดที่เขาไม่สามารถบอกความลับเรื่องเทพดุริยางค์ให้แก่แจจุงได้ถ้าแจจุงไม่ทำตามที่เขาบอกเมื่อครู่นี้ แต่เขาก็สงสารแจจุงด้วยที่แจจุงไม่มีพรสวรรค์ในการอัญเชิญเทพเจ้าในแบบเขา แจจุงยังขลาดเขลานัก…

ตึง! ตึง! ตึง!

จังหวะที่กำลังนั่งเงียบๆกันเพลินๆ ทั้งแจจุงและจุนซูก็ต้องสะดุ้งอย่างตกใจ จุนซูนั้นขนลุกและทึ่งจัดในระดับที่ว่าไม่เคยทึ่งสิ่งใดได้มากขนาดนี้ แต่แจจุงกลับกำลังอ้าปากหวอ ก่อนที่ใบหน้างดงามระดับควีนนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทันตาเห็น เมื่อได้ยินเสียงเพลงดังลอยมาว่า “ไม่เคยรักครายยยยยยยเท่าติ๋มมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!”

“ไอ้ยุนโฮ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

เสียงเคาะประตูปึงๆหาได้ทำให้กลุ่มนักดนตรีอัจริยะของโลกกลุ่มนี้หยุดบรรเลงเพลงไม่ ยุนโฮแหกปากร้องเพลงไม่เคยรักใครเท่าติ๋มอย่างเอาเป็นเอาตายโดยมีเจอาร์ที่ปากว่างอยู่ช่วยร้องด้วย ในขณะที่ฝ่าเท้าของเขาก็ไม่ได้หยุดในการสร้างเสียงกลองให้กับเพื่อนร่วมวง ยุนโฮกระโดดเตะผนังห้องอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะรู้ว่าหอพักนี้ผนังห้องค่อนข้างบาง แค่ดึงปลั๊กไฟออกห้องข้างๆก็ได้ยินแล้ว

แจจุงโมโหมากในระดับแม็กซิมั่ม เขารู้สิ รู้ว่าไอ้บ้าเจ้าของห้อง 510 ต้องแม่งจงใจแกล้งทำเสียงดังแบบนี้ขึ้นมาเพราะห้อง 510 เป็นห้องติดริมระเบียง ดังนั้นจึงมีแค่ห้องเดียวที่อยู่ข้างห้องนี้ซึ่งก็คือห้องของเขาเอง ห้อง 511 แล้วมันจะแกล้งใครล่ะ ถ้าไม่แกล้งเขาเนี่ย!

แจจุงกับยุนโฮนี่เรียกได้ว่าเจอกันที่ไหนสงครามบังเกิด ไม่รู้โชคชะตาเล่นตลกอะไรนักหนา พอขึ้นปีสามดันมากลายเป็นคนข้างห้องกันไปได้แบบนี้ ซึ่งปกติก็ไม่ค่อยได้เจอกันหรอกเพราะเรียนไม่ตรงกันเท่าไร แต่ไม่ใช่กับวันนี้ วันที่ฝนตกและนักศึกษาส่วนใหญ่ต้องการความสงบในห้องพักของตัวเอง ไม่ใช่แหกปากร้องเพลงบอกรักนังติ๋มที่ไหนก็ไม่รู้แบบนี้

“ไอ้ยุนโฮ!!!! ไอ้ปาร์คคคคค!!!!!!! เปิดประตูสิวะ!!!!!!!!”

แจจุงออกแรงทุบประตูห้องข้างๆอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ก็ได้ยินแต่เสียงตะโกนบอกรักติ๋มให้ได้ยิน จุนซูเดินออกมาดูเหตุการณ์อย่างเหวอๆ สีหน้าของรูมเมทของแจจุงบ่งชัดถึงความผิดหวังและเศร้าสลด

ไม่นะ…เทพเจ้าแห่งดุริยางค์ไปประทับที่ห้องของยุนโฮกับยูชอนได้ยังไง จุนซูเป็นคนเรียกนะ!

แจจุงนับ 1 ถึง 3 ในใจ ก่อนจะรวบรวมพลังลมปราณให้เข้าที่เข้าทาง

หึหึ…ลองดีใช่มั้ย
แจจุงจัดให้!!!

คนตัวบางเดินกระแทกๆกลับไปที่ห้องตัวเองโดยมีสายตาของจุนซูที่มองเมทตัวเองอย่างงงๆว่าแจจุงจะทำอะไร ก่อนที่แจจุงจะโผล่ออกมาอีกทีพร้อมกับด็อกเตอร์มาร์ตินสีแดงในมือ เขาจ้องมองเลขห้อง 510 อย่างอาฆาตมาดร้าย ก่อนจะก้าวถอยหลังแล้ว…กระโดดถีบเต็มแรง!

“โอ๊ะ!!!”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก”

เงียบกริบ…ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น แจจุงพยุงตัวเองขึ้นมา เขาเซเล็กน้อยเพราะเมื่อกี้ออกแรงถีบประตูไปเยอะ ไอ้เสียงสองเสียงนั่นไม่ใช่เสียงของเขาหรอก แต่เป็นเสียงของจุนซูที่อุทานอย่างตกใจกับ…

“เชี่ยปาร์ค!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

ปาร์คยูชอนนอนสลบอยู่คาประตูห้องพร้อมด้วยเสียงโหยหวนสุดท้ายที่ดังกระแทกลงไปในจิตใจของทุกคน อาเมน…

.
.

“เพราะนายนั่นแหละ ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต!”
“เพราะนายต่างหาก ไอ้เตี้ย!”
“มึงสูงตายล่ะยุนโฮ!”
“แต่มึงก็เตี้ยกว่ากูล่ะจวง!”
“มึงห้ามเรียกกูว่าจวงนะไอ้ปากห้อย!”
“ห้อยแบบนี้แต่พี่ก็จูบเก่งนะจ๊ะๆ น้องจวงจะลองมั้ย”
“อ๊ากกกกกกกกก ไอ้ยุนโฮ กูเกลียดมึงงงงงงงงงงงงงงงง”

ยุนโฮหัวเราะสะใจ เขายิ้มมุมปากที่แจจุงมองออกทันทีว่ามันคือการยิ้มกวนตีนระดับสูงสุด ใช่สิเขามองออกเพราะไอ้บ้านี่มันยิ้มแบบนี้ให้เขาคนเดียวนี่แหละ ทั้งสองคนทะเลาะกันไปโดยมีเพื่อนๆนั่งมองอย่างเห็นเป็นเรื่องชินตา

เถอะ! มันทะเลาะกันแบบนี้ตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกแล้ว

ตอนนี้ทุกคนรวมพลกันหน้าห้องพยาบาลของหอพัก เรียกว่ารวมพลเพราะประชาชนคนรักปาร์ค(?) ไม่ว่าจะเป็นแจจุง เจ้าของรอยเท้าบนปกเสื้อของปาร์คยุนโฮรูมเมทของปาร์ค จุนซูชางมินคิบอม ซีวอน ฮีชอลท็อป จีดี รวมไปถึงรุ่นน้องอย่างเจอาร์ที่ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ทำหน้าตาห่วงใยคนที่สลบอยู่อย่างจริงจัง

“ถ้านายไม่ทำเสียงดังๆบ้าๆนั่น ปาร์คมันก็ไม่ต้องมาเจ็บแบบนี้หรอก”
“เอ๊า! ก็ถ้านายมีขันติมากกว่านี้ ไอ้ปาร์คก็คงไม่ต้องรับตีนนายจนสลบหรอก”
“ก็นายเสียงดัง บอกรักอิติ๋มอยู่ได้!!!!!”
“ก็พวกฉันต้องการผ่อนคลาย~~~~~”

มาอีกแล้ว ไอ้รอยยิ้มกวนตีนระดับห้าของมันมาอีกแล้ว แจจุงเห็นทีไรแล้วอยากจะตั๊นท์หน้าหมีๆของมันแรงๆสักที

“อ๊ะแหน่ะๆ จะต่อยพี่หรา????”
“ใครน้องมึง?”
“อุ๊ย! ก็ไม่ได้เอ่ยชื่ออะไรสักที พูดแบบนี้ยอมรับล่ะสิๆ”
“ไอ้ยุนโฮ!!!”
“เรียกชื่อมากๆระวังตกหลุมรกกูนะเว้ย!!ฮ่าๆๆๆ”
“มึง…ตายซะเถอะ!!!”
“จะต่อยจริงหรอ ต่อหน้าลูกมึงอ่ะนะ ลูกมึงเดินมาแล้วนะจวง ลูกมึงอ่ะๆๆๆๆ”

แจจุงได้แต่ฮึดฮัด เขาแม่งเถียงไอ้ยุนโฮไม่เคยได้ พอจะหยาบคายใส่มันมันก็กวนตีนพูดจาอ้อร้อใส่ทุกที ใครบอกว่ายุนโฮขรึม หล่อ เท่ แจจุงอยากไสหัวคนพวกนั้นให้ไปคิดใหม่ เพราะทุกอย่างที่ชมมันนั้น ไม่เป็นความจริงสักข้อ!!

แล้วดูสิ! พอจะจัดการมันจริงๆ น้องรหัสตัวเล็กตัวน้อยของเขาก็วิ่งดุ๊กๆมาหา เขาจะหยาบคายต่อหน้าเด็กหน้าตาน่ารักแบบน้องรหัสของตัวเองได้ยังไง ผิดคอนเซปต์ควีนจวง เอ๊ย ควีนเจนะเว้ย!

“ซอนเบฮะ ยูชอนซอนเบสลบเหมือดหรอฮะ?”

น้องเร็น หรือชื่อจริงๆของน้องคือ ชเวมินกิ (นามสกุลเหมือนซีวอนและเป็นญาติอิตาซีวอนด้วยนั่นแหละ) ถามเสียงใส น้องทำหน้าตาเฉยๆแต่ออร่าความน่ารักแผ่กระจายจนไอ้หื่นคณะศิลปกรรมทั้งหลายมองน้องกันตาละห้อย

“อือ…ยังไม่ฟื้นเลยเนี่ย”
“ได้ข่าวว่าซอนเบกระโดดเตะหรอฮะ สุดยอดเลย! แดบัก!!!!!”
“ช่ายยยย ใช้น้องมาร์ตินสีแดงคู่นี้เตะด้วยอ่ะ”
“โธ่! น้องมาร์ตินเจ็บแย่เลยสิฮะ”

น้องเร็นพูด…แล้วยิ้มมุมปาก อากัปกิริยาเหมือนกันกับคนที่สนทนาอยู่ด้วยเด๊ะๆราวกับว่าไม่แจจุงก็เร็นนี่แหละที่ยืนส่องกระจกอยู่ ไม่นะ….เห็นหน้าตาน่ารักขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะโรคจิตเหมือนจวงมันไปแล้วอีกคนนึง

แน่ล่ะว่าแจจุงแอบสะใจ น้องรหัสเขาน่ารักก็จริง แต่ไม่ได้แปลว่าน้องจะไม่ร้ายกาจนี่นะ สมน้ำหน้าไอ้พวกคิดหื่นกับน้อง เจอแบบนี้คงกลัวๆน้องมันมั่งล่ะ

“เฮ้ยๆๆ ไอ้ปาร์คฟื้นแล้วว่ะ…”

ชางมินตะโกนขึ้นมา เนื่องจากว่ามันเป็นคนที่อยู่ใกล้ประตูมากที่สุด ก่อนที่เพื่อนๆจะกรูกันเข้าไปถามไถ่อาการปาร์คกันอย่างเป็นห่วง ซึ่งภาพๆนี้ทำให้ปาร์คยูชอนปลาบปลื้มจนน้ำตาแทบไหล

ปาร์คยังไหวครับ ปาร์คต้องอยู่เพื่อทุกคน…

“ปาร์ค…เป็นไงมั่งอ่ะมึง”
“เจ็บสิวะจวง มึงก็ถามมาได้!”
“เอ๊า! ก็มึงเสร่อมาเปิดประตูทำไมอ่ะ”
“เช้ด!!! อย่าโบ้ยความผิดให้กูผู้ซึ่งไม่เท่าทันความคิดมึงนะ เชี่ยชองนั่นแหละ แม่งถีบให้กูมาเปิดประตู”
“อ่าว…ก็เห็นมึงบอกว่ากลัวแจจุงจะวีนใส่มึงถ้ามึงไม่เปิด กูไม่กลัวกูก็ไม่เปิดเองสิ มึงไปเปิดก็ถูกแล้ว”
“นี่พวกมึง…”

ยูชอนมองหน้าเพื่อนตาปริบๆ เขากำลังอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้า ไอ้เพื่อนคนอื่นก็พากันเงียบกริบไม่ได้ช่วยแก้ต่างให้กันเลย ทำเสมือนว่าสิ่งที่ปาร์คทำไปนั้น ทำเสมือนว่าการที่ปาร์คเปิดประตูด้วยความหวังดีนั้น…ปาร์คผิด!

“มึงผิดนะปาร์ค มึงเปิดประตู”
“เออมึงผิดนะเว้ย…เดินไปเปิดประตูให้มันทำไม”

ใช่ซี่!!!!! กูตลอดล่ะ กูผิดเสมออออออออออออออออออออออออออ

มันคงเป็นแค่เสียงคร่ำครวญในใจของปาร์คที่ไม่มีใครได้ยิน
และคงไม่มีใครได้ยินเพราะเพื่อนทุกคนต่างก็เออออไปกับแจจุงและยุนโฮ

“กูไม่รักพวกมึงแล้ววววววววววววว!!!!!!!!!!!!!!!!”

ถึงจะโวยวายออกมาอย่างนั้น แต่ภาพที่ปาร์คยูชอนเห็นก็คือเพื่อนๆพากันแยกย้ายกลับห้องตัวเอง ชางมินยังดีหน่อยที่มันเดินมาตบไหล่เขาเบาๆ แต่คนอื่นต่างตะโกนคุยกันเองอย่างออกรส โดยเฉพาะไอ้ยุนโฮกับไอ้แจจุงที่น่าจะออกรสเป็นพิเศษ เมื่อต่างคนต่างหนีบลูกกรอกมันไว้ข้างตัว

เอ่อ…หมายถึงว่าแจจุงก็มีน้องเร็น ส่วนไอ้ยุนโฮก็มีไอ้เจอาร์ช่วยยืนทำหน้ากวนตีนเป็นเพื่อนมัน ส่วนเขาน่ะหรอ?

“เดี๋ยวเราจะทำพิธีไล่โชคร้ายให้นายเองนะยูชอน…”

นี่ไง…เขามีแม่หมอเป็นเพื่อน เช้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!

.
.

“ให้พี่ไปส่งมั้ยจ๊ะน้องสาว…”

ตามทางเดินของชั้นสอง เสียงของคนที่มินกิไม่อยากได้ยินมากที่สุดกลับมาดังกระซิบอยู่ข้างๆหู คนตัวเล็กกว่าสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะถอยหลังออกห่างคนที่ไม่รู้เดินตามมาตั้งแต่ตอนไหน ก่อนจะกอดอก…แล้วทำหน้าบึ้ง

“ดูทำหน้าเข้า เปี๊ยกเอ๊ย แซวนิดแซวหน่อยทำเป็นโมโห ฮึๆ~~~”
“…”
“นี่…หน้าบึ้งยังไงก็สวยสู้พี่แจจุงไม่ได้หรอกน่า”

ไอ้บ้านี่!มินกิคิดในใจอย่างหงุดหงิด ทำไมต้องเอาชื่อแม่(?)เขามาเปรียบเทียบด้วย เขารู้หรอกน่าว่าซอนเบนิมของเขาหน้าตาสวยที่สุด น่ารักที่สุด เริ่ดที่สุด แต่เขาก็ไม่ได้หวังจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากไอ้คนหน้าตาไม่ดีอย่างมันหรอกนะ ไอ้บ้าเจอาร์!

“ยุ่ง! ไปห่างๆเลย จะกลับห้อง!”
“ก็กลับสิจ๊ะ เดี๋ยวเดินไปส่ง”
“ไม่ต้อง! กลับเองได้!”
“ตามใจ…แต่ระวังจะเจอพี่นายอนละกันนะ…”

ขาเรียวๆที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าชะงักกึก ก่อนจะหันมองรอบๆตัวอย่างหวาดๆ นึกโมโหไอ้บ้าเจอาร์ขึ้นมาตะหงิดๆที่ทักเรื่องนี้ขึ้นมา เด็กหออาร์ตคนไหนจะไม่รู้จักพี่นายอนมั่งล่ะ…ในเมื่อพี่นายอนคือตำนานอันแสนโด่งดังของที่นี่!

“อะ…ไอ้บ้า…พูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม”
“ฮ้า~~ เตือนด้วยความหวังดีนะจ๊ะๆ หูย…ดูดิ่ กลัวจนผมหงอกเลยนะเร็น”

คนโดนล้อว่าผมหงอกพยายามถลึงตาใส่ แต่นอกจากไอ้คนไม่หล่ออย่างเจอาร์จะไม่กลัวแล้ว มันยังจะกล้าเอื้อมมือมาจับหางม้าที่แจจุงซอนเบมัดให้เมื่อเช้าอีก บังอาจมาก!

“ไอ้บ้าเจอาร์! อย่ามาจับผมฉันนะ!”
“จะจับอ่ะๆๆนิ๊มนิ่มเนอะ…”
“อ๊ากกก ปล่อยนะๆๆๆ”

มือเรียวเล็กพยายามจับมือใหญ่กว่าที่แกล้งดึงผมเขาเล่นบ้าง จับผมเขาชี้ขึ้นบ้างอย่างหงุดหงิด จริงๆเร็นก็ไม่ได้สูงน้อยกว่าเจอาร์สักเท่าไรเลยนะ แต่ไอ้เจอาร์นี่มันเร็วอย่างกับลิง เดี๋ยวโยกไปทางซ้ายที เดี๋ยววิ่งอ้อมหลังที เขาจะไปมองทันมันได้ยังไงอ่ะ

พรึ่บ!!

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!!!”

กำลังทะเลาะกันอยู่แท้ๆ แต่อยู่ดีๆไฟก็ดับ มินกิก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงกระโดดเกาะไอ้คนที่กำลังกวนตีนตัวเองอยู่เสียแน่น โดยที่เจอาร์เองก็ไม่ได้สะบัดเขาทิ้ง แต่กลับอุ้มเขาไว้แบบนั้น

“กะ…กลับห้องเถอะ…”
“อะ…อื้อ…”

บางที…อาจมีพลังงานแฝงอยู่ในหลอดแถวนั้น…ก็เป็นได้…

.
.

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนสามนาที แต่คิมแจจุงกลับต้องเดินเอาผ้าลงมาซัก และสิ่งที่น่าหงุดหงิดก็คือฝนยังตกอยู่ ต่อให้ซักผ้าเสร็จก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะแห้ง แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่ซักก็ไม่มีอะไรใส่แล้ว เพราะสัปดาห์นี้แจจุงลืมเอาเสื้อผ้าไปส่งร้านซักรีด และระดับควีนอย่างเขา ถ้าต้องใส่เสื้อผ้าที่ยังไม่ซักล่ะก็…แค่คิดก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว!

“นิยายเรื่องนี้นี่มัน…”



‘ฮเยมีรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่เธอจะต้องลงมาซักผ้าทั้งหมดเอาตอนดึกขนาดนี้ ตอนนี้เป็นเวลาที่คนทั้งบ้านหลับหมดแล้ว แต่แม่เลี้ยงใจร้ายของเธอก็ยังใช้งานเธอไม่หยุดหย่อน ถ้าไปบอกใครจะมีใครเชื่อว่านี่มันศตวรรษที่ 20 แล้ว ชีวิตเธอเหมือนกับซินเดอเรลล่าไม่มีผิด

แล้วดูเอาเถอะ ตอนนี้ข้างนอกบ้านฝนทั้งตกหนักและพายุก็ยังเข้าอีกด้วย ถ้าเธอเดินออกไปซักผ้าตอนนี้ พรุ่งนี้เช้าเธอจะต้องมีไข้แน่ๆ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ถ้าเทียบกับการที่ยังได้เรียนหนังสือแล้วล่ะก็ จะอย่างไรเธอก็ต้องทำตามคำสั่งของยัยแม่มดใจร้ายนั่นอยู่ดีนั่นแหละ

“ใครน่ะ…มาทำอะไรอยู่ตรงนั้น…”

เสียงทุ้มนุ่มที่ทักขึ้นท่ามกลางเสียงฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย ทำให้ฮเยมีรู้สึกตกใจไม่น้อย แต่ในความตกใจนั้นกลับมีความรู้สึกยินดีระคนอยู่อย่างประหลาด เธอหันกลับไปมองข้างหลัง เห็นร่างสูงของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ ก่อนที่คนๆนั้นจะมุ่นคิ้วของตัวเองเข้าหากันเมื่อเห็นว่าในอ้อมแขนของเธอมีตะกร้าที่ใส่เสื้อผ้าเตรียมจะซักอยู่

“เธอจะซักผ้า…ตอนนี้น่ะหรือ?”
“…เอ่อ…ค่ะพี่ชิน”

พี่ชิน…หลานชายสุดที่รักของยัยแม่มดใจร้าย ผู้ชายที่เปรียบดั่งเจ้าชายขี่ม้าขาวมาคอยช่วยเหลือเธอเสมอกำลังมองมาที่เธออย่างเห็นใจ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินมาดึงตะกร้าในมือของฮเยมีไปถือไว้เสียเอง

“งั้นพี่ช่วยเธอละกัน…”
“พี่ชิน…”

นัยน์ตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เธอมองชายหนุ่มอย่างซาบซึ้งใจ ในช่วงเวลาที่เธอไม่มีใคร ในช่วงเวลาที่ทุกคนล้วนโหดร้ายใส่เธอ แต่เธอยังมีคนๆนี้อยู่เคียงข้างเสมอ มีพี่ชินอยู่ข้างๆเธอเสมอ…

ใบหน้าคมก้มลงต่ำ สายตาคมคายคู่นั้นจับจ้องไปยังเรียวปากบางของหญิงสาวอย่างหลงใหล เขาจะคอยปกป้องเธอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะฮเยมี…เธอคือผู้หญิงที่เขารัก’




“อ่านอะไรน้ำเน่าแบบนี้ด้วยหรอ?”
“เห้ย!!”

แจจุงผงะแทบตกลงจากเครื่องซักผ้าเมื่ออยู่ดีๆไอ้คนที่เขาเกลียดขี้หน้ามันที่สุดก็โผล่หน้ามาคั่นระหว่างเขากับนิยายที่กำลังอ่านติดพันอยู่ มิหนำซ้ำมันยังส่งสายตาล้อเลียนมาให้ทั้งๆที่ไม่ยอมเอาหน้ามันออกไปไกลๆหน้าเขาด้วยซ้ำ

“แก…”
“งั้นพี่จะช่วยเธอละกัน…โอ้โห เพิ่งรู้ว่าน้องจวงคนสวยชอบอ่านอะไรแบบนี้ กร๊ากกกกกก”
“หุบปากไปเลย!”
“อ๊ะๆ เขินก็บอกมา ทำไม อยากให้มีใครมาทำกับนายแบบนี้มั่งหรอ?”
“ยุ่ง! ไปไกลๆเลยนะ!!”

ยุนโฮหัวเราะเบาๆ น่าแปลกที่ตอนนี้ไอ้บ้ายุนโฮไม่ได้ทำหน้าตากวนตีนกวนประสาทใส่เขาเหมือนทุกที แววตาของคนตัวสูงมีประกายบางอย่างที่ทำให้แจจุงรู้สึกสั่นๆ

ไม่นะ! เขาอาจจะโกรธมันจนสั่นไปหมดแบบนี้ก็ได้!

“ผ้านายซักจะเสร็จแล้ว”
“อือ…”
“ฉันมาเอาผ้า”
“แล้วบอกฉันทำไม?”
“ก็อยากบอก…”

แจจุงมองคนตัวสูงงงๆ ปกติแล้วมันต้องกวนประสาทเขาสิ ไม่ใช่มายืนทำหน้าตาเหมือนพระเอกเอ็มวีแบบนี้ หรือว่าชองยุนโฮจะโดนละอองฝนจนมันบ้า เพราะห้องซักผ้าของหออาร์ตไม่มีประตู ทำให้ฝนสาดเข้ามาได้ หรือว่า…มันจะช็อคตั้งแต่ที่ไอ้ปาร์คมันฟื้นขึ้นมา…

นัยน์ตากลมโตจับจ้องใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างแปลกใจ แต่เมื่อสบกับนัยน์ตาของอีกฝ่ายแล้วก็ต้องเสมองนู่นมองนี่แก้เก้อ ก่อนจะชะงักค้างเมื่อเหลือบมองไปข้างหลังของยุนโฮแล้วพบว่า…

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ปีเตอร์!!!!!!!!!!!!!!!!!”

ชองยุนโฮหัวเราะเบาๆอย่างถูกใจ ร่างบางๆนี่กระโดดลงจากเครื่องซักผ้ามากอดเขาไว้แน่นเพราะแมลงสาบตัวเดียวที่เกาะอยู่ริมผนังฝั่งตรงข้าม ใครจะไปรู้ว่าคนที่ทำท่าทางเหวี่ยงๆ ดูเอาเรื่องอย่างควีนเจคนสวยของคณะศิลปกรรมจะกลัวแมลงสาบเอาได้ขนาดนี้

“มันบินไปแล้วน่า…”
“จะ…จริงนะ…”
“อื้อ…”

แจจุงกัดปากแน่น ใบหน้าหวานๆนั่นเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาเต็มแก่ ซึ่งมุมน่ารักๆแบบนี้ยุนโฮไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนแรกเขาก็ว่าจะแกล้งแหย่ให้แจจุงโมโหเล่นอยู่หรอก แต่พอเห็นคนสวยๆมาทำหน้าตาแบบนี้ใส่แล้วมันก็…

ใบหน้าหล่อเหลาที่โน้มเข้ามาใกล้ทีละนิดๆพร้อมกับสายตาจริงจังที่จ้องมองมาทำเอาแจจุงหายใจสะดุด เขาปิ๊งแวบไปถึงในนิยายที่ตัวเองเพิ่งอ่านเมื่อสักครู่นี้…นี่มัน…เดจาวูกับนิยายที่ตัวเองเพิ่งอ่านไปชัดๆ

ใบหน้าของยุนโฮโน้มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แต่ไม่รู้ทำไมแจจุงถึงไม่สามารถขยับตัวหนี เขายืนนิ่ง ในสมองขาวโพลนไปหมดคิดอะไรไม่ออกราวกับว่าโดนสายตาคู่นั้นของยุนโฮทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้หายไปจากความคิดด้วย

ใกล้เข้าไปทีละนิด ทีละนิด หากทว่า

“อ๊ากกกกกกกกกก ปล่อยนะ!”

แจจุงกระโดดตัวหนีห่างจากร่างสูง เกือบไปแล้ว เกือบโดนยุนโฮจูบไปแล้ว ดีนะที่เพดานตรงที่เขายืนมันเกิดรั่วพอดี ถ้าน้ำฝนไม่หยดใส่แก้มเขาเมื่อกี้เขาคงต้องเสียจูบให้ยุนโฮไปแล้วแน่ๆ…

แต่ยุนโฮและแจจุงไม่รู้เลยว่า ภาพเมื่อสักครู่นี้ได้ปรากฏขึ้นบน social network ชื่อดังอย่าง twitter เรียบร้อยโดยแอคเค้าท์@siwon407 ที่มีใจความว่า “Hello Beautiful World! ข่าวเด็ดวันนี้ ยุนโฮชอบแจจุง แจจุงชอบยุนโฮเว้ย ไม่เชื่อจงดูซะ!!!!”

บางที…วันฝนตกก็มีเหตุการณ์อะไรๆให้ลุ้นเยอะแยะดีเหมือนกันนะ…




TBC



,


เจอกันอีกทีวันพฤหัสนะคะ :)

Reply · Report Post